ฝรั่งรักสุนัขไทย! โดมินิก บรุสต์แลน ตั้งมูลนิธิบ้านอบอุ่นช่วย “ตูบจรจัด” นับร้อยตัว

โดมินิก บรุสต์แลน
โดมินิก บรุสต์แลน

ด้วยมองทุกชีวิตมีความเท่าเทียมและศักดิ์ศรีเหมือนกัน ไม่เพียงแค่คนกับคน แต่ยังรวมถึงน้องหมา เมื่อคิดแล้วลงมือทำการให้ที่ยิ่งใหญ่จึงเกิดขึ้น เป็นที่มาของการก่อตั้งมูลนิธิบ้านอบอุ่น เพื่อสุนัขจรจัด จ.อุทัยธานี

ซึ่งไม่ธรรมดา เริ่มต้นก่อตั้งโดยสตรี ดำเนินงานก็สตรี เมื่อใช้ความรักเป็นตัวตั้ง ผลประกอบการคือความสุข สุขทั้งคนให้และสัตว์รับ เป็นบรรยากาศที่ต่างจากศูนย์ดูแลสุนัขทั่วไป ที่มีเงินแต่ไม่มีใจ มีใจแต่ไม่มีเงิน

และน่าสนใจยิ่งกว่าที่เธอคือชาวต่างชาติที่รักสุนัขไทย เป็นความรักข้ามขอบฟ้า ความรักต่างสายพันธุ์ เกิดขึ้นได้อย่างไร

โดมินิก บรุสต์แลน ชาวสวิตเซอร์แลนด์ ประธานมูลนิธิบ้านอบอุ่น เล่าว่า ดิฉันได้พบเพื่อนชาวสวิตเซอร์แลนด์ชื่อ มิเชล บีส เราพูดคุยกันจนทราบว่าเธอก่อตั้งบ้านอบอุ่นที่ประเทศไทย มีวัตถุประสงค์เพื่อดูแลและรักษาสุนัขจรจัดที่ป่วยและได้รับบาดเจ็บตามท้องถนน ร่วมกับเพื่อนผู้หญิงชาวไทยคนหนึ่ง

Advertisement

“ครั้งแรกดิฉันสนใจและบริจาคเงินเข้ามา จนภายหลังได้เข้ามาร่วมดำเนินการ กระทั่งปัจจุบันบ้านอบอุ่นดำเนินการมาปีที่ 8 แล้ว ขณะนี้มีสุนัขจรจัดในการดูแล 150 ตัว ส่วนใหญ่เป็นสุนัขพิการ สุนัขสูงอายุ และสุนัขถูกทอดทิ้ง นอกจากนี้เรายังดูแลสุนัขจรจัดรอบๆ บ้าน เช่น สุนัขตามวัด ทั้งให้อาหาร ทำหมัน และฉีดวัคซีน”

สำหรับรายได้หลักของบ้านอบอุ่นมาจากเงินบริจาค จากผู้อุปถัมภ์ส่วนใหญ่ที่อยู่ไกลคนละขอบฟ้า เธอชักชวนเพื่อนชาวสวิสมาร่วมสนับสนุน ภายใต้หลักคิดคนอยากเลี้ยงไม่มีโอกาสเลี้ยง แต่ฝากเลี้ยงได้ โดยเปิดให้ผู้อุปถัมภ์เลือกสุนัขในบ้านเพื่ออุปถัมภ์ตัวนั้นตัวนี้ และสามารถติดตามความเคลื่อนไหวผ่านเว็บไซต์ banoboun.org หรือเฟซบุ๊กมูลนิธิบ้านอบอุ่น ซึ่งเปิดอุปถัมภ์ 2 ราคาคือ อุปถัมภ์แบบพื้นฐาน 500 บาท (13.62 ฟรังก์สวิส) ต่อเดือน หรืออุปถัมภ์แบบพิเศษ 1,000 บาท (27.24 ฟรังก์สวิส) ต่อเดือน แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย

