กราบ”หัวใจ” แม่ ชีวิตนี้”ล้มไม่ได้” ประสบอุบัติเหตุเกือบพิการ แต่เพราะห่วงลูก ปาฏิหารย์จึงเกิดขึ้น

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

ครอบครัวเป็นหน่วยเล็กที่สุดของสังคม แต่เป็นหน่วยสำคัญที่สุดที่ “สร้างชาติ” ด้วย “สองมือแม่”

เฉกเช่น แม่ ผู้ที่ได้รับประทานรางวัลจากพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ ในงานมหิดล-วันแม่ 2559 ที่สำนักอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา โดยรางวัลแบ่งออกเป็น 5 ประเภท ได้แก่ แม่สู้ชีวิต, แม่ 100 ปี, แม่อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม, แม่จิตใส ใจสีขาว และแม่ผู้ส่งเสริมความเป็นไทย จำนวนทั้งหมด 24 คนที่บางคนแม้การศึกษาไม่สูง ฐานะไม่ร่ำรวย รวมทั้งไม่ได้เป็นคนเด่นคนดังของสังคม

mom4

แต่มี “หัวใจอันบริสุทธิ์” ที่ทำทุกอย่างได้เพื่อลูก ด้วย 2 มือแม่ ผู้หญิงตัวเล็กๆ ได้ฟูมฟักให้ลูกเติบใหญ่เป็นคนดี เป็นคนมีคุณภาพของสังคม รวมทั้งเผื่อแผ่ความปรารถนาดีไปสู่สังคมโดยรวมด้วย

Advertisement

หนึ่งในแม่ 5 แผ่นดิน อายุยืน 106 ปี ผู้ได้รับรางวัลแม่ 100 ปีเป็นรางวัลที่จัดขึ้นเพื่อประกาศเกียรติคุณแม่ที่มีอายุยืน 5 แผ่นดิน และเพื่อเป็นข้อมูลวิชาการทางประชากรศาสตร์เกี่ยวกับความยืนยาวของประชากรไทย

นางแปง เต็มสาร และ นางทิม แป๊ะอุ้ย อายุ 106 ปีเท่ากัน แต่อยู่ห่างกันคนละภาค “นางแปง” เป็นคนลำปาง มีบุตรธิดา 6 คน

ปัจจุบันอยู่กับลูกสาว อาชีพเดิมทำนา มีสุขภาพแข็งแรง รับประทานอาหารเองได้ เดินได้ เป็นคนมีจิตใจเมตตา อาหารที่กินเป็นประจำคืออาหารเหนือ แกงเห็ดถอบ ส่วน “นางทิม” เป็นคนสุราษฎร์ธานี มีบุตรธิดา 6 คน ทุกวันนี้

Advertisement

อาศัยอยู่กับหลาน อาชีพเดิมทำนา เป็นที่เคารพนับถือของชาวบ้าน ตื่นเช้าทำกิจวัตรประจำวันเองได้ จะตำหมากกินทุกวัน ชอบรับประทานปลา ผัก ผลไม้ที่อ่อนนิ่ม เช่น มะม่วงสุก กล้วยสุก

นางแปง (1)1
นางแปง เต็มสาร (ที่ 2 จากขวา) และลูกหลาน
นางทิม แป๊ะอุ้ย และลูกหลาน

อีกหนึ่งหัวใจที่ยิ่งใหญ่ของแม่ที่เดินตามรอยเบื้องพระยุคลบาทพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ “สวิงทอง กุดวงค์แก้ว” ชาว จ.สกลนคร เจ้าของรางวัลแม่อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม รางวัลที่ตั้งขึ้นด้วยแนวคิดที่ว่า

