‘เบล เมทิกา’ ร้องขอความยุติธรรม รู้สึกเหมือนโดนหลอกใช้งาน ทั้งที่ตั้งใจปลดอยู่แล้ว

จากกรณีดราม่าวงการขาอ่อน เมื่อกองประกวดมิสแกรนด์สระแก้ว ได้ประกาศปลด เบล – เมทิกา ลือพักตรา ออกจากตำแหน่งมิสแกรนด์สระแก้ว จนเป็นกระแสฮือฮา ซึ่งเบลได้ออกมาโพสต์แฉถึงเรื่องเงินรางวัลที่ยังไม่ถึงมือ รวมทั้งความชอบธรรมของพีดีในการปลดนางงาม โดยภายหลังพีดีกองประกวดได้บอกถึงสาเหตุที่ปลด เบล ว่าเพราะนางงามไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมาย รวมถึงกฎระเบียบกิจกรรมและเงื่อนไขที่กองประกวดมิสแกรนด์สระแก้ว 2559 กำหนด บวกกับพฤติกรรมของน.ส.เมทิกาไม่เหมาะสม จึงจำเป็นต้องปลดออก โดยตอนแรกตั้งใจปลดตั้งแต่วันที่ 8 มิถุนายน ซึ่งเป็นวันที่เกิดเรื่องแล้ว แต่ติดสัญญากับทางกองประกวดมิสแกรนด์ไทยแลนด์ ที่จะต้องให้นางงามเดินทางมาเข้ากองประกวดในวันที่ 10 มิถุนายน เพราะการปลดนางงามในตอนนั้นถือเป็นเรื่องกระชั้นชิดไม่สามารถทำได้

(อ่านข่าวตอบแล้ว! “พีดีมิสแกรนด์สระแก้ว” โต้กลับ คิดดีแล้วก่อนประกาศปลด “เบล – เมทิกา” ย้ำมีหลักฐานเรื่องเงินชัด)

ล่าสุด เบล เมทิกา ได้ให้สัมภาษณ์เปิดใจถึงกรณีดังกล่าวอีกครั้งผ่านรายการ ปากโป้ง ทางช่อง 8 ว่า ตนมีปัญหากับพีดีสระแก้วตั้งแต่ก่อนประกวดมิสแกรนด์ไทยแลนด์แล้ว โดยตนได้รับตำแหน่งที่มิสแกรนด์สระแก้วมา ซึ่งความจริงทางพีดี ต้องดูแลโดยการส่งไปเรียนบุคลิกภาพ เรียนแต่งหน้า รวมถึงดูแลเรื่องเสื้อผ้าก่อนจะไปประกวดเวทีมิสแกรนด์ไทยแลนด์ ซึ่งตนรู้สึกว่าไม่ได้รับการดูแลเท่าที่ควร

“สิ่งที่หนูรู้สึกว่าหนูทนไม่ไหวแล้วคือเรื่องชุดแฟชั่นที่จะใช้เดินเปิดตัวมิสแกรนด์ไทยแลนด์ ตอนที่ส่งแบบมาให้หนูดูคือมันสวยมาก พอวันที่ไปลองชุดจริง ๆ กับทางร้าน เลยรู้สึกว่าทำไมมันออกมาแค่นี้ และเขาแจ้งว่าทางพี่เลี้ยงเนี่ย ชุดมีราคาสองหมื่นบาทไปสั่งตัดมา แต่สิ่งที่เราได้กลับมาคือแบบ ยังคิดว่าทำไมสองหมื่นบาททำได้แค่นี้หรอ ชุดตัวละ199ยังสวยกว่านี้เลย เพราะชุดมันไม่ไหวมันจริง ๆ ตอนนั้นก็โทรหาแม่แล้วบอกกับแม่ว่าชุดมันไม่ได้เลย จะให้หนูใส่แบบนี้ไปแข่งกับเขาหรอ หนูก็เลยให้แม่โทรหาพี่เลี้ยงคนอื่นทีหนูเคยรู้จัก ให้หาชุดให้ได้ไหม พอแม่เห็นชุดแม่โทรไปหาร้านผ้าทอที่จ.สระแก้วเลย” เบลกล่าว

และว่าสุดท้ายชุดประมาณ 5-6 ชุด ที่ตนใส่ประกวดบนเวทีนั้นตนและคุณครูของตนเป็นคนช่วยหา ส่วนการแต่งหน้า ทำผม ตนก็จ้างช่างแต่งหน้ามา และออกค่าใช้จ่ายเองทั้งหมด ทำให้รู้สึกว่าตนไม่ได้รับความเป็นธรรมในเรื่องดังกล่าว ทั้งที่พีดีก็รับเงินสนับสนุนจากจังหวัดมาแล้ว เป็นผลให้ตนได้โพสต์ระบายความรู้สึกด้วยคำที่ไม่สุภาพผ่านทางเฟซบุีคส่วนตัว

