แรงบันดาลใจ ‘พระราชบิดา’ สู่ ‘มูลนิธิภัทรมหาราชานุสรณ์’ ส่งต่อการให้ สู่ผู้ป่วยยากไร้

แรงบันดาลใจ ‘พระราชบิดา’ สู่ ‘มูลนิธิภัทรมหาราชานุสรณ์’ ส่งต่อการให้ สู่ผู้ป่วยยากไร้

มูลนิธิภัทรมหาราชานุสรณ์ – จากพระปณิธานของ สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี ที่ทรงมุ่งหวังให้ประชาชนมีสุขภาพดี คุณภาพชีวิตที่ได้มาตรฐาน ตามรอยพระราชบิดา และเพื่อเป็นการน้อมรำลึกถึง พระบาทสมเด็จพระชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ที่ทรงมีต่อปวงชนชาวไทย เป็นที่มาของ “มูลนิธิภัทรมหาราชานุสรณ์ ในพระอุปถัมภ์ สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี” ที่ตั้งขึ้น เพื่อสนับสนุนการให้บริการรักษาพยาบาลของราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์

โดยได้จัดงานแถลงข่าวเปิดตัวมูลนิธิ ณ ลานอีเดน ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ พร้อมเปิดแคมเปญ “ฮาร์ท ออฟ กิฟวิ่ง สุขแห่งการให้ สานหัวใจแห่งการแบ่งปัน” เปิดตัวของที่ระลึกการกุศลจากภาพวาดฝีพระหัตถ์ชุด “เสือ” ที่นำมาจัดทำของที่ระลึกการกุศลสำหรับผู้ร่วมบริจาคด้วย

ศ.นพ.นิธิ มหานนท์ เลขาธิการราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ กรรมการและเลขาธิการมูลนิธิภัทรมหาราชานุสรณ์ฯ เผยว่า เป็นสิ่งที่ปรากฏให้เห็นมาตลอด ว่าพระราชวงศ์ทุกพระองค์ทรงคิดถึงปวงประชา ไม่ว่าจะขณะทรงลำบาก หรือทรงสุขสบาย ตนมีโอกาสได้เคยเฝ้าฯใกล้ชิด ในขณะที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงมีพระราชอิริยาบถที่สบายๆ เสวยพระกระยาหาร ทอดพระเนตรโทรทัศน์ แต่พระองค์ก็ตรัสกับพวกเราว่า จะทรงทำอะไรเพื่อประชาชน หลังจากทอดพระเนตรสิ่งต่างๆ ในโทรทัศน์ ทุกวินาทีของพระองค์ทรงคิดถึงคนไทยโดยแท้จริง พระองค์ทรงมีพระราชดำรัสไว้ว่าสุขภาพของคนไทยถือเป็นเรื่องสำคัญ หากคนไม่มีสุขภาพที่ดี ก็เจริญก้าวหน้าได้ยาก นี่เป็นสิ่งที่ผมรับใส่เกล้าปฏิบัติมาโดยตลอด เมื่อพระองค์เสด็จสวรรคตแล้ว

Advertisement

กรมพระศรีสวางควัฒนรับสั่งว่า ให้มาช่วยกันสานต่อพระราชปณิธานของสมเด็จพ่อ เรื่องสุขภาพประชาชน จึงเป็นที่มาของมูลนิธินี้

“กรมพระศรีสวางควัฒน ทรงมีมูลนิธิในพระราชานุเคราะห์ 3 แห่ง ทรงมีรับสั่งว่าแต่ละแห่งเป็นพี่น้องกัน คือ มูลนิธิจุฬาภรณ์ เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยยากไร้ มูลนิธิทิพย์พิมาน เพื่อสัตว์ป่วยและไร้ที่พึ่งพิง และมูลนิธิภัทรมหาราชานุสรณ์ฯนี้ เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยในโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ รวมทั้งทุนการศึกษา และวิจัย โดยเฉพาะผู้ป่วยมะเร็งซึ่งจัดเป็นโรคร้ายอันดับหนึ่งของไทยและทั่วโลก เวลาพระองค์เสด็จไปทรงเยี่ยมราษฎรตามถิ่นทุรกันดารต่างๆ ก็ได้รับคนไข้ไว้ในพระราชานุเคราะห์ จากที่แต่ก่อนรักษาเพียงโรคมะเร็ง และส่งต่อคนไข้โรคอื่นๆ ให้กับโรงพยาบาลอื่น ตอนนี้ก็สามารถรักษาเองได้แล้ว ที่ศูนย์การแพทย์จุฬาภรณ์เฉลิมพระเกียรติ ซึ่งหลังจากเปิดให้บริการมา 2 ปี ก็มีคนไข้เพิ่มขึ้นกว่า 60%” ศ.นพ.นิธิเผย

ศ.นพ.นิธิ

ในโอกาสเดียวกันนี้ ยังได้เปิดตัวแคมเปญ ฮาร์ท ออฟ กิฟวิ่ง สุขแห่งการให้ สานหัวใจแห่งการแบ่งปัน เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยมะเร็งยากไร้

