พลิกโฉมการตรวจโรคมะเร็ง เปิดตัว “เครื่อง PET/CT Scan” รุ่นใหม่ในวันมะเร็งโลก

เครื่อง PET ซีทีสแกน ตรวจหาเซลล์มะเร็ง

วันที่ 4 กุมภาพันธ์ของทุกปี องค์การอนามัยโลกและสมาคมต่อต้านมะเร็งสากลกำหนดให้เป็น “วันมะเร็งโลก (World Cancer Day)” เพื่อสร้างความตื่นตัวและเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับโรคมะเร็ง

โรคมะเร็งเป็นโรคที่น่ากลัวในความคิดของคนส่วนใหญ่ แต่ในทางตรงกันข้ามโรคมะเร็งหลายชนิดสามารถรักษาให้หายขาดได้ หากเป็นในระยะเริ่มต้น โรงพยาบาลวัฒโนสถ ร่วมรณรงค์ป้องกันโรคมะเร็งเนื่องในวันมะเร็งโลก 2559 พร้อมจัด “งานแถลงข่าว The Opening of New PET/CT เปิดตัวนวัตกรรมช่วยในการตรวจวินิจฉัยโรคมะเร็งด้วยเครื่องเพทซีที สแกนรุ่นใหม่ พร้อมระบบ flow motion” เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็ง

ศ.พิเศษ นพ.ธีรวุฒิ คูหะเปรมะ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลวัฒโนสถ กล่าวว่า โรงพยาบาลวัฒโนสถ เป็นโรงพยาบาลที่ให้การรักษาเฉพาะโรคมะเร็งโดยตรง ซึ่งเราให้บริการตั้งแต่ให้คำปรึกษาแนะนำ วินิจฉัยโรค ให้การรักษาทุกรูปแบบ จนถึงการฟื้นฟูสุขภาพทั้งร่างกายและจิตใจ รวมทั้งเน้นงานด้านการศึกษาต่อเนื่องและวิจัยทางการแพทย์ โดยเป็นศูนย์รวมของบุคลากรทางการแพทย์ที่มีประสบการณ์ด้านมะเร็ง มีการนำเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่มีประสิทธิภาพ และมีความทันสมัยเข้ามาใช้อย่างต่อเนื่อง ทั้งในเรื่องของการรักษาและการวินิจฉัยมะเร็งให้ได้ตั้งแต่ระยะเริ่มแรก

“ปัจจุบันการตรวจหามะเร็ง หรือการบอกระยะของมะเร็งเพื่อการรักษาที่ถูกต้องมีหลายวิธี เช่น การตรวจทางห้องปฏิบัติการ การตรวจทางเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT scan) เครื่องกำทอนแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI) การตรวจชิ้นเนื้อ ซึ่งเป็นการตรวจทางห้องปฏิบัติการที่มีข้อจำกัด คือไม่สามารถบอกตำแหน่งของโรคมะเร็งได้ ขณะที่การตรวจ CT และ MRI เป็นการตรวจที่บอกถึงโครงสร้างทางกายภาพ และมีข้อจำกัดในการวินิจฉัยความผิดปกติของมะเร็ง จะวินิจฉัยได้เมื่อมะเร็งมีการเปลี่ยนแปลงขนาดใหญ่ขึ้น ซึ่งจะช้ากว่า “เครื่อง PET/CT” ที่เป็นการตรวจความผิดปกติของเซลล์ระดับเมตาบอลิซึม ตลอดจนเป็นเครื่องมือที่สามารถตรวจวินิจฉัยมะเร็งได้ไวตั้งแต่มีขนาดเล็กและมีความแม่นยำ จึงช่วยอำนวยความสะดวกให้กับแพทย์ผู้รักษามากยิ่งขึ้น ตลอดจนเพิ่มโอกาสในการรักษาโรคมะเร็งได้อย่างทันท่วงทีอีกด้วย และนับเป็นเรื่องน่ายินดียิ่งที่ในขณะนี้ รพ.วัฒโนสถของเราได้มีการนำเครื่อง PET/CT รุ่นใหม่ ถึง 2 เครื่องที่ได้รับการพัฒนาให้มีมาตรฐานสูงและความทันสมัยเพื่อรองรับอัตราที่เพิ่มมากขึ้นของผู้ป่วยมะเร็งได้ดียิ่งขึ้น”

Advertisement
ศ.พิเศษ นพ.ธีรวุฒิ คูหะเปรม และ นพ.สามารถ ราชดารา
ศ.พิเศษ นพ.ธีรวุฒิ คูหะเปรม และ นพ.สามารถ ราชดารา

