World Update…ทำไม ‘มิสยูนิเวิร์สคนใหม่’ ไม่ยอมสวมวิกผม?

มิสยูนิเวิร์สคนใหม่

ทำไม “มิสยูนิเวิร์สคนใหม่” ไม่ยอมสวมวิกผม?

มิสยูนิเวิร์สคนใหม่ – ชัยชนะของ “โซซิบินี ทุนซี” นางงามแอฟริกาใต้วัย 26 ปี บนเวทีมิสยูนิเวิร์ส 2019 ที่ผ่านไปเมื่อต้นเดือนธันวาคม เป็นชัยชนะที่ได้รับเสียงชื่นชมอื้ออึงถึงความเป็นตัวเองอย่างโดดเด่น และความคิดความอ่านของเธอที่ถ่ายทอดผ่านคำตอบบนเวทีประกวดในค่ำคืนนั้น ที่เธอเน้นว่า คนเราทุกคนล้วนเป็นสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังที่สุดในโลก และควรได้รับโอกาสทุกๆ โอกาสอย่างเท่าเทียมกัน และเธอก็ทำให้ผู้คนได้ประจักษ์ว่า ผู้หญิงผมสั้นหยิกแทบติดหนังศีรษะ ที่คนทั่วไปไม่เคยมองว่าสวย ก็มีสิทธิพิชิตมงกุฎมิสยูนิเวิร์สได้เช่นกัน

นางงามเจ้าของปริญญาตรี 2 ใบ สาขาประชาสัมพันธ์และการจัดการภาพลักษณ์ จากมหาวิทยาลัยในเมืองเคปทาวน์ แอฟริกาใต้ ให้สัมภาษณ์ CBS News ว่า ตอนเธอเตรียมตัวเข้าประกวดมิสยูนิเวิร์ส มีแต่คนถามเธอว่า เธอจะต่อผม หรือเลือกสวมวิกผมดูมั้ย?

“นั่นเป็นเพราะมันคือสิ่งที่พวกเราคุ้นเคยกันมา และเห็นกันมาในการประกวดนางงามต่างๆ แต่ฉันคิดว่า ถ้าฉันเลือกต่อผม หรือสวมวิก นั่นก็หมายความว่าฉันไม่เชื่อมั่นในความสวยของตัวเอง ไม่เชื่อมั่นในทรงผมตามธรรมชาติของฉัน”

“ดังนั้น ฉันจึงเลือกที่ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติของตัวฉัน เพราะฉันต้องการบอกให้รู้ว่า นี่ก็คือความสวยงามแบบหนึ่งเช่นกัน ถึงแม้มันจะดูแตกต่าง แต่มันก็คือความสวยงาม”

Advertisement
REUTERS

REUTERSทุนซี ซึ่งเป็น 1 ใน 5 นางงามผิวสีที่คว้ามงกุฎนางงามรายการใหญ่ในเวลาไล่เลี่ยกันในปีนี้ ซึ่งยังมี โทนี แอน ซิงห์ มิสจาเมกา ที่คว้ามงกุฎมิสเวิลด์, นีอา อิมมานี แฟรงคลิน เจ้าของตำแหน่งมิสอเมริกา, เชสลีย์ คริสต์ นางงามยูเอสเอ และ เคลีห์ แกร์ริส มิสทีนยูเอสเอ บอกเธอด้วยว่า ชัยชนะบนเวทีสาวงามที่สุดในจักรวาลของเธอ จะเป็นการย้ำให้ผู้คนได้รับรู้ถึงความสวยงามของทรงผมตามธรรมชาติของคนเราไม่ว่าจะเชื้อชาติใด สีผิวใดว่า ล้วนมีความงามอยู่ในตัวทั้งนั้น

ประเด็นเรื่องทรงผมตามธรรมชาติ ก่อนหน้านี้ที่สหรัฐอเมริการาวเดือนกรกฎาคม ก็มีข่าวน่ายินดี เมื่อรัฐแคลิฟอร์เนียเป็นรัฐแรกที่ออกกฎหมายห้ามนายจ้าง หรือโรงเรียน เลือกปฏิบัติต่อคนที่มีทรงผมตามธรรมชาติ ขณะที่รัฐนิวยอร์ก ก็มีการพิจารณากฎหมายดังกล่าวหลังจากนั้นไม่นาน

ทุนซียังพูดถึงการที่ปีนี้มีนางงามผิวสี “คว้ามง” ได้ถึง 5 คนว่า “มันเป็นการบอกให้เรารู้ว่าโลกเราได้ก้าวมาไกลแค่ไหน และสิ่งสำคัญที่สุดที่ฉันยังจำได้ว่า ฉันเพิ่งพูดไปเมื่อเช้านี้ก็คือ คนเราจำเป็นต้องได้เห็นอะไรสักอย่างที่จะทำให้เขาเริ่มเกิดความเชื่อมั่น ศรัทธา ที่ผ่านมาเราได้เห็น ประธานาธิบดีผิวสีคนแรกของสหรัฐอเมริกา ซึ่งไม่เคยมีใครคิดเลยว่า คนผิวสีก็สามารถเป็นประธานาธิบดีได้ แต่เขาก็ทำได้สำเร็จ และได้จุดประกายความหวังอย่างมากแก่คนผิวสีหนุ่มสาวให้รู้ว่า พวกเขาก็สามารถทำได้เช่นกัน มันได้เปิดทางให้คนเราได้รู้ว่า พวกเขาก็มีพื้นที่ให้สามารถทำสิ่งต่างๆ มากมาย ซึ่งตอนนี้พวกเขาก็ได้เห็นสิ่งที่พวกเราทำ และชาวโลกก็ได้รับรู้กันทั่ว”

REUTERS

ทุนซีบอกว่า ชัยชนะของเธอถือเป็นเหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์สำหรับผู้หญิงผิวสีในการประกวดนางงาม แต่เธอก็เชื่อว่า ชัยชนะของเธอบนเวทีมิสยูนิเวิร์สมีความหมายมากกว่าการแข่งขัน เชื้อชาติ และสีผิว

“ฉันคิดว่าทุกคนสามารถได้แง่คิดจากเรื่องนี้ว่า พวกเขาสามารถเริ่มมีความเชื่อว่าพวกเขาสามารถทำอะไรก็ได้ ที่ก่อนหน้านี้เขาเคยได้รับการบอกกล่าวว่าเขาไม่สามารถทำได้ หรือเขาอาจคิดไปเองว่าเขาทำไม่ได้หรอก คือคุณก็รู้ใช่มั้ยว่าเราทุกคนล้วนแตกต่างกัน และเคยได้รับการบอกว่า คุณเป็นนั่น เป็นนี่ไม่ได้ เพราะมันไม่เคยมีให้เห็นมาก่อน ซึ่งฉันคิดว่าตอนนี้มันได้กะเทาะความเชื่อดังกล่าวแล้ว”

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image