กองมิสยูฯ กางสัญญา แจงยิบ ดราม่าฟ้าใส ยินดี ‘ให้มงกุฎ’ หากมารับด้วยตัวเอง

กองมิสยูฯ กางสัญญา แจงยิบ ดราม่าฟ้าใส ยินดี ‘ให้มงกุฎ’ หากมารับด้วยตัวเอง

เป็นอีกหนึ่งประเด็นดราม่าของวงการนางงามที่อยู่ในความสนใจของแฟนๆ กับกรณีการเซ็นสัญญา ข้อตกลง ระหว่าง ฟ้าใส – ปวีณสุดา ดรูอิ้น มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2019 และท็อป 5 มิสยูนิเวิร์ส 2019 กับกองประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ นำโดย บริษัท TPN 2018 จำกัด

ที่แต่ละฝ่ายต่างผลัดกันออกมาแถลงถึงประเด็นดังกล่าว โดยเรียงไทม์ไลน์ละเอียดยิบ แต่ก็ยังมีหลายจุดที่ข้อมูลไม่ตรงกัน

(อ่านข่าว : ปุ้ย ทีพีเอ็น ควงทนาย เปิดไทม์ไลน์ ‘สัญญา’ ร้อน กองมิสยูฯ-ฟ้าใส ละเอียดยิบ)

(อ่านข่าว : ฟังความจริงจากปาก ‘ฟ้าใส’ เปิดไทม์ไลน์โต้ดราม่าสัญญา กระทบหนักจนเป็นซึมเศร้า)

Advertisement

ล่าสุด เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 18 พฤศจิกายน บริษัท ทีพีเอ็น โกลบอล จำกัด (TPN) ผู้ถือลิขสิทธิ์การจัดการประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ นำโดย ปุ้ย – ปิยาภรณ์ แสนโกศิก, ณะ – ณรงค์ เลิศกิตศิริ ในฐานะ National Director และ นก – ชวาลา ป้องขันธ์ ผู้อำนวยการกองประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ ​พร้อมด้วย นายวิชิต แก้วธนะสิน ทนายความ และนายบัณฑิต เทพอยู่ ผู้ช่วยทนายความ ตั้งโต๊ะแถลงข่าวเพื่อชี้แจงข้อเท็จจริง และตอบข้อสงสัยของสื่อมวลชนในกรณีต่างๆ ตามที่บริษัทได้ถูกพาดพิง

โดยก่อนเริ่มการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการ ทางกองประกวดได้นำพระพุทธรูปพระแก้วมรกตซึ่งอัญเชิญมาจากห้องพระของปิยาภรณ์ เพื่อประดิษฐานเป็นพยานในการแถลงข่าวในครั้งนี้

Advertisement

สำหรับการแถลงข่าว สรุปได้ดังนี้

วันที่ 6 มิถุนายน 2562 วันลงทะเบียน ทางกองประกวดได้แจ้งให้ผู้เข้าประกวดทั้ง 60 คน รวมไปถึงผู้ดูแล ซึ่งมีทั้งผู้ปกครองและพี่เลี้ยงของผู้เข้าประกวด รับทราบถึง “บันทึกข้อตกลงการเข้าร่วมประกวด MUT2019” อย่างละเอียด ว่าหากใครได้รับตำแหน่งจะต้องมีการทำสัญญากันใหม่อีกครั้งหนึ่ง โดยระบุไว้ในข้อ 4.1.1.1 และในวงเล็บ ข. เพราะฉะนั้นจึงเป็นข้อตกลงไม่ใช่สัญญา

