พระหัตถ์ ‘แม่ของแผ่นดิน’ ทรงขจัดทุกข์พสกนิกร

จากคำกล่าวที่ว่า “การไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ” สะท้อนความจริงของชีวิตมนุษย์ทุกผู้ทุกคนว่าความทุกข์จากการเจ็บไข้ได้ป่วยเป็นความทุกข์ที่หนักหนานัก

ยิ่งหากความเจ็บไข้นั้นเกิดกับคนยากคนจนที่ไม่มีเงินพอที่จะรักษาเยียวยาชีวิตตนเองได้ ยิ่งเป็นทุกข์ที่แสนสาหัส แต่ด้วย “น้ำพระราชหฤทัย” ของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ที่ทรงห่วงใยและทรงเข้าใจถึงความทุกข์ยากของผู้ป่วย ทุกครั้งเมื่อเสด็จฯ ไปทรงเยี่ยมราษฎรในท้องถิ่นทุรกันดาร จะทรงรับคนเจ็บคนป่วยเป็น “คนไข้ในพระบรมราชานุเคราะห์”

12

2194

Advertisement

ดั่งน้ำทิพย์ชโลมใจให้ฉ่ำเย็น จากชีวิตที่มืดแปดด้าน เมื่อมีพระหัตถ์ของ “แม่แห่งแผ่นดิน” ยื่นเข้ามาโอบอุ้มช่วยเหลือ ชีวิตก็ได้เห็นแสงสว่างอีกครั้ง

ท่านผู้หญิงฉัตรแก้ว นันทาภิวัฒน์ นางสนองพระโอษฐ์ในสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ กล่าวว่า ในการเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมราษฎรในท้องถิ่นทุรกันดาร สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทอดพระเนตรเห็นราษฎรที่มาเฝ้าฯรับเสด็จเป็นจำนวนมากมีอาการเจ็บป่วย พระองค์จึงได้มีพระราชเสาวนีย์ให้แพทย์ที่ตามเสด็จในขบวนตรวจอาการและจ่ายยา หากจำเป็นต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลประจำจังหวัดหรือในกรุงเทพฯ จะทรงรับเป็นคนไข้ในพระบรมราชานุเคราะห์

“พระองค์ทรงมีรับสั่งว่า ถ้าเขาสามวันดีสี่วันไข้ เขาอาจเป็นหนี้สิน เพราะทำงานได้ไม่เต็มที่ แต่ถ้าเผื่อเราช่วยเขา ให้หายขาด ถ้าเขาไม่ขี้เกียจ เขาก็สามารถทำงานได้เต็มที่ ไม่เป็นภาระของสังคม ประเทศชาติจะได้เจริญด้วย ในช่วงแรกๆ จะทรงงานด้านนี้ด้วยพระองค์เอง เช่น ซักประวัติคนไข้ โดยจะทรงละเอียดอ่อนมาก ทรงสอนพวกเรานางสนองพระโอษฐ์ที่โปรดเกล้าฯ ให้ทำงานด้านนี้ว่า เวลาซักประวัติคนไข้ ถ้าเรานั่งเก้าอี้ คนไข้ก็ต้องนั่งเก้าอี้ ไม่ใช่เรานั่งเก้าอี้ และคนไข้นั่งพื้น ทรงไม่ถือพระองค์กับผู้ป่วยเลย เด็กบางคนทรงป้อนยาให้ด้วยพระองค์เอง แม้คนไข้เป็นโรคเรื้อนก็ทรงให้เข้าเฝ้าฯ อย่างใกล้ชิด ให้เขาจับพระหัตถ์ และทรงให้ความช่วยเหลือเขามาตลอด”

Advertisement

“นอกจากนี้ยังทรงเข้มงวดเรื่องการจ่ายยา รับสั่งว่าถ้ารับประทานยาผิดก็จะอันตรายถึงชีวิตได้ ดังนั้น ถ้าชาวบ้านอ่านหนังสือไม่ออก ให้พยายามทำให้เขาเข้าใจได้ง่ายๆ โดยวาดรูปยาเป็นสัญลักษณ์กินครึ่งเม็ด หรือ 1 เม็ด”

