สุราษฎร์หรอยแรง ครัวริมน้ำ ร้านกุ้งปลาแม่น้ำ และ Vanilla ร้านฟิวชั่นปักษ์ใต้

วันที่ 3 กรกฎาคม 2559 - 13:30 น.

ที่มา	คอลัมน์ ตามรอยพ่อไปชิม มติชนรายวัน
ผู้เขียน	ม.ล.ภาสันต์ สวัสดิ์วัตน์ ( ปิ่นโตเถาเล็ก)
เผยแพร่	วันที่ 3 กรกฎาคม 2559

ปิ่นโตเถาเล็กเพิ่งไปถ่ายรายการสังเกตความอร่อยที่เมืองหอยใหญ่ไข่แดง สุราษฎร์ธานี คราวนี้เจ้าแอ้มเพื่อนรัก รวมทั้งเจ้าอ๋อ และ ส.ท.ตุ้ย พาตระเวนชิมร้านที่ผมยังไม่เคยไปหลายเจ้า อาทิตย์นี้จึงขอแนะนำ 2 ร้านควบเลย

ร้านแรกเป็นร้านที่เน้นเมนู กุ้งแม่น้ำและปลาแม่น้ำรสชาติเผ็ดร้อน มีชื่อว่า ครัวริมน้ำ ทางไปร้านจากในตัวเมืองให้วิ่งมาตาม ถนนสาย 401 ไป อ.พุนพิน วิ่งมาประมาณ 8-9 กม. แล้วเลี้ยวซ้ายที่สามแยกไฟแดงก่อนเข้า อ.พุนพิน ไปตาม สาย 401 (มีป้ายบอกทางไปพังงา อ.ทุ่งสง) วิ่งมาอีก 12 กม. พอข้ามทางรถไฟแล้วให้เลี้ยวซ้ายเข้าซอย (ตรงนี้เรียกว่า เขาหัวควาย) มาอีก 2 กม.ก็จะถึง ร้านครัวริมน้ำ ซึ่งอยู่ริมคลองท่าสะท้อนเลย มีป้ายทางเข้าร้านเห็นชัดเจน รวมระยะทางจากตัวเมือง 20 กม.

ครัวริมน้ำอยู่ในเรือนโปร่งโล่งทอดยาวไปตามริมน้ำ บรรยากาศร่มรื่น เป็นร้านขวัญใจนักกอล์ฟ (แต่ก่อนมีสนามกอล์ฟใกล้ๆ) ทำกันในครอบครัว พ่อแม่ลูกและน้าชาย เปิดมา 25 ปีแล้ว

เกริ่นไปว่ามีเมนูกุ้งปลาแม่น้ำ แต่ที่ห้ามพลาดเลย ต้องสั่งเป็นอย่างแรกคือ หมูผัดกะปิ (150 บาท) ใช้กะปิเคยจาก อ.ท่าฉางซึ่งหอมมากๆ ผัดแล้วปรุงรสด้วยน้ำตาลปี๊บกับพริกขี้หนูสวนเม็ดเล็กๆ ซึ่งหอมเผ็ดร้อนหรอยแรง เมนูนี้สั่งกันแทบทุกโต๊ะ

อีกอย่างหนึ่งที่เด็ดสุดสุดคือ กุ้งแม่น้ำเผา เป็นกุ้งจากคลองท่าสะท้อนนี้เอง เนื้อเด้งหวานสด มันเยิ้มๆ หอมมากๆ อร่อยกว่ากุ้งแม่น้ำภาคกลางเสียอีก ช่วงหน้าร้อนกุ้งจะตัวเล็กหน่อย แต่ก็ไม่เล็กมาก ขนาด 5-6 ตัว/กิโล สนนราคากิโลละ 1,200 บาท (ของเรา 3 ตัว 600 บาท) ช่วงเดือน 11-12 ปลายฝน จะตัวโตขนาด 3-4 ตัว/กิโล สนนราคากิโลละ 1,300 บาท จะทำต้มยำ อบเกลือ ทอดกระเทียม ฉู่ฉี่ ซอสมะขามได้ทั้งนั้น

เมนูดังประจำร้านอีกอย่างคือ ปลาบู่นึ่งซีอิ๊ว รสนุ่มนวล ปรุงด้วยน้ำมันหอย ขิง ต้นหอมและพริกแดงเม็ดใหญ่ ตัวนี้ขนาด 8 ขีดขายกิโลละ 700 บาท น้องปั๋มหรือน้องสุธีรา หลานเจ้าของร้านบอกว่า ปลาบู่ยิ่งตัวใหญ่ยิ่งเนื้อแน่นเป็นก้อนอร่อย ขนาดตัวละ 2-3-4-5 กิโลก็มี

อาหารปักษ์ใต้ก็มีหลากหลาย ต้องสั่ง แกงส้มปลากดเหลือง (250 บาท) เนื้อสดเป็นก้อนๆ เครื่องแกงตำเองหนักขมิ้น รสชาติเผ็ดร้อนขนาดกินข้าวคำน้ำคำ จะใส่อ้อดิบ ยอดมะพร้าว หรือหน่อไม้ดองก็ได้ทั้งนั้น หรือจะลอง ปลากดเหลืองผัดเผ็ด (250 บาท) ใส่กระชายกับเครื่องแกงคั่ว หอมใบราหรือยี่หร่ารสร้อนแรงมาก

เมนูอื่นๆ ที่น่าลิ้มลองมีตั้งแต่ ปลาซิวทอดน้ำปลา (150 บาท) ใบเหลียงผัดไข่ (60 บาท) ทอดมันปลากราย แท้ๆ (160 บาท) อีกทั้งหน้าสะตอก็จะมี กุ้งผัดกะปิสะตอ

