‘ดร.ชวัลวัฒน์’ เขยเล็ก ‘เจ้าสัวซีพี’ พลิกบท เจ้าพ่อแอนิเมชั่น สู่ เอนเตอร์เทนเมนต์ ครบวงจร

เขยเล็กเจ้าสัวซีพี

‘ดร.ชวัลวัฒน์’ เขยเล็ก ‘เจ้าสัวซีพี’ พลิกบท เจ้าพ่อแอนิเมชั่น สู่ เอนเตอร์เทนเมนต์ ครบวงจร

สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ผ่านมา สร้างผลกระทบให้กับทุกภาคส่วน รวมถึง “เจ้าพ่อการ์ตูนแอนิเมชั่น” ดร.แตน-ดร.ชวัลวัฒน์ อริยวรารมย์ หรือชื่อที่หลายคนเรียกกันติดปาก “ดร.เชลล์ดอน” เขยเล็ก เจ้าสัวธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานอาวุโส เครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) ที่แต่งงานกับลูกสาวสุดหวง “บี-ทิพพาภรณ์”

เป็นผลกระทบที่ทำให้ต้องระงับการฉายภาพยนตร์ซุปเปอร์แอ๊กชั่นฟอร์มยักษ์ เรื่อง “แวนการ์ด” (Vanguard) ตำนานฟัดจากคู่ผู้กำกับและนักแสดงระดับเทพของเอเชียอย่าง “สแตนลี่ ตง” และ “เฉินหลง” พร้อมทีมนักแสดงแถวหน้ารุ่นใหม่ “หยางหยาง, อ้ายหลุน, มียา มูฉี, จูเจิ้งถิง” ที่ บริษัท ทีแอนด์บี มีเดีย โกลบอล (ประเทศไทย) จำกัด จับมือกับ วอร์เนอร์ บราเดอร์ส ประเทศไทย กำลังจะนำมาฉายให้คนไทยได้ชมเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา

“ทางบริษัท ทีแอนด์บีฯ ได้รับผลกระทบในการนำหนังออกฉายในโรงภาพยนตร์โดยตรง เพราะผลงานหนังที่ทีแอนด์บีได้โค-โปรดักชั่นกับทางจีนบางส่วน จะอยู่ภายใต้เงื่อนไขคือ หนังเรื่องนั้นๆ จะต้องออกฉายในโรงภาพยนตร์ที่ประเทศจีนก่อน จึงจะสามารถฉายในช่องต่างๆ ในต่างประเทศได้ และโดยเฉพาะภาพยนตร์เรื่องแวนการ์ด ทางเราได้รับผลกระทบโดยตรงทันที เพราะว่าหนังเรากำลังจะเข้าโรงฉายในวันที่ 25 มกราคม ซึ่งตรงกับวันตรุษจีน แต่ต้องประกาศยุติการฉายในไทย เนื่องจากทางจีนได้ประกาศยุติการฉายหนังทั้งหมดในโรงภาพยนตร์ในประเทศ ตั้งแต่วันที่ 23 มกราคม” ดร.ชวัลวัฒน์ เผยถึงผลกระทบ

Advertisement

สำหรับ บริษัท ทีแอนด์บี มีเดีย โกลบอล (ประเทศไทย) จำกัด ก่อตั้งโดย ดร.ชวัลวัฒน์ เจ้าของลิขสิทธิ์การ์ตูนไทยที่โด่งดังอย่าง “เชลล์ดอน” (Shelldon) แอนิเมชั่นทีวีซีรีส์ที่ออกฉายไปทั่วโลก และถูกแปลไปกว่า 35 ภาษา ด้วยประสบการณ์ในวงการแอนิเมชั่นไทยมากว่า 10 ปี จึงตัดสินใจก่อตั้งทีแอนด์บี มีเดีย โกลบอลฯ ขึ้นในปี 2016 เพื่อลงทุนและบริหารทรัพย์สินทางปัญญาแห่งแรกในประเทศไทย

