คณะทูตทัศนศึกษา โครงการพระราชดำริ ชื่มชม ‘ดอยตุง-น้ำมันเมล็ดชา’

คณะทูตทัศนศึกษา

คณะทูตทัศนศึกษา โครงการพระราชดำริ ชื่มชม “ดอยตุง-น้ำมันเมล็ดชา”

คณะทูตทัศนศึกษา – เพราะประเทศไทย ยังมีสิ่งสวยงามที่น่าค้นหาอีกมาก รวมไปถึงภูมิปัญญาและองค์ความรู้ของชาวบ้าน ที่ช่วยพัฒนาชุมชน ยิ่งด้วยพระอัจฉริยภาพ ของพระราชวงศ์ไทย ที่ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณผ่านโครงการพระราชดำริต่างๆ ยิ่งช่วยให้ประชาชน มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน และเป็นที่ประจักษ์ในระดับสากล

เพื่อเผยแพร่พระราชกรณียกิจของสถาบันพระมหากษัตริย์ไทย และสร้างความรู้ความเข้าใจกับประเทศไทยในหลายมิติ กระทรวงการต่างประเทศ จึงได้จัด โครงการนำคณะทูตต่างประเทศประจำประเทศไทย และคู่สมรส ทัศนศึกษาโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ณ จ.เชียงราย โดยมี วิชาวัฒน์ อิศรภักดี ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และภริยา พร้อมผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงการต่างประเทศนำคณะทูต ผู้แทนกงสุลและองค์การระหว่างประเทศ ประจำประเทศไทยพร้อมคู่สมรส จำนวน 53 คน เข้าร่วมโครงการ

ทรงสาธิตการประกอบอาหาร กระทงทองน้ำมันเมล็ดชา

ในโอกาสนี้ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้คณะทูตเข้าเฝ้าฯ ในการเสด็จฯทอดพระเนตรโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ 2 โครงการ คือ ชุมชนบ้านทางหลวง อ.แม่จัน ซึ่งเป็นโครงการของมูลนิธิชัยพัฒนาและศูนย์การพัฒนาพันธุ์พืชจักรพันธ์เพ็ญศิริ ทอดพระเนตรนิทรรศการการเรียนรู้วิถีชีวิตและสาธิตงานศิลปหัตถกรรม 6 ฐาน อาทิ ถุงผ้าเมล็ดชาและหมอนใบชา ช่วยดูดกลิ่นอับชื้น และช่วยให้ผ่อนคลาย ฐานตุ๊กตาไทยยอง การทอผ้า และ ศูนย์วิจัยและพัฒนาน้ำมันและพืชน้ำมัน อ.แม่สาย โครงการศึกษาและพัฒนาการปลูกชาน้ำมันของมูลนิธิชัยพัฒนา โดยทรงมีพระราชปฏิสันถารกับคณะทูตอย่างไม่ถือพระองค์ ทั้งนี้ ยังได้ทรงสาธิตการปรุงอาหาร “กระทงทองน้ำมันเมล็ดชา” และร่วมฉายพระฉายาลักษณ์กับคณะทูต

Advertisement

เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่เพิ่มเพื่อน

ณ ชุมชนบ้านทางหลวง อาชีพหลักคือการทำนา ประชาชนในพื้นที่ปลูกผักส่งให้กับศูนย์การพัฒนาพันธุ์พืชจักรพันธ์เพ็ญศิริ เพื่อส่งขายให้กับร้านจันกะผัก จำนวน 34 ชนิด มีรายได้เพิ่มเติมให้ครัวเรือนราว 16,000 บาทต่อปี

Advertisement

วิชาวัฒน์ อิศรภักดี

สำหรับ ศูนย์วิจัยและพัฒนาน้ำมันและพืชน้ำมัน เริ่มดำเนินการปี 2554 โดยปลูกชาน้ำมันเพื่อแก้ไขปัญหาป่าเสื่อมโทรมและสร้างรายได้ให้กับประชาชน ปัจจุบันผลิตน้ำมันเมล็ดชา คุณภาพสูง อุดมด้วยโอเมก้า 3 6 และ 9 ช่วยลดความดันโลหิต ต้านมะเร็ง ใช้ประกอบอาหารที่ต้องใช้ความร้อนสูง และนำมาผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ อาทิ โลชั่นบำรุงผิว แฮร์โทนิค ครีมอาบน้ำ ลิปบาล์ม โดยคณะทูตยังได้ชมโรงงานผลิตน้ำมันเมล็ดชาด้วย ก่อนเดินทางไปเยี่ยมชมนิทรรศการเกี่ยวกับโครงการพัฒนาดอยตุง ณ หอแห่งแรงบันดาลใจ ดอยตุง