นพ.สามารถ ราชดารา แพทย์เวชศาสตร์นิวเคลียร์ โรงพยาบาลวัฒโนสถ ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า เครื่อง PET/CT scan เป็นเครื่องตรวจทางด้านเวชศาสตร์นิวเคลียร์ โดยนำเครื่องมือตรวจด้านรังสี 2 ชิ้น มารวมเป็นเครื่องมือชิ้นเดียวกัน ทำให้สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องมือทั้งสองชิ้นคือ มีความไวสูง(sensitivity) ทำให้ข้อมูลจาก PET scan นั้นแพทย์สามารถอ่านผลและพบความผิดปกติของโรคที่ไม่สามารถเห็นหรือวินิจฉัยได้จากการตรวจด้วยเครื่องมืออื่น ผนวกกับการที่แพทย์สามารถกำหนดตำแหน่งของโรคนั้นได้อย่างแม่นยำด้วยภาพจาก CT scan

“ขบวนการตรวจ PET/CT scan จะเริ่มจากการฉีดกลูโคสชนิดพิเศษซึ่งมีรังสีอยู่ในตัวเข้าสู่ร่างกาย ซึ่งน้ำตาลพิเศษนี้จะซึมเข้าสู่เนื้อเยื่อต่าง ๆ ในร่างกายมากบ้างน้อยบ้างแล้วแต่ชนิดของเนื้อเยื่อ แล้วเปล่งรังสีออกมาจากเนื้อเยื่อนั้น แพทย์จะใช้เครื่อง PET scan ถ่ายภาพรังสีในร่างกายดังกล่าวทำให้ได้ภาพเป็นร่างกายที่เรืองแสง ประเด็นสำคัญอยู่ที่มะเร็งชนิดก้อน (solid tumor) หลายชนิด เช่น มะเร็งปอด มะเร็งลำไส้ มะเร็งหลังโพรงจมูก มะเร็งเต้านม เป็นต้น สามารถจับน้ำตาลชนิดพิเศษนี้ได้มากกว่าเนื้อเยื่อปกติ ทำให้เราเห็นเป็นจุดสว่างเรืองแสงชัดเจนกว่าการเรืองแสงของเนื้อเยื่อปกติในร่างกาย ทำให้แพทย์สามารถตรวจพบมะเร็งนั้นได้ ในผู้ป่วยบางรายที่มีการกระจายของมะเร็งไปในอวัยวะต่างๆ จุดเรืองแสงเหล่านี้จะปรากฏให้เห็นอยู่ในอวัยวะนั้น ๆ ขบวนการดังกล่าวเกิดขึ้นในระดับของชีวเคมีภายในเซลล์ (metabolism) ซึ่งโดยหลักการความผิดปกติของเซลล์มะเร็งจะมีความผิดปกติของชีวเคมีภายในเซลก่อนที่จะเห็นด้วยตาหรือการตรวจทางด้านรังสีอื่นๆ ทำให้ PET scan เป็นการตรวจที่มีความไว (sensitivity) สูงมาก”

จากรายละเอียดที่กล่าวมาข้างต้น ในวงการแพทย์ด้านมะเร็งจึงนำ PET/CT มาใช้ประโยชน์ในการตรวจโรคมะเร็งในหลายขั้นตอน อันได้แก่ การกำหนดระยะโรค (staging) การใช้เป็นมาตรวัดการรักษา (treatment monitoring) หรือตรวจการกลับเป็นซ้ำ (restaging) เป็นที่ทราบดีว่าการรักษาที่มีประสิทธิภาพนั้น ชนิดและวิธีการรักษาจะต้องสอดคล้องกับระยะโรคที่เป็นอยู่จริง การกำหนดระยะของโรคที่คลาดเคลื่อนย่อมไม่เป็นผลดีต่อผู้ป่วยอย่างแน่นอน มีรายงานการศึกษาจำนวนมากที่ระบุว่า PET/CT scan ช่วยให้การกำหนดระยะของโรคถูกต้องขึ้น

Advertisement

ในแง่ของการเป็นมาตรวัดการรักษา PET/CT scan จะช่วยบอกแพทย์ให้ทราบว่า โรคมะเร็งนั้นตอบสนองต่อการรักษาที่ให้หรือไม่ ถ้าไม่ตอบสนอง แพทย์ก็สามารถเปลี่ยนชนิดของยาหรือการรักษาได้ตั้งแต่เนิ่นๆ ทำให้ลดผลข้างเคียงจากยาและลดค่าใช้จ่ายจากการรักษาที่ไม่เกิดประโยชน์นั้นๆ ตัวอย่างที่เด่นชัดมากในกรณีนี้คือ การรักษามะเร็งต่อมน้ำเหลือง ซึ่งพบว่า PET/CT เข้าไปมีบทบาทแทบจะทุกขั้นตอนของการรักษา