“สิ่งแวดล้อมดีเริ่มต้นที่แม่” เธอเป็นประธานกลุ่มแม่บ้านทอผ้าไหมบ้านค้อน้อย และเป็นแกนนำในการปลูกป่ามาตั้งแต่อายุ 22 ปี ด้วยเห็นปัญหาการตัดไม้ทำลายป่า ไฟไหม้ป่า จึงทำให้เธอลุกขึ้นมาอนุรักษ์ป่า โดยเริ่มต้นที่บ้านตนเอง ปัจจุบันทำงานอนุรักษ์ป่าหลายพื้นที่ ทั้งที่ป่าอนุรักษ์บ้านค้อน้อยกว่า 1,500 ไร่ รวมทั้งที่วัดสวนป่าริมธาร จ.มุกดาหาร ที่มีกว่า 40,000 ไร่

สวิงทอง
สวิงทอง กุดวงค์แก้ว

“ถ้าเราไม่อนุรักษ์ไว้ ป่าจะหมด เมื่อก่อนตอนปลูกป่าช่วงแรกๆ ชาวบ้านหาว่าเป็นบ้า แต่ก็ไม่สนใจ ไม่ท้อถอย เพราะป่ามีประโยชน์มากมาย ทั้งให้น้ำ สามารถนำมาทำฟืนได้ สร้างบ้านได้ ทุกวันนี้ป่าที่ปลูกให้น้ำไว้ใช้ทำนา ใช้ในการดำรงชีวิต ที่อื่นเขาแล้งกัน บ้านเรามีน้ำใช้ตลอดทั้งปี และยังเผื่อแผ่ให้เพื่อนบ้านได้ใช้ด้วย”

จากสิ่งที่สวิงทองทำเป็นตัวอย่างให้กับลูกทั้ง 5 คนเจริญรอยตาม ลูกทุกคนประกอบอาชีพทำนาไปพร้อมๆ กับช่วยกันอนุรักษ์ป่า ซึ่งเจตนารมณ์ของผู้หญิงคนนี้คือ “จะทำงานอนุรักษ์ป่าไว้ให้ลูกหลานจนกว่าจะหมดแรง”

อีกรางวัลที่น่ายกย่อง “รางวัลแม่สู้ชีวิต” เป็นรางวัลที่จัดขึ้นเพื่อตอบแทนบุญคุณแม่ที่อุทิศชีวิตต่อสู้เพื่อลูกตลอดมา แม้จะพบเจออุปสรรคมากมายเพียงไหม แต่แม่ท้อไม่ได้ ล้มไม่ได้ เพราะถ้าแม่ล้ม แม่ท้อ แล้วลูกจะเป็นอย่างไรเล่า

แม่จึงสู้ สู้เพื่อลูก!

สุมิตรา เหลืองพุ่มพิพัฒน์ อายุ 69 ปี จ.นครปฐม หนึ่งในแม่ที่ได้รับรางวัลสู้ชีวิต เธอมีลูก 5 คน เป็นลูกพิการ 1 คน ชีวิตที่ผ่านมาต้องต่อสู้ดิ้นรนหาเลี้ยงลูกด้วยอาชีพต่างๆ เช่น ขายอาหาร เร่ขายผลไม้ด้วยรถจักรยานยนต์ รับจ้างขับรถ 10 ล้อบรรทุกหินทราย เพื่อเก็บเงินมาลงทุนขายผักที่ตลาดนครปฐม ทุกวันนี้อาศัยอยู่กับลูกชายที่มีความพิการทางสติปัญญา ช่วยหารายได้ด้วยการเก็บของเก่าขายและลูกสาวที่ป่วยเป็นโรคเรื้อรัง อาทิ โรคธาลัสซีเมีย โรคหัวใจ และโรคไต ทำให้ร่างกายอ่อนแอ อารมณ์หงุดหงิด ไม่สุงสิงกับใครยกเว้นแม่คนเดียว ช่วยเหลือแม่ด้วยการเก็บผักข้างทางไปขาย

ครั้งหนึ่งเธอเคยประสบอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ล้มคว่ำจากสาเหตุเส้นเลือดในสมองตีบเฉียบพลัน ทำให้เดินและพูดไม่ได้ แต่ด้วยพลังความรักและความเป็นห่วงลูก ทำให้ต้องพยายามฟื้นฟูร่างกายด้วยตนเอง จนสามารถลุกขึ้นเดินได้ภายใน 1 ปี แต่ยังมีอาการลิ้นแข็งพูดไม่ชัด