วันที่ 17 กรกฎาคม 2562 (รับตำแหน่งแล้ว) ฟ้าใสและรองทั้ง 3 เดินสายไปพบปะสื่อมวลชน และมีอีเวนต์ตอนเย็น ซึ่งทางกองประกวดได้แจ้งและมีการนัดหมายก่อนหน้านี้ว่า หากใครพร้อมจะเซ็นให้มาเซ็นสัญญาในวันนี้เพราะพร้อมหน้ากันทุกคน ซึ่งรองทั้ง 3 คนได้เดินทางมาเซ็นสัญญา ยกเว้น “เบลล่า” ที่ไปแคสต์งานต่างประเทศ (เซ็นในภายหลัง) และ “ฟ้าใส” ที่มีงานตอนเย็น

– ตั้งแต่รับตำแหน่งกระทั่งก่อนวันนัดหมาย 17 กรกฎาคม มีระยะเวลาประมาณ 3-4 เดือนที่จะเซ็นสัญญากันได้

– ส่วนประเด็นที่ฟ้าใสบอกว่าไม่ทราบเรื่องนัดเซ็นนี้ ขณะที่เพื่อนๆ รู้กันหมด กองประกวดขออย่าต่อว่าเพื่อนๆ เพราะทางผู้บริหารได้แจ้งทุกคนแล้วว่าสัญญาพร้อมที่จะให้เซ็นขอให้มารับทราบข้อสัญญา

– กรณีเรื่องระยะเวลา 3 ปีและค่าตอบแทน 50% มาจากการพูดคุย 3 คน ประกอบด้วย ปุ้ย ณะ และฟ้าใส ในช่วงก่อนไปแอตแลนต้าเกี่ยวกับอนาคตของฟ้าใส (ไม่เกี่ยวว่าจะได้ตำแหน่งมิสยูนิเวิร์ส2019หรือไม่) ว่าวางอนาคตตัวเองไว้อย่างไร ซึ่งฟ้าใสบอกว่าอยากทำเกี่ยวกับสถาบันฝึกนางงาม ซึ่งทางปุ้ยและณะ ก็เห็นด้วย จึงคุยกันว่างั้นเดี๋ยวเปิดบริษัทเพื่อตั้งสถาบันโดยจะให้ฟ้าใสบริหารงานเป็นเฮดหลัก ซึ่งฟ้าใสก็ดูแฮปปี้ดี และทางฟ้าใสยังสอบถามว่าแล้วจะจ้างเธอนานไหม ก็เลยเสนอไปว่างั้นก็จ้างทีละ 3 ปี และต่อสัญญากันเรื่อยๆ คงตลอดชีวิตนั่นแหล่ะ โดยในส่วนนี้เป็นการพูดคุยระหว่างกันจึงไม่มีการบันทึกเป็นหลักฐาน ทางปุ้ยก็ได้ยอมรับว่าพลาดเองในจุดนี้ เพราะไม่ได้คาดการณ์ว่าจะเป็นปัญหาในภายหลัง นี่จึงเป็นที่มาว่าทำไมในสัญญาของกองประกวดจึงระบุเซ็นสัญญากับฟ้าใส 3 ปี โดยสัญญาตำแหน่งมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2019 จำนวน 1 ปี และอีก 2 ปีคือทำสัญญาทำงานกับกองประกวด

– ส่วนประเด็นเรื่องการแบ่งประโยชน์ 50 : 50 เป็นเรื่องที่คุยไว้ก่อนจะเดินทางไปประกวด ซึ่งเป็นสัดส่วนการแบ่งงานในต่างประเทศ ส่วนงานในไทย การแบ่งผลประโยชน์ยังเป็น 70 : 30 เช่นเดิม ไม่ได้ลดหรือเพิ่มแต่อย่างใด (ฟ้าใส 70 กองประกวด 30)