“สำหรับเครื่อง PET/CT สแกนรุ่นใหม่ “Biograph mCT Flow” มาพร้อมด้วยระบบ flow motion อันเป็นเทคโนโลยีที่มีความทันสมัยสูง ช่วยให้การสแกนเป็นการไปอย่างต่อเนื่องและราบรื่น นอกจากการสแกนที่จะใช้ระยะเวลาสั้นลงเมื่อเปรียบเทียบกับระบบเพทซีทีแบบเดิม ยังสามารถให้รายละเอียดภาพที่มีความคมชัดสูงในทุกระบบอวัยวะ มีความแม่นยำและถูกต้องทุกมิติ สามารถสแกนได้อย่างรวดเร็ว ให้ความรู้สึกสบายและไม่อึดอัดสำหรับผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอีกด้วย”

โดยผู้รับการตรวจจะได้รับการฉีดสารเภสัชรังสีที่เหมาะกับการวินิจฉัยโรคนั้นๆ สารเภสัชรังสี FDG ซึ่งเป็นสารเภสัชรังสีที่ใช้บ่อยจะเป็นอนุพันธ์ของน้ำตาลกลูโคสที่ติดฉลากด้วยสารกัมมันตรังสีที่สลายตัวอย่างรวดเร็ว สารเภสัชรังสีที่ใช้ใน PET/CT มีอัตราการแพ้ต่ำมาก หลังจากได้รับการฉีดสารเภสัชรังสีประมาณ 1 ชั่วโมง ผู้รับการตรวจจะได้รับการตรวจด้วยเครื่อง PET/CT ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 15-20 นาที การตรวจ PET/CT เป็นการตรวจที่มีความปลอดภัยสูง โดยผู้รับการตรวจเพียงแค่นอนบนเตียงตรวจอย่างผ่อนคลายเท่านั้น การเตรียมตัวก่อนการตรวจ PET/CT scan ขึ้นกับชนิดของโรคและสารเภสัชรังสีที่ใช้ โดยหลักการเตรียมตัวทั่วไปก่อนตรวจโดยใช้สารเภสัชรังสี FDG ได้แก่ น้ำตาลในเลือดของเช้าวันตรวจไม่ควรเกิน 200 mg/dL ไม่รับประทานอาหารหรือได้รับสารน้ำซึ่งมีองค์ประกอบของน้ำตาลอย่างน้อย 6 ชั่วโมงก่อนการตรวจ ผู้ป่วยเบาหวานควรปรึกษาแพทย์เพื่อปรับการรับยาเบาหวานก่อน การตรวจ PET/CT ด้วยสารเภสัชรังสีชนิดอื่นมีรายละเอียดแตกต่างกันออกไป ผู้รับการตรวจควรรับคำแนะนำในการเตรียมตัวก่อนการตรวจจากเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง

อย่างไรก็ตาม โรคมะเร็งมีสาเหตุมาจากหลายปัจจัยด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นปัจจัยด้านพันธุกรรมหรือการดำเนินชีวิตที่ไม่ถูกสุขลักษณะ สำหรับสัญญาณอันตราย 7 ประการ ที่ควรรีบมาพบแพทย์ ได้แก่ มีเลือดหรือสิ่งผิดปกติออกจากร่างกาย เช่น มีตกขาวมากเกินไป, มีก้อนหรือตุ่ม เกิดขึ้นที่ใดที่หนึ่งของร่างกายและก้อนนั้นโตเร็วผิดปกติ, มีแผลเรื้อรัง, มีการถ่ายอุจจาระ ปัสสาวะ ผิดปกติหรือเปลี่ยนไปจากเดิม, เสียงแหบ ไอเรื้อรัง, กลืนอาหารลำบาก เบื่ออาหาร น้ำหนักลด, มีการเปลี่ยนแปลงของหูด ไฝ ปาน เช่นโตผิดปกติ

ทว่าเราสามารถใช้ชีวิตอย่างมีภูมิต้านทานแบบง่ายๆ เพื่อป้องกันการเกิดโรคมะเร็ง โดยเริ่มต้นจากการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เสริมสร้างความแข็งแรงด้วยการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ทำจิตใจให้แจ่มใส และสิ่งที่สำคัญที่สุด คือ การ ‘ลด’ ความเสี่ยงในการเกิดโรคด้วยการ ‘ค้นหา’ ให้พบสิ่งผิดปกติโดยเร็วที่สุด โดยการตรวจคัดกรองโรคมะเร็งตั้งแต่อายุ 30 ปี ซึ่งการตรวจคัดกรองโรคมะเร็งนั้นมีหลายวิธี ล้วนแล้วแต่เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพและได้ผลดีในการป้องกันและรักษาได้ทันท่วงที

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image