“แสนสุข สมาร์ท ซิตี้” จับเทคโนโลยีช่วยผู้สูงวัย

ประเทศไทยเริ่มย่างเข้าสู่ “สังคมผู้สูงอายุ” เราจึงเห็นผู้สูงอายุที่ต้องอาศัยอยู่ที่บ้านเพียงลำพังกันบ่อยมาก และการปล่อยให้ผู้สูงอายุอยู่บ้านเพียงลำพังเป็นเรื่องที่ต้องระมัดระวังอย่างยิ่ง การมีเครื่องไม้เครื่องมือช่วยเหลือน่าจะเป็นเรื่องที่ดี

ด้วยเหตุนี้ เมื่อ 5 ปีก่อน นายณรงค์ชัย คุณปลื้ม นายกเทศมนตรีเมืองแสนสุข จึงได้คิดริเริ่มโครงการดูแลประชาชนโดยเฉพาะผู้สูงอายุที่อาศัยอยู่ตามบ้าน ด้วยการติดตั้งอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ไว้ตามบ้านทั้งของผู้ป่วยและผู้สูงอายุ มีการติดไซเรนไว้หน้าบ้าน เพื่อจะได้รู้ว่าเกิดเรื่องขึ้นในบ้าน เป็นต้น

นายณรงค์ชัยกล่าวว่า ที่เทศบาลเมืองแสนสุข มีผู้สูงอายุกว่า 6,000 คน จากประชากรทั้งหมด 46,000 คน ด้วยความตระหนักถึงเรื่องของสังคมผู้สูงอายุ จึงได้ริเริ่มโครงการ “แสนสุข สมาร์ท ซิตี้” ขึ้นเมื่อปี 2557 เป็นโครงการนำร่องที่จะใช้เวลา 3 ปี จัดทำโดยเทศบาลตำบลแสนสุข เพื่อนำเสนอสิ่งอำนวยความสะดวกที่มีความเป็นอัจฉริยะแก่ชุมชน โดยนำอินเตอร์เน็ต ออฟ ธิงส์ หรือไอโอทีมาใช้ในโครงการนำร่องนี้ด้วย

โดยโครงการนี้ได้รับความร่วมมือจากหลายฝ่ายด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นทั้งศูนย์นวัตกรรมเมืองอัจฉริยะ หรือไอซีไอซี รวมทั้งเดลล์ อินเทล และมหาวิทยาลัยบูรพา รวมถึงบริษัทเบสต์แลป เกิดขึ้นเป็นโซลูชั่นเพื่อการดูแลผู้สูงอายุในชุมชน

Advertisement

ผศ.อภิเนตร อูนากูล ที่ปรึกษาคณะกรรมการไอซีไอซี ซึ่งเป็นความริเริ่มของหน่วยงานภาครัฐวิสาหกิจ มีหน้าที่ให้การสนับสนุนภาครัฐและเอกชนเพื่อการพัฒนาสมาร์ท ซิตี้ เปิดเผยว่า โครงการนี้เป็นความร่วมมือของหลายฝ่าย ที่จะมุ่งเน้นไปที่ซิตี้ เทคโนโลยี ซึ่งถือเป็นโครงการนำร่องที่ดีและกล้าหาญของผู้นำ เพราะหากเราอยากได้เทคโนโลยีที่ดี ก็ต้องการคนที่มีใจเปิดกว้างให้บริษัทต่างๆ ได้ลองของใหม่เรื่อยๆ อีกทั้งยังเป็นเมืองมหาวิทยาลัย ก็จะมีการสร้างสิ่งของต่างๆ ออกมาเรื่อยๆ ซึ่งจุดนี้เองทำให้เมืองนี้เป็นเมืองทดลองด้านนวัตกรรมเทคโนโลยีที่ดีเมืองหนึ่ง

ในขณะที่ทั้งเดลล์และอินเทลเองต่างก็มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในเรื่องของการทำสมาร์ท ซิตี้ มามาก และโครงการนี้เดลล์ก็เป็นผู้ดูแลในเรื่องอุปกรณ์และโซลูชั่น โดยมีพาร์ตเนอร์คือเบสต์แลปมาร่วมในการทำงานจัดทำโซลูชั่นเพื่อผู้ป่วยและผู้สูงอายุที่อาศัยอยู่ตามบ้าน