ดอยตุงโกอินเตอร์ “อิเกีย-มูจิ”

ม.ล.ดิศปนัดดา ดิศกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์ เผยถึงความก้าวหน้าของการพัฒนาที่ยั่งยืนบนพื้นที่ดอยตุงว่า ด้วยพระวิสัยทัศน์ของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ที่ต้องการแก้ไขปัญหาการปลูกฝิ่น และยาเสพติดบนพื้นที่นี้ เมื่อ 30 ปีก่อน โดยทรงเล็งเห็นว่าต้องแก้ปัญหาด้วยการขจัดความเจ็บป่วย ความยากจน และ ความไม่รู้ ด้วยการพัฒนาคุณภาพชีวิตคน โดยเข้าไปทำงานกับผู้คน ลงไปรับฟังและทำความเข้าใจ เพื่อให้รู้ว่าจะสามารถช่วยเหลือเขาได้อย่างไร และเรียนรู้จากการลงมือทำ

พร้อมทั้งพูดถึงการเติบโตของดอยตุงทุกวันนี้ว่า ปัจจุบัน ดอยตุงมีธุรกิจต่างๆ เริ่มจาก กาแฟ และแมคคาเมีย ที่ส่งเสริมให้ชาวบ้านปลูกกาแฟและแมคคาเดเมีย ที่มีราคาสูงแทนการปลูกฝิ่น ทั้งยังช่วยปกป้องป่าได้ ปัจจุบันมีร้านกาแฟอยู่ 15 สาขา , การท่องเที่ยว ให้คนในพื้นที่ได้มีส่วนร่วม ทั้งโรงแรมและสวน และงานหัตถกรรม เริ่มจากดูว่าคนในพื้นที่ทำอะไรได้บ้าง ก่อนจะพัฒนาไปตามตลาด เป็นผลิตภัณฑ์เซรามิก เสื้อผ้าต่างๆ ใช้สีจากธรรมชาติ นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาพื้นที่ ให้โรงเรียนต่างๆ มีกิจกรรมที่เด็กๆสามารถค้นหาความชอบได้ ไม่ว่าจะด้าน การเต้น กาแฟ ทำอาหาร และมีเวทีให้เขาได้แสดงออก ลดความเสี่ยงที่เด็กจะก้าวเข้าสู่อบายมุขได้

ท่านผู้หญิงบุตรี วีระไวทยะ และม.ล.ดิศปนัดดา นำคณะทูตเข้าชมพระตำหนักดอยตุง
คณะทูตชมสวนแม่ฟ้าหลวง

“ปัจจุบันผลิตภัณฑ์ของเรา ได้ส่งออกไปยังต่างประเทศไม่น้อย โดยปี 2018 ได้รับรางวัลการออกแบบจากกู้ด ดีไซน์ อะวอร์ดส์ เราส่งออกผลิตภัณฑ์ไปขายกับอิเกีย ในประเทศต่างๆ อาทิ ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น มีร้านกาแฟที่ร้านมูจิ สาขาสามย่านมิตรทาวน์ ทั้งยังมีกาแฟเสิร์ฟที่สายการบิน เจแปน แอร์ไลน์ อีกไม่นานนี้ยังจะมีกาแฟขายที่เทสโก้ โลตัส รวมไปถึงกิจกรรมอย่าง ดอยตุง แอนด์ เฟรนด์ ที่มีดีไซเนอร์ดังๆมาร่วมออกแบบกับดอยตุง” ม.ล.ดิศปนัดดา เผย

ไม่เพียงได้ศึกษาเรื่องราวของดอยตุง แต่ยังได้ร่วมทัศนศึกษาดูโรงงานของดอยตุง ทั้งโรงงานผ้า เซรามิก กระดาษสา และกาแฟ ซึ่งโรงงานแห่งนี้มีการใช้เปลือกแมคคาเดเมีย เศษผ้า กระดาษ ทดแทนพลังงาน โดยลดการใช้แอลพีจีไปได้มากกว่า 50%