ท่านผู้หญิงฉัตรแก้ว นันทาภิวัฒน์
ท่านผู้หญิงฉัตรแก้ว นันทาภิวัฒน์

สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงรับผู้ป่วยไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์จำนวนมาก เมื่อทรงรับคนไข้ไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์แล้ว กองราชเลขานุการในพระองค์ฯ จะรับผิดชอบดูแลผู้ป่วยตั้งแต่การจัดทำประวัติคนไข้เพื่อใช้พิจารณาพระราชทานความช่วยเหลือด้านอื่นๆ แก่ครอบครัวผู้ป่วยด้วย หากเป็นผู้ป่วยที่มาจากต่างจังหวัดก็จะนำเข้าพักในบ้านพักผู้ป่วยที่อยู่ในซอยสุคันธาราม เขตดุสิต กรุงเทพฯ ซึ่งได้จัดเจ้าหน้าที่คอยดูแลผู้ป่วยทั้งกลางวันและกลางคืน และพระราชทานอาหารทั้ง 3 มื้อ เช้า-กลางวัน-เย็น เมื่อถึงขั้นตอนการพบแพทย์ เจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวกพาไปส่งตามโรงพยาบาลต่างๆ ด้วย

“พระองค์จะทรงเน้นให้หาหมอที่ดีที่สุดให้กับเขา ทรงช่วยเขาอย่างสุดฝีมือ เพราะถ้าเขาหายดีแล้ว เขาก็จะไม่มีความทุกข์และสามารถทำงานได้เต็มที่ นอกจากนี้ยังทรงโปรดเกล้าฯ ให้จัดนางสนองพระโอษฐ์และอาสาสมัครเวียนไปเยี่ยมคนไข้ตามโรงพยาบาลต่างๆ อาทิตย์ละ 3 ครั้ง ทรงสอนดิฉันว่าให้ดูแลคนไข้เสมือนญาติของเรา เพราะเขามาจากต่างจังหวัด ต้องห่างบ้านห่างครอบครัว และบางคนต้องอยู่คนเดียว เพราะญาติพี่น้องไม่สามารถมาอยู่ด้วยได้นานๆ”

ปัจจุบันกองราชเลขานุการในพระองค์ฯ ยังคงดูแลคนไข้ในพระบรมราชานุเคราะห์อย่างต่อเนื่อง โรคส่วนใหญ่ที่เข้ามารักษาจะเป็นโรคที่รุนแรงรักษายาก ไม่ว่าจะเป็นโรคมะเร็ง โรคสมอง โรคที่ต้องรักษาด้วยการปลูกถ่ายอวัยวะ

“พระราชกรณียกิจด้านนี้ ทรงช่วยคนไทยได้เยอะมาก ให้พวกเขาได้มีสุขภาพที่ดี จะได้ไม่เป็นภาระของสังคม และทำงานได้เต็มที่ ดิฉันทำงานถวายพระองค์มาเป็นเวลา 48 ปี ได้ตามเสด็จไปต่างจังหวัด ทำให้เห็นว่าสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงงานหนัก น้ำพระราชหฤทัยของพระองค์ประเสริฐสุด ทรงงามทั้งข้างในและข้างนอก ทรงช่วยประชาชนในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นคนไข้ นักเรียน ศิลปาชีพ พระองค์ทรงงานอย่างไม่มีวันหยุด ทรงนึกถึงประชาชนก่อนพระองค์เองเสมอ” ท่านผู้หญิงฉัตรแก้วกล่าว

ด้วยพระเมตตาที่ทรงรับคนไข้ไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์ได้ช่วยให้พวกเขาเหล่านี้หายจากโรคร้าย ปลดเปลื้องความทุกข์ให้สามารถกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข ยังความซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณแก่คนไข้และครอบครัวเป็นอย่างมาก