นับเป็นการพลิกบทบาทลงมาจับ “ธุรกิจเอนเตอร์เทนเมนต์แบบครบวงจร” ที่ไม่ใช่เพียง “แอนิเมชั่น” ยังรวมถึงภาพยนตร์ ละคร ซีรีส์ เกมโชว์ นวัตกรรมที่เกี่ยวกับความบันเทิง รวมถึงหุ่นยนต์เอไอ โดยผนึกกำลังกับยักษ์ใหญ่วงการบันเทิง ทั้งฮอลลีวู้ด จีน เกาหลีใต้ และอินเดีย มุ่งพัฒนาคอนเทนต์ภาพยนตร์เทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อกลุ่มผู้ชมทั่วโลก และเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนรุ่นใหม่ เด็กและครอบครัว ในการสร้างสรรค์สิ่งดีๆ เพื่อสังคม

แต่จากสถานการณ์โควิด-19 เมื่อไม่สามารถนำภาพยนตร์ออกฉายได้ ดร.ชวัลวัฒน์จึงพลิกวิกฤตเป็นโอกาส หันมาโฟกัสคอนเทนต์ทางออนไลน์มากขึ้น รวมไปถึงเกมและแพลตฟอร์มต่างๆ ระหว่างที่รอสถานการณ์โควิดดีขึ้น

Advertisement

และเมื่อสถานการณ์ดีขึ้น “แวนการ์ด” จึงพร้อมระเบิดความมันส์ในวันที่ 1 ตุลาคม ทุกโรงภาพยนตร์

“แวนการ์ด คือผลงานที่ผู้กำกับ สแตนลี่ ตง ประกาศว่าเป็นผลงานที่เขาภูมิใจที่สุด เพราะทั้งตัวเขาเอง ทีมนักแสดง และทีมงานทั้งหมด ต่างทุ่มเทให้กับหนังเรื่องนี้กันแบบสุดสุด อีกทั้งยังทุ่มทุนสร้างฉากซุปเปอร์แอ๊กชั่น ตั้งแต่การเลือกสรรสถานที่ถ่ายทำได้อย่างยิ่งใหญ่ สวยงาม สมจริง ตระเวนถ่ายทำทั้งบนบก ในน้ำ กลางอากาศ ในหลายประเทศอย่างอังกฤษ, แอฟริกา, ตะวันออกลาง, ดูไบ, ไต้หวัน, จีน พร้อมสเปเชี่ยลเอฟเฟ็กต์ต่างๆ ทั้งรถหรู เรือรบ เครื่องบิน และสัตว์ที่มาเข้าฉาก ไปจนถึงสปิริตของนักแสดงทุกคนที่ทุ่มเทให้กับการแสดงในแต่ละฉากแบบพลีชีพกันเลยทีเดียว หวังว่าหนังเรื่องนี้จะทำให้ผู้ชมมีความสุข และช่วยให้ทุกคนได้ผ่อนคลายจากสถานการณ์ตึงเครียดที่ผ่านมาจากโควิด-19 ได้”

จากผู้สร้างแอนิเมชั่นสู่โลกภาพยนตร์ และธุรกิจเอนเตอร์เทนเมนต์ต่างๆ เจ้าตัวยอมรับว่า ยังเป็น “มือใหม่” จึงวางตัวเองเป็น “แก้วน้ำที่ว่างเปล่า” เพื่อจะได้ร่วมงานกับคนเก่งๆ โดยไม่ได้ต้องการแข่งขันกับใคร และสามารถร่วมงานได้กับทุกคน

“เราทำงานนี้ เพราะเรามีการระดมทุน ถ้าใครทำงานเก่งๆ โปรดิวเซอร์คนไหนทำงานเก่ง เราอยากดึงมาร่วมกันทำ เพื่อให้คอนเทนต์มีสีสันมากขึ้น ไม่ว่าจะค่ายหนังในประเทศไทย หรือค่ายหนังต่างประเทศ ผมสามารถร่วมงานได้ทั้งหมด ถ้าเขามีคอนเทนต์ดีๆ และเขาต้องการพาร์ตเนอร์ ในลักษณะสตราติจิกพาร์ตเนอร์ คือไม่ใช่ลงทุนอย่างเดียว แต่ช่วยในเน็กเวิร์กที่เรามีด้วย ต่างคนต่างช่วยกัน เพื่อให้เป้าหมายที่เราตั้งใจไว้สำเร็จ”