ในโครงการนี้ เดลล์ได้นำระบบเกตเวย์อัจฉริยะที่ใช้เทคโนโลยีของอินเทลเป็นฐาน ทำหน้าที่ในการรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลสุขภาพขนาดใหญ่ ที่อุปกรณ์อัจฉริยะทำการบันทึกเก็บไว้ทุกวัน โดยจะให้ผู้สูงอายุติดอุปกรณ์ที่สามารถจับความเคลื่อนไหวของผู้สวมใส่ได้ โดยสวมเป็นข้อมือ หรือห้อยคอก็ได้ หากเกิดอะไรขึ้น เช่นการล้ม เครื่องจะส่งสัญญาณไปยังเครื่องเกตเวย์ที่ติดตั้งไว้ในบ้าน ซึ่งอุปกรณ์สวมใส่จะสามารถจับได้ว่า ล้มแบบล้มไปข้างหน้า หรือล้มหงายไปข้างหลัง ส่งต่อข้อมูลไปยังเบสต์แลปและไปยังพยาบาลในเขตเทศบาล เพื่อให้เจ้าหน้าที่เข้ามาช่วยดูแลได้อย่างทันท่วงที หรือหากเกิดเหตุอะไรฉุกเฉินก็สามารถกดที่ปุ่มของอุปกรณ์สวมใส่ได้เลย ก็จะมีการแจ้งเตือนไปยังศูนย์รับข้อมูล

Advertisement

นายธเนศ อังคศิริสรรพ ผู้จัดการประจำประเทศไทย เดลล์ คอร์ปอเรชั่น (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า เดลล์อยู่ในฐานะผู้ให้บริการเทคโนโลยี และด้านเฮลธ์แคร์นั้นเดลล์ก็มีความแข็งแกร่งอยู่ โดยมีโครงการต่างๆ อยู่มากถึง 200 โปรเจ็กต์ด้วยกัน สำหรับโครงการดูแลสุขภาพที่แสนสุข สมาร์ท ซิตี้นั้น เป็นการสะท้อนให้เห็นว่าเทศบาลเมืองแสนสุขได้มีการวางกลยุทธ์ไปข้างหน้า เป็นกรณีการใช้งานจริงที่พลิกโฉมการนำเสนอประโยชน์ใหม่ อันเป็นผลมาจากการใช้เทคโนโลยีแบบผสมผสาน เช่น คลาวด์ ระบบวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ และอินเตอร์เน็ต ออฟ ธิงส์ (ไอโอที) เป็นส่วนใหญ่ในการติดตั้งเพื่อใช้งานโครงการ และเดลล์จะนำประสบการณ์ความเชี่ยวชาญของเดลล์จากโครงการสมาร์ท ซิตี้อื่นๆ ทั่วโลกมาทำงานให้กับที่แสนสุข สมาร์ท ซิตี้ แห่งนี้

สมาร์ท ซิตี้

ด้านนายสนธิญา หนูจีนเส้ง กรรมการผู้จัดการบริษัท อินเทล ไมโคร อิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ทุกโปรดักต์ที่ใช้เกือบทั้งหมดมีอินเทลฝังอยู่ข้างใน และมีประสบการณ์ในเรื่องของสมาร์ท ซิตี้มาไม่น้อย ในด้านการให้คำปรึกษาเกี่ยวกับเรื่องของการปฏิบัติตามกฎระเบียบต่างๆ และได้มีการแสดงความกังวลไปแล้วเกี่ยวกับเรื่องของงบประมาณที่จะนำมาใช้จ่าย ซึ่งหากเริ่มต้นจาก 30 หลัง แล้วกฎระเบียบออกมาว่าสามารถติดตั้งได้ และใช้เงินของรัฐได้ แต่เมื่อเวลาประมูล บริษัทที่ร่วมทำกันมาตั้งแต่ต้นไม่สามารถร่วมในการประมูลได้ สู้บริษัทใหญ่ไม่ได้ สตาร์ตอัพก็ไม่เกิด ซึ่งก็คงต้องฝากถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ช่วยดูแลในเรื่องนี้ด้วย

นายณรงค์ชัยกล่าวด้วยว่า ในเรื่องของเงินที่จะนำมาใช้ในการติดตั้งอุปกรณ์ไว้แต่ละบ้านนั้น ต้องขอเวลาในการไปดูกฎ สำรวจระเบียบราชการต่างๆ วิธีการในการจัดซื้อจัดจ้าง ว่าจะสามารถใช้งบของแผ่นดินได้หรือไม่ ตัวไหนที่ไม่ขัดกับระเบียบราชการ ก็อยากจะจัดหาให้ประชาชนได้ใช้ เพราะเป็นการคัดเลือกสำหรับผู้ที่ด้อยโอกาสจริงๆ

โดยหลังจากโครงการนี้แล้วก็ยังมีโครงการสมาร์ทอื่นๆ ที่จะตามมาอีก คือทั้งเกี่ยวกับสมาร์ท ซีเคียวริตี้ การทำให้เมืองมีความปลอดภัยมากขึ้น และสมาร์ท ทัวริซึ่ม การท่องเที่ยวที่ดีขึ้น ทำให้บางแสนเป็นเมืองที่แสนสุขสำหรับทุกคน ทั้งคนอาศัยอยู่ในพื้นที่และสำหรับนักท่องเที่ยวอย่างแท้จริง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image