ไม่ต้องทิ้ง! เปิด 3 วิธีเด็ด ขจัดสีเลอะผ้า คราบไหนก็เอาอยู่

ไม่ต้องทิ้ง! เปิด 3 วิธีเด็ด ขจัดสีเลอะผ้า คราบไหนก็เอาอยู่

ปัญหาคราบสกปรกที่ติดเสื้อผ้า เป็นปัญหากวนใจใครหลายคน เพราะบางครั้ง คราบต่างๆก็ทำร้ายเสื้อผ้า ที่เรารัก และยังใส่ได้ไม่กี่ครั้ง ยิ่งกับคราบสีต่างๆ ยิ่งซักยาก

มติชนออนไลน์ จึงได้รวบรวมเทคนิคการขจัดคราบเปื้อนจากสีต่างๆ เพื่อให้เสื้อผ้าสวยยังอยู่กับเราต่อไป

1. รอยเปื้อนจากสีน้ำผสมกาวยาง ที่เป็นสีที่ใช้กันบ่อยที่สุดในการตกแต่งบ้านยุคใหม่ ตัวเลือกยอดนิยมของงานฝีมือต่างๆ เรียกอีกอย่างว่า สีอะคริลิก หรือสีอะคริลิกกาวยาว ซึ่งจะเขียนข้างกระป๋องว่า “latex” หรือ “acrylic latex” หรือสังเกตว่า งานที่ใช้นั้น ล้างแปรงในน้ำหรือทินเนอร์ ถ้าใช้น้ำแสดงว่าเป็นสีน้ำผสมกาวยาง

ขั้นตอนการทำความสะอาด
เริ่มจาก เอาเศษสีส่วนเกินออกจากผ้า ทันทีที่เลอะ รีบใช้มีดปาดเนย ขอบช้อน หรือวัสดุใกล้เคียงกันปาดสีออกมาให้ได้มากที่สุด ยิ่งทิ้งให้สีแห้งก็จะยิ่งขจัดได้ยาก หากสีนั้นแห้งไปแล้วหรือคุณไปพบรอยเปื้อนสีเก่า ให้ขูดออกให้มากที่สุดก่อนจะลองทำความสะอาดด้วยน้ำหรือน้ำยาซักฟอกอื่นๆ ถ้าเสื้อผ้ามีสีที่แห้งซ้อนทับกันหลายชั้น สามารถใช้เทปกาวที่เหนียวมากๆ อย่างเทปติดกล่อง เทปกาวพันสายไฟ หรือเทปกาวซ่อมรถยนต์มาติดบนพื้นผิวที่เลอะ แล้วรีบดึงออกอย่างเร็ว

Advertisement

จากนั้น ล้างรอยเปื้อนใต้น้ำอุ่น ให้เริ่มล้างจากด้านหลังของเนื้อผ้า ถูหรือขยี้ที่คราบสีในขณะล้างเพื่อให้สีคลายตัวออก ช่วยทำให้น้ำชำแรกผ่านเข้าไปในรอยเปื้อนได้ ขั้นตอนต่อไป คือ ทาสารทำความสะอาดลงไปบนรอยเปื้อน การใช้อิมัลซิฟายเออร์จะช่วยให้รอยเปื้อนสีแตกตัวและขจัดออกได้ สามารถหาซื้อสารทำความสะอาดได้ตามร้านทั่วไป หรือจะผสมสารละลายขึ้นเองที่บ้านก็ได้