2195

2196

ดั่งเช่น “ครอบครัวอิ่มวิทยา” พญ.พรรณกร และ พ.ท.พญ.รดาศา อิ่มวิทยา หรือหมอมุก ที่ประสบอุบัติเหตุจนเกือบเอาชีวิตไม่รอดเมื่อปี 2554 แต่เหมือนปาฏิหาริย์เมื่อสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ โปรดเกล้าฯ ให้ผู้แทนพระองค์อัญเชิญดอกไม้พระราชทานมาให้กำลังใจ พร้อมกับทรงรับหมอมุกเป็นคนไข้ในพระบรมราชานุเคราะห์ จากลมหายใจที่รวยรินก็พลิกฟื้นกลับมาอีกครั้ง

พญ.พรรณกร แม่ของหมอมุก ย้อนเล่าถึงเหตุการณ์เมื่อ 5 ปีที่แล้วว่า ลูกถูกรถชนกระเด็นออกมาจากรถ ตลอด 10 วันที่นอนอยู่ในห้องไอซียู ลูกสมองบวม ตัวบวม หน้าบวม อุณหภูมิสูง จนแม่คิดว่าลูกคงไม่น่าจะรอด กระทั่งท่านผู้หญิงฉัตรแก้วอัญเชิญดอกไม้พระราชทานและของพระราชทานมาให้พร้อมกับบอกว่า สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงพระเมตตาหมอมุกและทรงรับหมอมุกเป็นคนไข้ในพระบรมราชานุเคราะห์

“ดิฉันดีใจมาก พอท่านผู้หญิงฉัตรแก้วกลับไปแล้ว ก็นำแจกันดอกไม้ไปบอกหมอมุกที่ยังนอนไม่ได้สติว่าสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พระราชทานดอกไม้มาให้หมอมุกนะ ทรงเป็นกำลังใจให้หมอมุก ขอให้หมอมุกหายนะ”

“พอสิ้นเสียงของแม่ หมอมุกก็น้ำตาไหลออกมา ดิฉันตะลึงมาก เพราะตลอด 10 วันเขานอนไม่รู้เรื่อง ดีใจจนน้ำตาไหล เพราะเรามีกันแค่ 2 คนแม่ลูก เนื่องจากพ่อเขาเสียชีวิตไปแล้ว พระองค์ทรงเป็นกำลังใจให้เราสองคนแม่ลูกผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปได้”

พ.ท.พญ.รดาศา-พญ.พรรณกร อิ่มวิทยา

ดั่งปาฏิหาริย์ หลังจากนั้นอาการของหมอมุกก็ดีขึ้นเป็นลำดับ สามารถลืมตาได้ กำมือแม่ได้ จากวันนั้นถึงวันนี้ สุขภาพหมอมุกดีขึ้นเรื่อยๆ เกือบ 100 เปอร์เซ็นต์แล้ว

“ตอนลูกฟื้นขึ้นมาใหม่ๆ พูดไม่ได้เลย เพราะศูนย์ควบคุมการพูดเสีย หยิบช้อนหยิบส้อมก็ไม่ได้ ต้องมาหัดใหม่ทั้งหมด รักษาอยู่ 5 เดือนเศษ คุณหมอก็อนุญาตให้กลับมารักษาตัวที่บ้าน และก็เป็นบุญของพวกเราที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณให้เข้าเฝ้าฯ พระองค์”

