ที่มา | หนังสือพิมพ์มติชน หน้า18 |
---|---|
ผู้เขียน | [email protected] |
เผยแพร่ |
หลังได้รับการสวมมงกุฎเป็นมิสทีนยูเอสเอคนล่าสุดได้เพียงไม่กี่ชั่วโมง “คาร์ลี เฮย์” นางงามจากรัฐเท็กซัส วัย 18 ปี ก็ต้องออกมาทวีตขอโทษ ยอมรับผิดว่า เคยใช้ถ้อยคำที่ “ฉันไม่รู้สึกภูมิใจ” หลังจากที่เคยใช้ถ้อยคำหยาบคาย ไม่เหมาะสมในทวิตเตอร์ โดยในข้อความเหล่านั้นมีถ้อยคำที่เป็นการดูถูกคนผิวสีด้วย
ทั้งนี้ จากข่าวเล่าว่า คาร์ลี เฮย์ “มิสเท็กซัสทีน” ซึ่งสามารถพิชิตมงกุฎมิสทีนยูเอสเอ จากการประกวดเมื่อค่ำวันเสาร์ที่ 30 กรกฎคม ที่เดอะ เวเนเชี่ยน ลาสเวกัส นครลาสเวกัส รัฐเนวาดา สหรัฐอเมริกา ได้ทวีตยอมรับผิดผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัวเมื่อเช้าวันอาทิตย์ที่ 31 กรกฎาคม ว่า…
“เมื่อหลายปีก่อน ฉันมีปัญหากับการต่อสู้เพื่อค้นหาตัวเองอยู่หลายครั้ง และฉันก็พบว่าตัวเองตกอยู่ในสภาพที่ไม่ได้เป็นตัวเอง ฉันยอมรับว่าในอดีตฉันเคยใช้ภาษาต่อสาธารณชน ที่ไม่ได้ทำให้ฉันรู้สึกภาคภูมิใจ และไม่มีข้อแก้ตัวสำหรับการกระทำนั้น”
อย่างไรก็ตาม เจ้าของตำแหน่งมิสทีนยูเอสเอคนล่าสุด กล่าวว่า แต่ปัจจุบันเธอได้ “เปลี่ยน” ไปแล้ว โดยทวีตเล่าว่า “ผลจากความพยายาม ตั้งใจทำงานอย่างหนัก การศึกษาที่ได้รับ และต้องขอขอบคุณเพื่อนๆ พี่น้องที่ฉันได้รู้จักในการประกวด ทำให้ฉันภูมิใจที่จะพูดได้อย่างเต็มปากว่า วันนี้ฉันเป็นคนที่ดีขึ้น และก็รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้รับตำแหน่งนี้ ฉันจะใช้เวทีนี้เพื่อโปรโมตค่านิยมและคุณค่าต่างๆ ที่องค์กรมิสยูนิเวิร์สสนับสนุน ส่งเสริม รวมทั้งคุณค่าของตัวฉันเอง ซึ่งให้คุณค่าต่อความมั่นใจ ความงาม และ ความมุ่งมั่น เพียรพยายามของผู้หญิงทุกคน”
ด้านองค์กรมิสยูนิเวิร์ส บริษัทต้นสังกัด ผู้จัดประกวดมิสทีนยูเอสเอ มีแถลงการณ์ผ่านสถานีโทรทัศน์เอบีซีนิวส์ว่า ภาษาที่กลายเป็นปัญหาที่คาร์ลี เฮย์ เคยใช้ “เป็นภาษาที่ไม่เป็นที่ยอมรับสำหรับคนทุกเพศ ทุกวัย และไม่มีทางที่จะสะท้อนถึงค่านิยมที่องค์กรมิสยูนิเวิร์สให้คุณค่า” แต่ถึงกระนั้น ทางกองประกวดมิสทีนยูเอสเอก็จะไม่ริบตำแหน่งมิสทีนยูเอสเอ ที่เฮย์ได้ไป
“เหมือนที่คาร์ลีได้บอกไว้ว่า เธอได้เปลี่ยนไปแล้ว และเธอขอโทษอย่างจริงใจต่อความผิดอย่างมหันต์ที่เธอได้ทำไป และทำให้เธอรู้สึกเสียใจ คาร์ลีได้เรียนรู้บทเรียนมากมาย จากการดิ้นรนต่อสู้เพื่อค้นหาตัวเองและได้ทำให้เธอได้เปลี่ยนเปลงชีวิตและค่านิยมในชีวิตของเธอใหม่ เราในฐานะองค์กรแห่งหนึ่งก็พร้อมสนับสนุนให้เธอเติบโตต่อไป”