– กองประกวด รับว่าเพิ่มสัญญาจริง แต่เป็นเรื่องการแบ่งผลประโยชน์ตามที่กล่าวมาข้างต้นดังที่ชี้แจงไปแล้ว จำนวน 2 ข้อ และข้ออื่นๆ อาทิ ผู้ให้สัญญาต้องไม่เกี่ยวข้องอาชญากรรม, ไม่ทำบริษัทเสียชื่อเสียง, ต้องเข้าร่วมการ Workshop เบื้องต้นที่บริษัทจัดให้ เว้นแต่ว่าตัวผู้ให้สัญญา จะมีเหตุจำเป็นจริง ๆ ที่ไม่สามารถมาได้ ต้องแจ้งให้บริษัททราบล่วงหน้าก่อนสองวัน, ต้องคุมน้ำหนักและรูปร่างให้อยู่ในช่วงสัดส่วนที่บริษัทกำหนด โดยแต่ละคนจะไม่เท่ากัน, หากต้องการเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ ด้วยการทำศัลยกรรม และการเปลี่ยนสีเปลี่ยนทรงผม ต้องได้รับ ความเห็นชอบจากบริษัทเท่านั้น, ต้องเข้าร่วมการประชุมของ บริษัทประจำเดือน ประจำไตรมาส และประจำปี เพื่ออัพเดตผลงาน และแลกเปลี่ยนแนวความคิดกับทางบริษัทและนักแสดงคนอื่น ๆ เว้นแต่ว่าตัวผู้ให้สัญญาจะมีเหตุจำเป็นจริง ๆ ที่ไม่สามารถมาได้ ต้องแจ้งให้บริษัททราบล่วงหน้าก่อนสองวัน และต้องไม่ติดสุรา หรือเสพยาเสพติดให้โทษหรือมียาเสพติดให้โทษไว้ในครอบครอง

– แต่สุดท้ายก็ไม่มีการทำสัญญาระหว่างฟ้าใสและบริษัท จึงไม่มีการเกิดสัญญาฉบับที่ 2-3 ถึงแม้ว่าจะมีการปรับแก้ร่างสัญญาตามความประสงค์ของคุณแม่ของฟ้าใสแล้ว

– 15 มกราคม 2563 ฟ้าใสเข้าพบกับทีพีเอ็น เพื่อทำการเซ็นสัญญา (ฉบับที่ฟ้าใสเรียกว่าฉบับที่ 3) โดยมาพร้อมกับลุงและป้าของฟ้าใส ซึ่งทางกองประกวดก็คาดว่าฟ้าใสจะเซ็นสัญญาเลยจึงมีการเตรียมเช็กเงินสดมามอบให้ด้วย แต่ฟ้าใสแจ้งความจำนงค์ว่าขอกลับไปคิดและปรึกษาผู้ใหญ่ก่อน ซึ่งลุงฟ้าใสก็ถามว่าจะใช้เวลาอ่านกี่วัน ฟ้าใสบอกว่า 3 วัน วันนั้นจึงไม่มีการทำสัญญาต่อกัน

– หลังจากนั้นทางกองประกวดเห็นว่าเกินระยะเวลา 3 วันแล้ว ทนายความจึงแนะให้ทำจดหมายแจ้งไปยังฟ้าใสเกี่ยวกับการเซ็นสัญญา โดยมอบให้ผู้จัดการคนเดิมของฟ้าใส เป็นผู้นำไปให้ โดยได้รับการแจ้งว่ามอบให้ฟ้าใสแล้วในวันที่ 28 มกราคม 2563

– ปุ้ย ยังย้ำว่า ทางกองประกวดเป็นฝ่ายส่งจดหมายทวงถามไปก่อน จากนั้นฟ้าใสจึงทำการขอนัดเข้าพบกองประกวด ในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ ตามที่เธอได้แถลงข่าวไปก่อนหน้านี้

วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2563 ฟ้าใส เดินทางมาพร้อมญาติผู้ใหญ่ และทนายความ โดยฟ้าใสได้ทำสัญญาขึ้นมาเอง 1 ฉบับ เพื่อยื่นข้อเสนอแนะและข้อเรียกร้องให้บริษัท ซึ่งหลังบริษัทตรวจสอบสัญญาฉบับดังกล่าวแล้ว “เห็นว่าไม่เป็นธรรมกับบริษัท จึงไม่รับข้อเสนอของฟ้าใส”