สำหรับส่วนผสมนั้น สบู่ล้างมือผสมกับน้ำยาล้างจานจะได้น้ำยาทำความสะอาดสีได้ดีเยี่ยม โดยเฉพาะรอยที่เพิ่งเปื้อน ให้ผสมสบู่เหลวล้างมือกับน้ำยาล้างจานลงในถ้วยโดยใช้อัตราส่วน 1 ต่อ 1 ใช้ฟองน้ำจุ่มน้ำยาป้ายลงตรงรอยสี แล้วแตะซ้ำๆ กันอย่างน้อย 1 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น ทำซ้ำตามที่จำเป็นจนกว่าสีจะออกหมดหรือเกือบหมด ถ้าต้องขจัดรอยสีแห้งกรัง ใช้สเปรย์แต่งผมหรือไอโซโพรพีลแอลกอฮอล์เพื่อขจัดรอยเปื้อนนั้น ถูสเปรย์หรือแอลกอฮอล์ลงบนรอยเปื้อนสักหนึ่งนาที แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น ทำซ้ำตามที่จำเป็นจนกว่าสีจะออกหมดหรือจางลง จากนั้นซักเสื้อผ้าตามปกติ ตามคำแนะนำของเสื้อผ้าแต่ละตัว และควรให้แน่ใจว่าสะอาดแล้วก่อนนำไปตาก การตากคราบสีที่หลงเหลือจนแห้งจะยิ่งทำให้ขจัดมันออกได้ยากขึ้น

2.สีเปื้อนน้ำมัน เป็นสีที่นิยมสำหรับงานแทบทุกอย่าง ถูกใช้เฉพาะในงานศิลปะและหัตถกรรมบางด้าน สีน้ำมันจะหนาและมันกว่าสีผสมกาวยาง ต้องใช้เวลานานกว่าจะแห้ง โดยจะมีคำว่า “oil paint” หรือ “oil-based paint” ที่ข้างกระป๋อง หรือ เป็นสีที่ต้องใช้น้ำหรือทินเนอร์ อย่างน้ำมันสน เหล้าขาว ทำความสะอาด

ขั้นตอนการทำความสะอาด
เริ่มจาก เอาสีออกให้มากเท่าที่จะเป็นไปได้ ถ้าสียังสด ใช้มีดหรือปลายช้อนขูดสีส่วนเกินออกมา ซับรอยเปื้อนด้วยผ้าขาว ถ้าสีแห้งแล้ว ให้ถูด้วยมีดหรือแปรงขนแข็ง อย่าใช้น้ำลงตรงรอยเปื้อน นี่จะยิ่งทำให้ขจัดออกยากไปใหญ่ ใช้นำมันสน หรือเหล้าขาวบนรอยเปื้อนสีน้ำมัน อย่างไรไม่ควรใช้น้ำมันสนบนผ้าที่มีส่วนผสมของอะซีเทต, ไตรอะซีเทต หรือเรยอง จึงควรตรวจดูข้อมูลการดูแลรักษาผ้าก่อนลงมือใดๆ

จากนั้น ทาตัวทำละลายสีน้ำมันลงบนผ้า กลับด้านผ้าที่เลอะสีแล้ววางบนผ้าขาวที่ซึมซับได้ดีหรือกองกระดาษทิชชู่ ใช้ผ้าขาวอีกผืนหรือกระดาษทิชชู่ซับตัวทำละลายบริเวณที่เปื้อนจนกระทั่งรอยเปื้อนหายไป เปลี่ยนผ้าหรือกระดาษทิชชู่ใต้เสื้อผ้าเมื่อมันเปียก นี่จะช่วยเพิ่มความมั่นใจว่าผ้ายังคงดูดซับสีที่ละลายออกมาได้ สังเกตผ้าว่าเกิดสีตกหรือด่างหรือไม่ ถ้าสังเกตเห็นว่าสีบนเนื้อผ้าเริ่มด่าง ให้หยุดเติมตัวทำละลาย การจะเอาสีออกจากผ้าชิ้นนั้นคงจะทำไม่ได้แล้ว