เธอสอนลูกๆ ให้พึ่งพาตัวเอง ขยันอดทน ไม่มองตัวเองว่าด้อยโอกาส และต้องรู้จักช่วยสังคม ชีวิตถึงจะมีศักดิ์ศรี มีคุณค่า

สุมิตรา เหลืองพุ่มพิพัฒน์ และลูกอีก 2 คน

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

 

 

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

เช่นเดียวกับแม่คนนี้ที่ทั้งชีวิตสู้เพื่อลูก อารี สุริยะรังษี อายุ 67 ปี คน จ.ตรัง เธอมีลูกสาว 3 คน แต่ลูกสาวคนที่ 2 ต้องมาพิการตั้งแต่เล็ก เพราะถูกคนร้ายตัดนิ้วมือทั้งสองข้างขณะยกมือไหว้ร้องขอชีวิต เธอกลายเป็นคนพิการ นิ้วขาด 8 นิ้ว ร่างกายท่อนล่างเป็นอัมพาต เดินไม่ได้ ต้องนั่งรถเข็นตลอดชีวิต

“ตอนนั้นฐานะเราไม่ดี ทำงานเป็นคนกวาดขยะ เงินเดือน 5-6 พันบาท ลูก 2 คนก็ยังเรียน อีกคนมาประสบเคราะห์กรรมแบบนี้ ส่วนสามีก็มีสุขภาพไม่แข็งแรง ทำงานหนักไม่ได้ ทำได้เพียงงานบ้านเล็กๆ น้อยๆ เราก็ต้องรับจ้างสารพัดเพื่อหาเงินมารักษาลูก และดูแลทุกคนในครอบครัว เหนื่อยมาก แต่ท้อไม่ได้ บอกกับตัวเองว่าต้องไม่เป็นอะไร เราทำทุกอย่างได้เพื่อให้ลูกได้ดี บางครั้งไม่มีจะกินก็ให้ลูกกินก่อน” เธอเล่าด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

และด้วยความรักอันยิ่งใหญ่และความเสียสละที่ยอมเหนื่อยสายตัวแทบขาด เธอส่งเสียลูกสาวคนโตเรียนจบอนุปริญญา มรภ.นครศรีธรรมราช ลูกคนเล็กเรียนจบพยาบาล และดูแล “สุกานดา” ลูกสาวพิการมาตลอด 34 ปี ทั้งอุ้มลูกอาบน้ำ ทำกิจวัตรประจำวัน ป้อนอาหารและสอนการปฏิบัติตัวเพื่อต่อสู้ความพิการ และช่วยเหลือตนเองให้ได้ ปัจจุบันสุกานดามีอายุ 44 ปี มีสติปัญญาและจิตใจพร้อมจะช่วยครอบครัวและสังคม โดยใช้จุดแข็งของตนที่หน้าตาสวยงาม ติดต่อขายเครื่องสำอางในชุมชนใกล้บ้าน จนมีรายได้ส่งหลานเรียนหนังสือ และจะเรียนจบปริญญาตรีในอีก 2 ปีข้างหน้า

“สอนลูกๆ เสมอว่า ลูกพิการกาย แต่ใจไม่พิการ เรามีความสุขและได้กุศลมากกว่าคนที่ใจพิการแต่กายปกติ” อารีกล่าว

หัวใจแม่ยิ่งใหญ่ มือของแม่สร้างโลก

อารี สุริยะรังษี
อารี สุริยะรังษี กำลังอุ้มลูกสาว สุกานดา
แม้แม่จะอายุมากแล้ว แต่ก็ยังดูแลลูกไม่ห่าง
สุกานดา ผู้หญิงหัวใจสู้ ที่พยายามช่วงเหลือตัวเอง เพื่อแบ่งเบาภาระแม่

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image