Advertisement

“หนูก็เลยโพตส์ข้อความ ๆ หนึ่งลงเฟสบุ๊คเป็นข้อความไม่สุภาพ ประมาณว่าเอาเงินไปตั้งสามแสนสองทำไมมาดูแลได้แค่นี้หรอ เหมือนพีดีเขาเข้ามาดู และพีดีเขาก็โทรมาคืนนั้นเลย คือเรื่องเงินสามแสนสอง ต้องอธิบายก่อนว่า หลังจากที่ได้ตำแหน่งมิสแกรนด์สระแก้วแล้ว ทางพีดีก็ทำเรื่องขอทางผู้ใหญ่ของจังหวัดเพื่อสนับสนุนเงินก้อนหนึ่งให้น้องเป็นตัวแทนนำเสนอเรื่องราวของจ.สระแก้วเพื่อขึ้นประกวด พอพีดีเขาโทรมา เขาก็บอกว่าทำไมไปโพสต์ข้อความแบบนี้ได้อย่างไรมันไม่สุภาพ ไม่เหมาะสมให้ลบข้อความได้ไหม แล้วก็โพสต์ขอโทษ คือหนูก็ลบเลยแล้วก็โพสต์ขอโทษทันที หลังจากนั้นเขาก็โทรมาอีก หลังจากที่หนูโพสต์ข้อความไม่เหมาะสม เขาก็ยื่นข้อเสนอว่าเป็นคนดูแลตัวเองได้ไหม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเสื้อผ้า หน้าผม ตั้งแต่ 10-26 มิถุนายน ที่หนูยอมเพราะว่าเหมือนมันต่อกันไม่ติดแล้ว ก็เลยมาดูแลเองเพื่อความสบายใจ

และที่มั่นใจว่าเรื่องเงินมีเงื่อนงำเพราะ “พอเรามาดูแลตัวเอง แม่หนูก็เลยโทรหาจังหวัดเพื่อขอสปอนเซอร์ ทางจังหวัดเลยบอกมาว่าจะให้ได้ยังไงก็ให้กับพีดีมาแล้วสามแสนสองหมื่นบาท หนูก็เลยรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรม”

“จริง ๆ หนูไม่ได้สนใจว่าคุณไปของบมาเท่าไหร่ หนูแค่สนใจว่าเราทำงานร่วมกันคุณต้องเต็มที่กับเรา เพราเราแบกชื่อของจังหวัดไว้เราก็อยากจะเต็มที่ ถึงแม้ว่าเราจะไม่ใช่คนจังหวัดสระแก้วแต่เราเป็นตัวแทน เราอยากทำหน้าที่ของหนูให้ดีที่สุด มันเลยทำให้หนูสงสัยว่าแล้วเงินล่ะ เยอะขนาดนี้คุณถือลิขสิทธิ์ 4 จังหวัดอะ คุณเอาเงินตรงนี้ไปแบ่งให้กับเด็กคนอื่นหรือเปล่า ไปแบ่งให้กับจังหวัดอื่นหรือเปล่า มันเป็นความสงสัยในตัวหนูเอง ต้องการให้เขาชี้แจง เพราะทั้งหมดนี้หนูออกเงินเอง ออกเองไปทั้งหมดหกหมื่นบาท คือเขาไม่ต้องจ่ายอะไรเลย ตั้งแต่เขาโทรมายื่นข้อเสนอให้หนูก็จ่ายเอง”

Advertisement

ส่วนกรณีที่โดนปลดออกจากตำแหน่งมิสแกรนด์สระแก้วนั้น เธอว่า หลังจากการประกวดเสร็จสิ้นไปสองวัน ก็พบว่ามีจดหมายปลดเธอออกจากตำแหน่งเพราะไม่สามารถปฎิบัติหน้าที่ได้ ซึ่งตนสงสัยว่าเรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นก่อนการประกวดมิสแกรนด์ไทยแลนด์ ถ้าอยากจะปลดทำไมไม่ปลดตั้งแต่แรก

“เท่าที่หนูรู้ว่า ถ้าคุณไปปลดนางงาม ทางกองประกวดใหญ่ก็จะฟ้องได้ เท่ากับว่าที่เขาไม่ปลดหนูก่อนเพราะเขากลัวการฟ้องร้อง เท่ากับว่าเขามาหลอกเด็กคนหนึ่งให้ขึ้นไปประกวดให้เสร็จเรียบร้อยหรอ โดยการที่ไม่ได้แจ้งเราก่อนว่าคุณจะปลด ล่าสุดทางผู้อำนวยการการประกวดที่สระแก้วเขาไม่ได้มา เขาส่งลูกน้องเขามา แล้ววันศุกร์ที่ 1 ก.คที่ผ่านมา คือทางผู้ว่าราชการจังหวัดได้เรียกหนูลีดีเข้าไปคุยกันแล้ว แล้วเหมือนผู้ว่า ฯ เขาก็พูดออกหน้าว่าน้องเขาไมได้ทำอะไรผิดนะ เอามงกุฎและสายสะพายมาคืนเขา แต่ทางพีดีเขาบอกว่า เขาขอเข้าไปคุยในที่ประชุมก่อนว่าจะยังไง แล้วจะเข้ามาคุยกับทางจังหวัดอีกทีค่ะ” เบลกล่าว

พร้อมทั้งบอกว่า แม้จะโดนปลดแล้ว แต่ตนยังติดสัญญากับทางพีดีอยู่อีก 1 ปี ในการดูแลเรื่องงาน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image