“พระองค์รับสั่งกับดิฉันว่า ทรงจำพ่อ (พ.ท.ประสิทธิ์ อิ่มวิทยา) ของหมอมุกได้ เพราะเป็นทหารที่เสียชีวิตจากการปฏิบัติราชการทัพภาคสองส่วนหน้า ซึ่งได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีศักดิ์รามาธิบดี เหรียญรามมาลาเข็มกล้ากลางสมร ซึ่งหลังจากที่พ่อเขาเสียชีวิต ก็ทรงรับหมอมุกเป็นนักเรียนในพระบรมราชานุเคราะห์ ซึ่งตอนนั้นหมอมุกมีอายุ 8 เดือน พระองค์ยังรับสั่งกับดิฉันในครั้งนั้นว่า คุณหมอมีอะไรให้เข้ามาในวัง สร้างความประทับใจให้ดิฉันมาก ทรงให้เกียรติเรียกว่าคุณหมอ นับตั้งแต่นั้นมาก็รู้สึกว่าเราต้องให้เกียรติคน ขนาดพระราชินียังทรงเรียกเราอย่างนี้เลย” พญ.พรรณกรกล่าว

ด้านหมอมุกบอกว่า เมื่อฟื้นขึ้นมาแม่ได้เล่าถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ให้ฟัง รู้สึกซาบซึ้งมาก จากพระเมตตาของพระองค์เป็นกำลังใจให้อยากหายป่วย

มณทิชา บุณยะรัตผลิน-รศ.ไพพรรณ สันติสุข

อีกหนึ่งครอบครัวที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณ “ครอบครัวสันติสุข” รศ.ไพพรรณ สันติสุข อาจารย์ประจำคณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เล่าถึงพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงมีต่อ “สามี” ศ.พิเศษ ดร.ธวัชชัย สันติสุข ราชบัณทิต ว่า ดร.ธวัชชัยเป็นราชบัณฑิตเคยถวายงานสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ด้านพฤกษศาสตร์มาตลอด 30 ปี เวลาเสด็จฯ ไปต่างจังหวัดอาจารย์จะตามไปด้วยทุกครั้ง จนกระทั่งเมื่อปี 2556 อาจารย์ล้มและมีเลือดออกทางสมอง หลังจากนั้นก็ไม่รู้สึกตัวอีกเลย ซึ่งอาการของอาจารย์ค่อนข้างแย่ไม่สามารถพากลับมาดูแลรักษาที่บ้านได้

“ตั้งแต่วันแรกที่อาจารย์เข้าผ่าตัด สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พระราชทานตะกร้าเครื่องหอมมาเยี่ยมเป็นกำลังใจให้ครอบครัว และระหว่างที่ครอบครัวกำลังมืดแปดด้าน เพราะอาจารย์อาการหนักต้องมีคนดูแลตลอด 24 ชั่วโมง พระองค์ก็ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มีพยาบาลมาดูแลตลอด 24 ชั่วโมง จากพระเมตตาที่ทรงเข้ามาช่วยเหลือ รู้สึกเหมือนฟ้าสว่าง เพราะไม่อย่างนั้นก็แย่ ไม่สามารถทำงานได้”

รศ.ไพพรรณบอกอีกว่า การได้รับพระเมตตาตรงนี้ช่วยให้ครอบครัวดีขึ้น สบายใจขึ้น ซึ่งพระองค์ทรงเอาพระทัยใส่โปรดเกล้าฯ ให้ผู้แทนพระองค์อัญเชิญดอกไม้พระราชทานเป็นระยะๆ และมาเยี่ยมติดตามอาการสัปดาห์ละ 3 ครั้ง

ด้าน มณทิชา บุณยะรัตผลิน พี่สาวของ ดร.ธวัชชัย กล่าวว่า ซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณมาก ทรงเป็นกำลังใจให้เราสู้ต่อไป

เนื่องในโอกาสมหามงคลทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 7 รอบ ทั้งสองครอบครัวรู้สึกสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงช่วยขจัดปัดเป่าความทุกข์นำความสุขและรอยยิ้มกลับมาสู่ครอบครัวอีกครั้ง และขอจารึกพระมหากรุณาธิคุณครั้งนี้ไว้ในหัวใจตราบชั่วชีวิต

 

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image