นําลิขสิทธิ์หนังแอ๊กชั่นมาให้คนไทยได้ชม ก็อดถามไม่ได้ว่า ดร.ชวัลวัฒน์ชอบดูหนังดูละครแนวไหน

เจ้าตัวตอบทันทีด้วยรอยยิ้มว่า “ชอบดูแนวโรแมนติก”

“ผมเป็นคนที่ดูหนังแล้วไม่ค่อยคิดอะไรเท่าไหร่ ดูเพื่อความพักผ่อน ผ่อนคลายจริงๆ เลยจะชอบหนังที่เป็นฟีลลิ่ง กู๊ด โรแมนติก คอมเมดี้”

แต่ถ้าเป็นหนังโรแมนติกที่ตอนจบเศร้า พระเอกตาย นางเอกเสียชีวิต แบบนี้ก็บอกทันทีเหมือนกันว่า “ไม่ค่อยชอบ”

“ชอบแฮปปี้เอนดิ้ง สุดท้ายพระเอกนางเอกรักกัน” เขาว่า ก่อนให้เหตุผล “อะไรจะต้องเศร้าขนาดนั้น แค่ในชีวิตการทำงาน เราก็ต้องต่อสู้ ต้องเจอความเครียดกับการทำงานอยู่แล้ว ฉะนั้น พอไปโหมดบันเทิง ก็ต้องเป็นอะไรที่เราต้องสนุกให้เต็มที่”

เล่าถึงตัวเอง ไม่เล่าถึงศรีภรรยา บี-ทิพพาภรณ์ คงไม่ได้ “คุณบีชอบหนังประวัติศาสตร์ ดูหนังที่มีประโยชน์ อ้างอิงจากประวัติศาสตร์จีน เพราะเป็นคนที่มีตรรกะสูง และจะเก่งมาก จะเล่าเรื่องได้เก่งมากๆ”

ร่วมเรียงเคียงหมอนกันมา 5 ปี การได้เข้ามาเป็นสมาชิกของครอบครัวเจียรวนนท์ ดร.ชวัลวัฒน์บอกว่า เขาได้รับความรักและความอบอุ่นจากครอบครัวภรรยาเต็มเปี่ยม

“ตอนแต่งงานใหม่ๆ ก็ยังมีความกังวล วางตัวไม่ค่อยถูก แต่ปะป๊า มะม้า ของคุณบี พี่น้องคุณบีทุกคนน่ารักมาก พอเข้าไปปั๊บ มีความรู้สึกว่า เป็นหนึ่งในสมาชิกครอบครัวได้เร็วมาก และทำให้ได้รู้ว่า ครอบครัวคุณบีใช้ชีวิตสมถะ ไม่ฟุ้งเฟ้อ และสอนลูกหลานดีมาก สอนให้รู้จักความกตัญญูที่สำคัญมากๆ สอนให้รู้จักถ่อมเนื้อถ่อมตัว ต้องไม่ไปดูถูกคน หรือไม่ไปคิดว่าเรารู้มากหรืออะไรกว่าคนอื่น เรายังต้องเรียนรู้อีกเยอะ มีคนเก่งๆ ที่เขารู้มากกว่าเราอีกเยอะแยะ และต้องไม่ใช้เงินฟุ่มเฟือย ไม่ใช้เงินฟุ้งเฟ้อ”

“ทุกคนใช้ชีวิตง่ายมาก อย่างอาหารที่เราทานทุกวันก็เป็นอาหารซีพี บางทีมีข่าวอาหารซีพีอย่างนู้นอย่างนี้ ถ้าเป็นอะไร ครอบครัวเราเป็นก่อน ผู้บริโภคเซฟแน่นอน (หัวเราะ) เพราะเราก็ทานอาหารซีพีทุกวัน”

ไม่เพียงเท่านั้น ในเรื่องของ “บทเรียนชีวิต” เขาก็ได้วิชาจากทั้งเจ้าสัวธนินท์ และคุณหญิงเทวี มาไม่น้อย