ร่างสัญญาฉบับฟ้าใส ที่เพิ่มเข้ามามีหลายข้อ อาทิ ข้อ 4.1 ต้องปฏิบัติหน้าที่ในงานอันเป็นสาธารณกุศล หรืออื่นๆ ตามที่ได้รับความเห็นชอบจากบริษัท ไม่เกิน 12(สิบสอง) ครั้ง นับตั้งแต่วันที่ได้รับตำแหน่งผู้ชนะเลิศมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2019…  ข้อ 4.1.1 หากครบ 12 ครั้งแล้ว สามารถปฏิเสธงานต่อๆ ไป หรือเรียกร้องค่าตอบแทนจากบริษัทได้เป็นจำนวนเงิน 15,000 บาทต่อครั้งสำหรับงานในกรุงเทพฯ หรือ 30,000 บาท ต่อวันสำหรับงานต่างจังหวัด ทั้งนี้การปฏิบัติงานต้องไม่เกิน 3 ชั่วโมงต่อวัน  ข้อ 5.4 บริษัทต้องจัดให้มีการเวิร์กช็อปต่างๆ โดยเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมด ทั้งนี้การเข้าร่วมเวิร์กช็อปต่างๆ ขึ้นอยู่กับความสมัครใจของผู้ให้สัญญาด้วย ข้อ 5.7 ต้องไม่ดูหมิ่น เหยียดหยาม หมิ่นประมาท และกระทำอื่นใดที่เป็นการอันไม่สมควรแก่ผู้ให้สัญญา ครอบครัวของผู้ให้สัญญา และผู้ดูแล

– ด้วยเหตุนี้ ทางฟ้าใสจึงยื่นข้อเสนอไม่ขอเข้าทำสัญญากับทางบริษัท และทางบริษัทก็พิจารณาว่าฟ้าใสไม่มีเจตนาที่จะทำงานร่วมกันแล้ว จึงยินยอมให้ฟ้าใสไม่เข้าทำสัญญา จากนั้นจึงมีการนัดหมายเพื่อลงชื่อบันทึกข้อตกลงเกี่ยวกับเรื่องของเงินรางวัลต่างๆ ในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2563

– วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2563 ฝ่ายกฎหมายของกองประกวดได้ส่งอีเมลบันทึกข้อตกลงให้ทางทนายความของฟ้าใสได้ตรวจสอบ ทางนั้นตอบกลับมาว่าขอแก้ไขก่อน และติดต่อเข้ามาว่าฟ้าใสไม่สามารถเข้ามาลงชื่อบันทึกข้อตกลงได้ในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2563 จึงขอเลื่อนเป็นวันที่ 4 มีนาคม 2563

– สำหรับประเด็นกองไม่เคยติดต่อประสานงานเรียกฟ้าใสมาเซ็นสัญญานั้น ทางกองได้โชว์หลักฐานการติดตามทวงในไลน์และเฟซบุ๊กเมสเซนเจอร์ เช่น วันที่ 1 กันยายน 2562 และในวันที่ 16 กันยายน 2562 ที่ฟ้าใสได้เลื่อนการเข้ามาพบเพื่อคุยเรื่องสัญญา ซึ่งทั้ง ปุ้ย ณะ และนก นั่งรออยู่

อย่างไรก็ตาม ปิยาภรณ์ ได้กล่าวทิ้งท้ายการแถลงข่าว สำหรับมงกุฏมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2019 นี้ หากฟ้าใสคิดว่ามีคุณสมบัติและมีความชอบธรรมที่จะได้มงกุฏนี้ ทางกองประกวดมอบให้ สามารถติดต่อมารับด้วยตัวเองได้ โดยที่กองประกวดไม่มีเงื่อนไขใดๆ ทั้งสิ้น และทางกองประกวดยืนยันว่าไม่ได้ให้ตามกระแส อยากให้จบทุกเรื่องด้วยดี

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image