คณะทูตร่วมดูงานในโรงงานแม่ฟ้าหลวง

ชื่อชม “พระวิสัยทัศน์” ราชวงศ์ไทย

จิตติพัฒน์ ทองประเสริฐ อธิบดีกรมพิธีการทูต เผยว่า โครงการนี้ จัดขึ้นนับแต่ปี 2545 นับเป็นปีที่ 18 แล้ว เพื่อให้คณะทูตได้ตระหนักรู้และได้เผยแพร่พระราชกรณียกิจของพระราชวงศ์ ที่สร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับประชาชน โดยเฉพาะในถิ่นทุรกันดาร ในปีนี้ คณะทูตได้สัมผัสกับปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ต่างประทับใจกับน้ำมันเมล็ดชา ที่คล้ายคลึงกับโอลีฟ ออย และยังประทับใจในการพัฒนาพื้นที่ดอยตุง ที่ออกดอกผลเมื่อทำงานอย่างเป็นระบบ จริงจัง ไม่เพียงแต่เป็นผลดีต่อไทยแต่ยังขยายถึงประเทศอื่นๆด้วย

จิตติพัฒน์ ทองประเสริฐ (กลาง)

ลุตฟี ราอุฟ เอกอัครราชทูตอินโดนีเซียประจำประเทศไทย และภริยา เผยว่า ประทับใจในปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และการทำงานเพื่อพัฒนาอย่างยั่งยืนอย่างมาก ที่ทำให้คนพื้นที่ได้มีคุณภาพชีวิตที่ดี ทั้งจาก สิ่งทอ กาแฟ แมคคาเดเมีย รวมไปถึงผลิตภัณฑ์เซรามิกที่ได้ส่งออก ที่มีไอเดียทั้งการดีไซน์ มาร์เก็ตติ้งที่ดี ช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนได้ เพิ่มรายได้ให้กับประเทศ ทั้งนี้ แม้จะไม่ใช่ครั้งแรกที่ได้เฝ้าฯรับเสด็จ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี แต่ทุกครั้งก็ประทับใจในความไม่ถือพระองค์ และความเคารพที่คนไทยมีให้กับพระองค์ เช่นเดียวกับ สมเด็จย่า ที่ทรงมีคำสอนให้มีหัวใจที่ดี เป็นต้นแบบให้นำไปปรับใช้ได้ว่า หากทำสิ่งใดด้วยหัวใจที่ดีย่อมประสบความสำเร็จ

ลุตฟี ราอุฟ และภรรยา

ด้าน ซานจีฟ ชาวฮูรี ทูตพาณิชย์แคนาดา ประจำประเทศไทย ที่เพิ่งเข้ามารับตำแหน่งได้ 7 เดือน เผยว่า นับเป็นโชคดีที่ได้มาสัมผัสกับมุมที่หลากหลายของประเทศไทย เช่น เรื่องการพัฒนาสังคมในชุมชน ที่ได้ชาวบ้านพัฒนาคุณภาพชีวิตของเขา จากการท่องเที่ยว หรือเพาะปลูก หรืออย่างที่ดอยตุง ที่พัฒนาขึ้นได้จากเมล็ดพันธุ์เพียงเมล็ดเดียว ด้วยพระวิสัยทัศน์ของราชวงศ์ไทย ถือเป็นเรื่องที่มหัศจรรย์มาก

ซานจีฟ ชาวฮูรี

เอลิซา มาเรีย เดอ ซิลวา อุปทูตติมอร์-เลสเต ประจำประเทศไทย เผยว่า แม้ว่าไทยและติมอร์ เลสเต จะมีศิลปวัฒนธรรมที่คล้ายคลึงกัน แต่ก็ได้เรียนรู้หลากหลายอย่างจากทริปนี้ โดยเฉพาะการพัฒนาเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตของคน ทำให้สามารถหยิบเอาบางอย่างในประเทศที่มีอยู่แล้วมาเพิ่มมูลค่าได้ เช่น น้ำมันเมล็ดชา หรืออาหารต่างๆ นับได้ว่าเป็นความรู้ที่ดี

เอลิซา มาเรีย เดอ ซิลวา

นับเป็นโอกาสสำคัญแห่งความสัมพันธ์

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image