ก่อนจะได้ร่วมชมความฮิปของตลาดโครงการหลวงสุดทันสมัยรูปแบบใหม่ไม่ซ้ำใคร ในงาน “Royal Project Market @Siam Paragon” จัดโดยศูนย์การค้าสยามพารากอน ร่วมกับ มูลนิธิโครงการหลวง ระหว่างวันที่ 22-26 กันยายน ณ ศูนย์การค้าสยามพารากอน ผู้จัดงานจึงนำคณะสื่อมวลชน เดินทางจากเมืองไปสู่ดอย ชมเส้นทางเกษตรกรรมบนที่สูง ณ จ.เชียงใหม่
การเดินทางเริ่มต้นที่ โครงการหลวงแกน้อย อ.เชียงดาว ซึ่งเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของ “ผักสลัด” ที่ใช้การปลูกแบบอินทรีย์ นอกจากนั้นที่นี่ยังเป็นแหล่งที่ปลูกพืชไร่ ทั้งถั่วอะซูกิ ถั่วแดงหลวง ข้าวไร่
ในเขตพื้นที่ อ.เชียงดาว ยังมี “โครงการหลวงหนองเขียว” แหล่งปลูกอะโวคาโด ผลไม้ที่มีคุณค่าทางอาหารสูง เกษตรกรของที่นี่สามารถปลูกอะโวคาโดได้ตลอดทั้งปี โดยสายพันธุ์แฮส เป็นพันธุ์ที่ราคาสูงและขายดีที่สุด
ส่วนโครงการหลวงอ่างขาง หรือสถานีเกษตรหลวงอ่างขาง ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ อ.ฝาง นอกจากชื่อเสียงเรียงนามเรื่องความสวยงามของวิวทิวทัศน์ และอากาศเย็นเหมาะแก่การต้อนรับผู้มาเยือนตลอดทั้งปี จนกลายเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของประเทศไทยแล้ว ที่นี่ยังเป็นศูนย์วิจัยและทดลอง พัฒนาสายพันธุ์ของพืชผลมากมาย เพื่อนำความรู้ไปส่งต่อแก่เกษตรกรบนยอดดอย อาทิ “เห็ดพอร์ตโตเบลโล่” เห็ดสายพันธุ์หนึ่งที่เพาะพันธุ์ได้มากที่นี่ มีสรรพคุณช่วยลดความดันโลหิตสูง รวมถึงลดและยับยั้งอัตราการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง และยังเป็นเห็ดรสเลิศ เมื่อนำไปต้มหรือย่าง จะให้รสชาติเหมือนกินเนื้อสัตว์
นอกจากนี้ยังมี เห็ดหอม เห็ดหลินจือ และเห็ดอีกหลากหลายสายพันธุ์ที่โครงการหลวงตีนตก อ.แม่ออน ซึ่งเป็นทั้งแหล่งพัฒนา สาธิต และส่งเสริมให้ประชาชนในพื้นที่ปลูกเป็นอาชีพ สร้างรายได้เสริมให้กับเกษตรกรได้อีกทางหนึ่ง
ดร.ชนะ พรหมทอง ผอ.ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงป่าเมี่ยงและตีนตก กล่าวว่า รายได้จากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ทุกอย่างของโครงการหลวงคืนสู่เกษตรกรทุกบาททุกสตางค์ อีกทั้งเรายังมีศูนย์การเรียนรู้ให้เกษตรกรที่สนใจมาเรียนรู้จากเราได้ และหากใครสนใจเป็นสมาชิก เราจะลงทุนให้ และหาตลาดให้ โดยเกษตรกรต้องจัดทำผลผลิตตามมาตรฐานที่เรากำหนด ซึ่งมีทั้งมาตรฐานโกลบอลล์ จีเอพี
“กินผักโครงการหลวงไม่มีสารตกค้าง เพราะเราควบคุมการใช้ยาและปุ๋ย ควบคุมก่อนและหลังการเก็บเกี่ยวว่าไม่มีสารตกค้าง ซึ่งเกษตรกรทุกคนจะปฏิบัติตาม เพราะเรารับซื้อในราคาดี ปัจจุบันโครงการหลวงกระจายอยู่ใน 4 จังหวัดภาคเหนือ คือ เชียงราย แม่ฮ่องสอน ลำพูน และเชียงใหม่ ทั้งหมด 38 ดอย ซึ่งเราเป็นโมเดลที่สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูงนำรูปแบบโครงการไปขยายผลต่อในพื้นที่ต่างๆ” ดร.ชนะกล่าว
ด้านอุดม เซี่ยบหลิว อายุ 60 ปี ที่ผันตัวเองจากการเป็นเจ้าของร้านอินเตอร์เน็ตมาทำการเกษตร เล่าว่า เป็นสมาชิกโครงการหลวงได้ปีเศษ ทำการเพาะปลูกหลายอย่าง ทั้งคะน้า แมคคาเดเมีย เห็ดหลินจือ โครงการหลวงให้อะไรกับเกษตรเยอะมาก มีเจ้าหน้าที่คอยเแนะนำ พอปลูกเสร็จ โครงการก็รับซื้อไปขายให้ โดยที่เราไม่ต้องไปหาตลาดเลย มีปัญหาอะไร เจ้าหน้าที่ก็จะมาช่วยแก้ปัญหาให้ มีมาตรฐานที่ดีมาก ซึ่งเป็นมาตรฐานให้ผู้บริโภคได้กินอาหารดีๆ และปลอดภัย
“ไม่ใช่แค่ผู้บริโภคสุขภาพดี เกษตรกรก็สุขภาพดีไปด้วย จากเมื่อก่อนทำร้านเน็ต นั่งโต๊ะ อยู่กับที่ ไม่ได้เคลื่อนไหว แต่พอตัดสินใจขายกิจการแล้วมาเป็นเกษตรกรเต็มตัว สุขภาพผมแข็งแรงขึ้น เพราะได้เคลื่อนไหว และมีความสุข” อุดมกล่าวอย่างอารมณ์ดี
เบื้องหลังผลิตผลที่ดีและอร่อย