“มะม้าคุณบีจะสอนลูกสอนหลานว่าให้เป็นคนติดดิน ซึ่งท่านเป็นคนเรียบง่ายๆ ส่วนปะป๊าคุณบีจะให้ข้อคิดในเรื่องการทำธุรกิจ จะสอนเสมอว่า การทำธุรกิจมุมมองเป็นยังไง คือช่วยลับคมให้เรา บางจุด บางอย่าง เรามองไม่เห็นในประเด็นนั้น ซึ่งท่านเป็นคนมองกว้างมาก ก็เหมือนเป็นการได้ฝึกวิทยายุทธ ฝึกการเรียนรู้ตลอดเวลา”

การได้มาร่วมเรียงเคียงหมอนกับ “คุณบี” ดร.ชวัลวัฒน์บอกทั้งรอยยิ้มกว้างว่า “โชคดีมาก ที่ได้มีโอกาสเจอกัน และใช้ชีวิตร่วมกัน”

“เราก็มีการวางแผนกันแล้วว่า เราจะทำสิ่งดีๆ ร่วมกัน เพราะเราไม่รู้เลยว่า ชีวิตวันนี้ พรุ่งนี้จะเป็นยังไง เราจะเตือนสติกันว่า อยู่กับปัจจุบันให้ดีที่สุด และทำสิ่งที่ตัวเองทำให้ดีที่สุด ให้ไม่เสียใจว่าอนาคตจะเกิดอะไรก็ตาม ทั้งปัจจัยที่ควบคุมได้ ควบคุมไม่ได้ เราก็ต้องวางได้ คือทำวันนี้ให้ดีที่สุด พอถึงจุดนั้นแล้ว เราจะไม่เสียดายและไม่เสียใจ”

ต่อความตั้งใจที่ว่า “อยากทำสิ่งดีๆ ร่วมกัน” ดร.ชวัลวัฒน์ขยายความให้ฟังว่า “ผมกับคุณบีคิดไว้หลายเรื่อง 1.เรื่องเด็กยากจน เด็กกำพร้า เด็กที่ไม่มีโอกาสเรื่องการศึกษา” ซึ่งทุกวันนี้คุณบีดูแลที่ให้การอุปถัมภ์เด็กกำพร้ากว่า 2 หมื่นคน ภายใต้มูลนิธิพุทธรักษาเพื่อให้อนาคตของชาติมีไอคิวที่ดี 2.เรื่องโรงพยาบาลสำหรับผู้ป่วยที่ไม่มีโอกาส เพื่อให้พวกเขาไม่ต้องทุกข์ทรมาน และ 3.เรื่องของวัด สถานปฏิบัติธรรม เพื่อให้คนได้กลับมามีธรรมะในใจ เพราะมีไอคิวดีแล้ว ก็ต้องมีอีคิวที่ดีด้วย ซึ่งสำคัญมาก”

และสิ่งที่ขาดไม่ได้คือ “ทำยังไงให้สังคมมีรอยยิ้ม”

“บางครั้งเราบอกว่า เราเป็นคนดีนะ เราดี แต่ถ้าเราซีเรียสเกินไป คนที่อยู่ข้างๆ เราก็จะกลายเป็นคนซีเรียสไปด้วย เป็นคนดีแต่ไม่มีความสุข หรือเป็นคนดีที่อาจจะมีความสุขในสไตล์ของเขา แต่เวลาไปไหน คนมีความรู้สึกว่า ไม่กล้า หรือเกร็ง ฉะนั้น จริงๆ แล้วพระพุทธเจ้าก็สอน คือ 1.ทำความดี 2.ละเว้นความชั่ว 3.ทำจิตใจให้เบิกบาน อันนี้สำคัญมาก ทำจิตใจให้เบิกบาน ไปที่ไหนก็ทำให้สถานที่ตรงนั้นมีความสุข”

เรียกว่าเป็นเจตนารมณ์ในทุกเรื่อง อย่างเรื่องธุรกิจบันเทิงที่กำลังตั้งใจทำอยู่ขณะนี้ ก็เพื่อให้สังคมได้รับความสุข

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image