IMG_7698
บรรยากาศภายในบ้านอบอุ่น
IMG_7706
บรรยากาศภายในบ้านอบอุ่น

“สิ่งที่ยากที่สุดของมูลนิธิคือการระดมทุน เพราะคนมักนิยมเลี้ยงสุนัขสายพันธุ์แท้ แต่ที่นี่เป็นสุนัขจรจัดซึ่งส่วนใหญ่เป็นพันธุ์ผสม จึงเป็นเรื่องยากในการระดมทุน ไม่เหมือนระดมทุนช่วยเหลือเด็ก เพราะคนจะสงสารเด็กมากกว่า แต่ดิฉันมองว่าไม่ว่าสุนัขหรือเด็กก็ควรได้รับการดูแลเช่นกัน และไม่ควรเลือกสายพันธุ์” โดมินิกกล่าว และว่า

Advertisement

“สิ่งที่เรากำลังทำนอกจากดูแลสุนัขคือ สร้างความตระหนักรู้ให้ประชาชนเพื่อลดปริมาณสุนัขจรจัด ทำอย่างไรที่จะมองว่าเขาคือครอบครัวเดียวกัน ไม่ทอดทิ้งกันแม้ต้องพิการหรือสูงอายุ ยกตัวอย่างกรณีคุณทองแดง สุนัขทรงเลี้ยงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ดิฉันมีโอกาสติดตามข่าวสารได้เห็นความรักความผูกพันของพระองค์ที่มีต่อสุนัข กระทั่งจนวันเสียชีวิตของคุณทองแดงที่ดูเป็นความสูญเสียครั้งใหญ่ พระองค์ถือเป็นแบบอย่างคนรักและดูแลสุนัข เช่นเดียวกับสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่ทรงทราบว่ามีโครงการบ้านอบอุ่น พระองค์มีพระราชประสงค์จะสนับสนุนและเสด็จฯมาเยี่ยมโครงการ              
IMG_7694
IMG_7693
โดมินิกบอกอีกว่า ในฐานะมนุษย์เราต้องมีความเคารพในทุกๆ ชีวิต ไม่ว่าจะคนด้วยกันหรือสิ่งมีชีวิตอื่นๆ 

“ดิฉันยังเชื่อว่าคนที่เคารพต่อชีวิต ก็มักจะเลี้ยงลูกออกมาได้เป็นคนอย่างนั้น ส่วนคนที่ไม่เคารพผู้อื่นก็จะสะท้อนได้จากลูกๆ หลานๆ เขาอีกเช่นกัน”

โดมินิกยึดมั่นกับการให้ เธอเชื่อว่า “คนเราหากมีความสามารถที่จะให้ ไม่ว่าอะไรมากน้อยแค่ไหน ก็ทำได้เลย”

และตอนนี้ความสามารถเธอเยอะขึ้น มีเครือข่ายเพื่อนผู้อุปถัมภ์มากขึ้น จากบ้านอบอุ่นที่สุนัข 150 ตัวเข้าใกล้สภาพแออัด

เธอเริ่มแพลนโปรเจ็กต์สร้างศูนย์ดูแลสุนัขเพิ่ม เป็นในแบบบ้านอบอุ่น แต่เพิ่มเติมศูนย์สัตวแพทย์ สามารถดูแลครอบคลุมถึงการผ่าตัด ทั้งสุนัขในศูนย์และสุนัขรอบข้าง เบื้องต้นเล็งไว้ที่ จ.อุทัยธานีอีกเช่นกัน แต่เป็นในพื้นที่ชนบท สามารถดูแลได้ 200-250 ตัว

ฟังโดมินิกเล่าถึงการดูแลสุนัขที่ต้องมีอุปสรรคมากมาย อดถามตรงๆ ไม่ได้ว่าแล้วเธอได้อะไร?

เธอกล่าวทั้งรอยยิ้มว่า “ได้ความสุข การเป็นผู้ให้ มีความสุขมากกว่าเป็นผู้รับ เพียงได้เห็นเขามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ดิฉันก็ปลาบปลื้มใจแล้ว”

IMG_7701

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image