เฉิน จีฟาง ‘อาม่าฮาร์ดคอร์’ วัย 68 ที่อาตี๋ อาหมวย ยังต้องซูฮก
คอลัมน์ World Update
การออกกำลังกายเป็นประจำ นอกจากจะทำให้ “เฉิน จีฟาง” อาม่าชาวเซี่ยงไฮ้ วัย 68 ปี มีสุขภาพดี รูปร่างดี ตอนนี้ยังทำให้อาม่าเฉินกลายเป็นที่รู้จักในโลกโซเชียล มีผู้ติดตามดูการออกกำลังกายของเธอในติ๊กต็อก (TikTok) ถึง 410,00 ราย เพราะติดใจการออกกำลังกายของอาม่าที่ทำได้คล่องแคล่ว แข็งแกร่งเกินวัย ชนิดที่อาตี๋อาหมวยหลายคนยังอาย ต้องซูฮกให้
จากคนไม่เคยคิดจะออกกำลังกาย แต่ทุกวันนี้กลายเป็นอาม่าที่ได้ฉายาจากสื่อจีนที่พากันยกย่องให้ฉายาเป็น “อาม่าฮาร์ดคอร์” บ้างล่ะ หรือ “อาม่ายกน้ำหนัก” จากสำนักข่าวซินหัว อาม่าเฉินเล่าว่า เริ่มเข้ายิมออกกำลังกายอย่างเอาจริงเอาจังเมื่อเดือนธันวาคม ปี 2561 และสามารถลดน้ำหนักลงไปถึง 14 กิโลกรัม ภายใน 3 เดือน การเข้ายิมออกกำลังกายอย่างต่อเนื่องภายใต้คำแนะนำของเทรนเนอร์ ยังทำให้อาม่ามีมัดกล้ามเนื้อ อย่างที่เด็กรุ่นลูกหลานใฝ่ฝันอยากจะมี
การลุกขึ้นมาออกกำลังกายในวัยปูนนี้ของอาม่าเฉิน เกิดขึ้นจากความกังวลเรื่องสุขภาพที่เมื่ออายุมากขึ้น ก็เริ่มมีพุง มีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น นอกจากนั้นยังมีค่ารักษาพยาบาลเพิ่มขึ้น จากภาวะไขมันเกาะตับ ความดันโลหิตสูง อาม่าจึงตัดสินใจเดินเข้ายิม แล้วมีโอกาสได้พบกับเทรนเนอร์ จึงออกกำลังกายอย่างต่อเนื่อง กระทั่งกลายเป็นกิจวัตรประจำวันที่อาม่าจะใช้เวลาออกกำลังกายกับอุปกรณ์ต่างๆ อย่างน้อยวันละ 2 ชั่วโมง และคิดจะทำต่อไป “ตราบเท่าฉันยังมีลมหายใจอยู่”
อาม่าฮาร์ดคอร์เล่าว่า ยังจำได้ดีถึงสายตาผู้คนในยิม ที่มองเธอด้วยความประหลาดใจในวันแรกที่อาม่าก้าวเข้าไปในยิม “พวกเขารู้สึกว่ามันประหลาดมาก พวกเขาไม่ค่อยเคยเห็นคนแก่ที่เป็นห่วง สนใจเกี่ยวกับเรื่องสุขภาพมากขนาดนี้”
อาม่าเฉิน ซึ่งมีหลานชายวัย 14 ปี เล่าถึงข้อดีของการออกกำลังกายที่เธอเห็นผลมากับตัวเองว่า “ถ้ากล้ามเนื้อของคุณแข็งแรง และมีกำลังมันจะช่วยปกป้องกระดูกของคุณหากคุณหกล้ม เพราะสิ่งที่คนแก่กลัวมากที่สุดก็คือการหกล้ม ที่จริงแล้วฉันก็เคยหกล้มแรงๆ มาแล้วครั้งหนึ่ง เล่นเอาฉันเจ็บทั้งที่หน้าผาก หัวเข่า และนิ้วเท้า ตอนนั้นมีคนเดินผ่านไปมา แล้วเมื่อเห็นหญิงแก่ ผมขาวทั้งหัวนอนกองอยู่กับพื้น ก็ตกใจ ร้องเรียกหารถพยาบาลกันใหญ่ แต่ฉันบอกพวกนั้นไปว่า ไม่ต้อง แล้วฉันก็ลุกขึ้นยืน บอกไปว่าฉันออกกำลังกายเป็นประจำ ฉันไม่เป็นไร”
ก่อนจะทิ้งท้ายฝากแง่คิดในฐานะผู้เห็นสัจธรรมชีวิตของคนวัยนี้ว่า “ในวัยของพวกเรา มันไม่ใช่แค่คุณมีเงินเก็บมากเท่าไร? คุณเป็นใคร? ลูกๆ ของคุณเป็นเด็กดีไหม? แต่คุณยังต้องการเห็นบิลค่ารักษาพยาบาลน้อยสุดเท่าที่จะเป็นไปได้ด้วย”