ศ.นพ.นิธิเผยว่า ในช่วงส่งสุขท้ายปีนี้ มูลนิธิภัทรมหาราชานุสรณ์ฯ จึงได้จัดกิจกรรมระดมทุนจัดหารายได้เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วย ชวนร่วมส่งการให้ส่งท้ายปี โดยได้รับพระกรุณาธิคุณจากกรมพระศรีสวางควัฒน พระราชทานภาพวาดฝีพระหัตถ์รูปเสือ ซึ่งทรงโปรดวาดมีมากกว่า 100 ภาพ เปรียบดั่งในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่ทรงพิทักษ์ป่า มาจัดทำเสื้อยืด เสื้อโปโล และชุดบัตรอวยพร แต่ละภาพนั้น พระองค์ทรงวาดขึ้นเพื่ออยากแบ่งปันความสุขให้กับประชาชน ดังเช่น ภาพลูกโป่งแห่งรัก ที่มีเสือในบอลลูน และมีรูปหัวใจอยู่ด้านล่าง, ไดอาน่า ที่ทรงวาดเพื่อระลึกถึงความเศร้า ไม่สมหวัง และภาพดวงตะวัน โดยผู้บริจาคตั้งแต่ 50,000 บาท รับภาพพิมพ์จากภาพวาดฝีพระหัตถ์ที่ระลึกพร้อมกรอบ ประดับพระนามย่อ และผู้บริจาค 200,000 บาท รับภาพพิมพ์จากภาพวาดฝีพระหัตถ์ ไดอาน่า ประดับพระนามย่อ นอกจากนี้ ยังมีคอลเล็กชั่น “คุณไหมทอง” สุนัขทรงเลี้ยงสายพันธุ์อลาสกัน มาลามิวท์ ซึ่งเป็นแรงบันดาลพระทัย เป็นหมวก กระเป๋า เสื้อ แก้วน้ำ

“สินค้าแต่ละอย่าง ทรงมีรับสั่งให้จำหน่ายในราคาย่อมเยา เพื่อที่ทุกคนจะสามารถซื้อหาร่วมบุญได้” ศ.นพ.นิธิ ทิ้งท้าย

ร่วมส่งความสุข เพื่อผู้ป่วยมะเร็ง

แรงบันดาลใจ คนดังตามรอยพระปณิธาน

นอกจากจะมีการเปิดตัวมูลนิธิภัทรมหาราชานุสรณ์ฯแล้ว ภายในงานยังได้เหล่าเซเลบริตี้ มาถ่ายทอดแรงบันดาลใจ “สุขแห่งการให้” ที่ได้จากน้ำพระทัย รัชกาลที่ 9 อีกด้วย

ม.ล.ปิยาภัสร์ ภิรมย์ภักดี ได้ยกพระราชดำรัสของในหลวงรัชกาลที่ 9 เรื่องความเสียสละช่วยเหลือกัน ที่ประชาชนทั้งชาติได้แสดงให้ปรากฏนั้น เป็นหลักความมั่นคงของบ้านเมืองของเราอย่างแท้จริง โดยว่า นับเป็นบุญของประเทศชาวไทย ที่มีพระองค์เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรมาตลอด ตั้งแต่เกิดมาก็ได้เห็นตลอด แต่สิ่งที่พระองค์พระราชทานไว้ให้กับชาวไทย คือทรงทุ่มเททุกอย่าง ทั้งพระวรกาย พระราชทรัพย์ ความเสียสละที่คนธรรมดาจะทำได้ ฐานะที่เราเป็นคนไทย ไม่ว่ามีส่วนไหนจะทำได้ ก็จะทำให้กับผู้อื่น ทั้งงานส่วนตัวและส่วนรวม

ม.ล.ปิยาภัสร์

ขณะที่ ดร.อุษณีย์ มหากิจศิริ ลีโอณีโอ เผยว่า ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงสอนสิ่งต่างๆ ให้พวกเรามากมาย พระราชดำรัสที่น้อมนำมาใส่ใจอยู่เสมอ คือเรื่องความเข้มแข็งในจิตใจ ที่เป็นสิ่งที่ต้องฝึกฝนแต่เด็ก เมื่อเจออุปสรรคใดๆ ก็จะฝ่าฟันไปได้ ทำให้เรามีความเข้มแข็งเป็นสำคัญ ทุกครั้งที่เจอปัญหาก็จะคิดถึง จนผ่านพ้นปัญหาไป อย่างเราตั้งโครงการให้ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปได้มาทำงาน ก็เป็นส่วนหนึ่งที่อยากให้เขาเข้มแข็ง สู้ต่อไป

ด้าน อลิสา อินทเสนี เผยว่า นับตั้งแต่เด็ก ได้เห็นในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงงานหนักเพื่อประชาชน เสด็จฯไปยังถิ่นทุรกันดาร เพื่อยกระดับชีวิตประชาชน เราเองเป็นคนใฝ่ฝันอยากมีชีวิตที่ดี ก็ยกคำสอนของพระองค์ เรื่องการอดทน ฝ่าฟันปัญหาและขยันหมั่นเพียรมาใช้ จนชีวิตประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง เมื่อเรามีแล้ว ก็ต้องเมตตา แบ่งปันคนอื่น จึงได้ทำงานต่างๆ เพื่อช่วยเหลือคนที่ด้อยโอกาส ให้เขามีความสุข เหมือนที่พระองค์ทรงทำมาตลอด

ปิดท้ายด้วย สุพัตรา จิราธิวัฒน์ เผยว่า นับตั้งแต่เกิดมาก็ได้เห็นภาพพระองค์ทรงงานหนัก เดินทางไปที่ต่างๆ เพื่อลดความเหลื่อมล้ำของประชาชน เมื่อมีโอกาสได้ทำงาน กลุ่มเซ็นทรัลจึงน้อมนำพระราชดำรัสเรื่องการแบ่งปันมาปฏิบัติ ดูแลชาวบ้านชุมชนโดยรอบ และช่วยเหลือพนักงาน ให้ครบทั้งภายนอกและภายใน

หัวใจไทยตามรอยพระบาท

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image