ร้านครัวริมน้ำเปิดบริการทุกวันตั้งแต่ 10 โมงเช้าถึง 2 ทุ่ม หยุดทุกวันจันทร์ที่ 2 ของเดือนนะจ๊ะ ลองเปลี่ยนบรรยากาศไปนั่งริมคลองแทนทะเลกันบ้าง

ขอพาแฟนๆ มาต่อที่ใจกลางเมืองสุราษฎร์ ริมถนนกาญจนวิถี มีร้านน้องใหม่ที่กำลังมาแรง ข้างธนาคารไทยพาณิชย์ เข้าซอยมาเพียง 20 เมตร ตกแต่งสไตล์คาเฟ่ทันสมัยเหมือนในกรุงเทพฯ ชื่อเต็มว่า Vanilla Cafe & Bistro(วานิลลา คาเฟ่ แอนด์ บิสโตร) ซึ่งคนสุราษฎร์เรียกกันสั้นๆ ติดปากว่า Vanilla (วานิลลา)

ร้าน Vanilla ตอนนี้กลายเป็นร้านดังที่ครอบครัวใหญ่ยกโขยงมากัน 3 ชั่วอายุทั้งคุณปู่คุณย่าคุณตาคุณยาย คุณลูกๆ และคุณหลานๆ เพราะที่นี่มีอาหารฟิวชั่นปักษ์ใต้หน้าตาทันสมัยแต่ปรุงรสชาติแท้ๆ หรอยแรง ไม่ได้ดัดแปลง อีกทั้งมีอาหารยุโรปฟิวชั่น รวมทั้งของหวานอลังการมากมาย

เจ้าของร้านทำกันในครอบครัว มีคุณแม่นงลักษณ์ที่เจ้าแอ้มเรียกว่าเจ๊แอน รับแขกเก่งมาก มีน้องอาร์มช่วยดูหน้าร้าน อีกทั้งน้องโอปอลซึ่งไปร่ำเรียนด้านการโรงแรมจากสวิตเซอร์แลนด์ อีกทั้งเคยเรียนทำขนมมาแล้ว ดูในครัวทั้งอาหารคาวหวาน เดิมตั้งใจจะทำโรงเรียนสอนและขายอุปกรณ์ทำขนม พอเปลี่ยนใจเลยยังใช้ชื่อเดิมว่าวานิลลา

มาร้านนี้นั่งสบาย เลือกกินได้หลากหลาย อยากกินอาหารใต้ให้สั่ง แกงปู เส้นหมี่ (257 บาท) ใส่ใบชะพลูกับเนื้อกรรเชียงปูเป็นก้อนๆ เยอะมาก หรือจะลอง แกงไตปลา ปลาย่าง (127 บาท) ใส่เนื้อปลาโอย่าง กับไตปลาทูและเคยปลาหอมๆ อีกทั้ง ยำขนมจีนปลาทู (117 บาท) ยำใส่กะปิ ถั่วฝักยาวซอย หอมแดงซอยและสะระแหน่ โปะหน้าด้วยปลาทูนึ่งมา 2 ซีก และเมนูถูกใจชื่อ เสน่ห์แดนใต้ (227 บาท) มีน้ำพริกมะม่วงเบา แกล้มด้วยปลาทูทอด กับหมูสามชั้นที่ทั้งต้มอบและทอดจนอร่อยรสชาติคล้ายหมูคั่วเกลือ

อาหารฟิวชั่นก็น่าลิ้มลอง ขอแนะนำ สปาเกตตีโนราห์ (107 บาท) ที่ผัดเส้นกับกะปิใส่หมูติดมัน เมนูนี้หอมกะปิมากห้ามพลาดเลย และก็มี สปาเกตตีเพสโต้แซลมอน (167 บาท) ที่ทำซอสเพสโต้แบบไทยๆ จากโหระพาไทยและมะม่วงหิมพานต์ เติมครีมลงไปตามความชอบของคนใต้

ตอนที่เราไปเป็นช่วงหน้าร้อน เลยได้ชิมของหวานสองสัญชาติ ชื่อ เสน่ห์หอมหวาน (170-220 บาท) ประกอบด้วย บิงซู น้ำแข็งไสเกาหลีละเอียดเหมือนปุยหิมะ ราดซอส มะม่วงน้ำดอกไม้ นมข้นหวาน และน้ำผึ้ง กินกับ ข้าวเหนียวมะม่วง ซึ่งมูนเอง โรยอัลมอนด์กับถั่วทอง มีเฉพาะหน้ามะม่วงเท่านั้น

ยังมีขนมน่าชิมอีกมากมาย เช่น โรตีชาไทย ทำจากโรตีพาโรต้าของอินเดียแป้งหนานุ่มโรยด้วยมะม่วงหิมพานต์กับอัลมอนด์ กินคู่กับไอศกรีมวานิลลา ราดด้วยซอสชาไทยเข้มข้นกับนมข้นหวาน (90 บาท) ร้านวานิลลาเปิด ตั้งแต่ 10 โมงเช้าถึง 5 ทุ่ม หยุดทุกวันพฤหัสนะจ๊ะ

ไปสุราษฎร์ฯ ต้องไปลองชิม 2 ร้าน 2 สไตล์ อร่อยทั้งคู่เลย เดี๋ยวคราวหน้าปิ่นโตเถาเล็กจะพาไปชิมร้านดังที่อยู่คู่เมืองสุราษฎร์มานานกันบ้างนะจ๊ะ