หลังจากนั้นนำผ้าไปแช่ในน้ำอุ่น อย่างน้อยหนึ่งชั่วโมง หรือมากกว่านั้น คอยใช้มือถูบริเวณนั้นเรื่อยๆให้ตัวทำละลายหลุดออก ถูกน้ำยาซักฟอกบนบริเวณที่เปื้อนก่อนแช่ หากไม่มีน้ำยาซักฟอก ให้ผสมน้ำยาล้างจานในน้ำอุ่นเพื่อช่วยลดคราบมันในสีและตัวทำละลาย ปิดท้ายด้วยเอาผ้าขึ้นมาจากน้ำอุ่น ถูบริเวณที่เปื้อนเป็นครั้งสุดท้าย แล้วซักผ้าตามปกติ

3. เสื้อผ้าว่าเป็นแบบเนื้อละเอียดอ่อนหรือเฉพาะซักแห้ง ดูได้จากข้อมูลบนป้ายผ้า ผ้าที่ปกติต้องซักแห้งอย่างเดียวได้แก่ อะซีเทต, ไหม, วูล และกำมะหยี่ ถ้าบอกว่า “Dry Clean Only” ให้ทำตามขั้นตอนด้านล่างเพื่อขตัดรอยเปื้อนสีผสมกาวยางหรือสีน้ำมัน

ขั้นตอนการทำความสะอาด
เอาสีส่วนเกินออกโดยใช้มีดปาดเนยหรือช้อน ทางที่ดีที่สุดในการจัดการรอยเปื้อนสีคือทำตอนที่สียังไม่แห้ง ดังนั้นให้แน่ใจว่าได้เอาสีออกมาเท่าที่จะทำได้ทันทีที่เห็นมันเลอะ การถูขยี้หรือใช้แปรงอาจทำลายเนื้อผ้าละเอียดอ่อนได้ ด้วยเหตุนี้ทางที่ดีจึงควรใช้ด้านทื่อของช้อนหรือวัสดุใดก็ได้ที่ทื่อ

ซับรอยเปื้อนด้วยน้ำยาซักแห้ง ใช้ฟองน้ำจุ่มน้ำยาซักแห้งให้ชุ่มแล้วซับเบาๆ บนรอยเปื้อนในการรักษาวงเปื้อนไม่ให้กระจาย ให้ซับจากขอบนอกของรอยเปื้อนเข้ามาจุดศูนย์กลาง จากนั้น ใช้น้ำยาซักแห้งเฉพาะที่ซับบริเวณที่เปื้อน จะดูดซับไขมันและคราบน้ำมัน มีประโยชน์มากเวลาขจัดรอยสีน้ำมัน สามารถหาซื้อน้ำยาซักแห้งเฉพาะที่ หรือ ทำเองโดยใช้น้ำมันมะพร้าวกับตัวทำละลายซักแห้งแบบเหลว

หลังจากใช้น้ำยาซักแห้งเฉพาะที่ซับแล้ว ใช้ผ้าชุบน้ำยาซักแห้งเฉพาะจุดให้หมาดแล้วนำมาวางบนรอยเปื้อน นี่จะช่วยดึงคราบสีออกจากเนื้อผ้า วางทิ้งไว้จนกระทั่งรอยเปื้อนเริ่มจางหายเพื่อป้องกันไม่ให้รอยเปื้อนกระจายตัว ให้เปลี่ยนผ้าบ่อยๆ ทำให้รอยเปื้อนกับผ้าสะอาดที่วางบนนั้นเปียกน้ำยาซักแห้งเฉพาะที่อยู่ตลอด ถ้าแห้งมันจะขจัดสีไม่ออก และการปล่อยให้สีแห้งจะทำให้ขจัดมันออกได้ยากในภายหลัง ล้างด้วยตัวทำละลายซักแห้ง พอรอยเปื้อนออกหมด ล้างบริเวณนั้นด้วยตัวทำละลายซักแห้ง จะช่วยขจัดคราบน้ำมันหรือน้ำมันที่ยังหลงเหลือ จากนั้นตากผ้าให้แห้งตามปกติ

ที่มา wikihow

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image