ดัชเชสเมแกน เผย “ความหวัง” ที่อยากทำให้พระธิดา ที่กำลังจะลืมตาดูโลก
คนเป็น “แม่” ล้วนวาดหวังอยากทำสิ่งดีๆให้แก่ลูกๆด้วยกันทั้งนั้น และทุกความหวัง ความฝันที่ว่านั้นล้วน “งดงาม และยิ่งใหญ่” ในฐานะว่าที่คุณแม่ลูกสอง ดัชเชสแห่งซัสเซกซ์ หรือ เมแกน มาร์เคิล พระชายาเจ้าชายแฮร์รีแห่งอังกฤษ ได้เผยความหวัง ความฝันที่เธอหวังอยากจะทำให้แก่ พระธิดาในพระครรภ์
ซึ่งมีกำหนดประสูติช่วงซัมเมอร์นี้ (ราวเดือนมิถุนายน-สิงหาคม)ว่า “ฉันและสามีต่างตื่นเต้นที่จะได้ต้อนรับลูกสาวของเราในเร็วๆนี้ มันเป็นความรู้สึกปลาบปลื้ม ดีใจที่เราทั้งคู่ได้มีความรู้สึกเช่นนี้ร่วมกับครอบครัวอื่นๆหลายล้านครอบครัวทั่วโลก และเมื่อเรานึกถึงลูกสาวของเรา เราต่างนึกถึงเด็กหญิง และหญิงสาวทุกคนในโลกนี้ที่เราจะต้องให้ความสามารถแก่พวกเธอและสนับสนุนพวกเธอเพื่อที่จะนำพาพวกเราเดินไปข้างหน้า”
นั่นคือส่วนหนึ่งของถ้อยแถลงจากใจ ดัชเชสเมแกน ที่กล่าวผ่านวิดีโอในงานคอนเสิร์ตแว็กซ์ ไลฟ์ : เดอะ คอนเสิร์ต ทู รียูไนท์ เดอะ เวิลด์ จัดโดย โกลบอล ซิติเซ่น แพร่ภาพเมื่อวันเสาร์ที่ 8 เมษายนที่ผ่านมา
โดยดัชเชสเมแกน ซึ่งอยู่ในชุดคลุมทองลายดอกไม้สีแดง สวมสร้อยคอพร้อมจี้แสดงถึงพลังของเพศหญิง กล่าวอีกว่า “ความเป็นผู้นำในอนาคตของพวกเขาขึ้นอยู่กับ การตัดสินใจและการลงมือทำของพวกเราตอนนี้ที่จะสร้างสิ่งที่ว่ามาทั้งหมดนั้นขึ้นมา เพื่อเดินหน้าไปสู่ความสำเร็จ ความเท่าเทียม และความเห็นอก เห็นใจในวันพรุ่งนี้ เราต้องการให้มั่นใจได้ว่าเมื่อเราฟื้นตัวกลับมา เราจะกลับมาอย่างแข็งแรงยิ่งขึ้น และเมื่อเราต่างฟื้นตัว เราจะฟื้นตัวกลับมาด้วยกัน”
ในถ้อยแถลง ดัชเชสเมแกน พระชันษา 39 พระมารดาของ อาร์ชี พระโอรสที่มีพระชันษาครบ 2 ขวบเมื่อวันที่ 6 พฤษภาคมยังพูดว่า เป็นเรื่องสำคัญเพียงไรที่กลุ่มคนที่เป็นอนาคตจะต้องมีความเท่าเทียมในการเข้าถึงวัคซีนโควิด-19 “พวกเรามาอยู่ที่นี่คืนนี้ก็เพราะหนทางข้างหน้ากำลังมีแสงสว่างมากขึ้น แต่ต้องอาศัยพวกเราทุกคนช่วยกัน ในฐานะหนึ่งในประธานร่วมจัดคอนเสิร์ตแว็กซ์ ไลฟ์
สามีฉันและฉันเชื่อว่าเป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่งที่การฟื้นตัวของพวกเราต้องให้ความสำคัญกับสุขภาพ ความปลอดภัย และ ความสำเร็จของทุกคนเป็นอันดับแรก โดยเฉพาะสตรี ซึ่งได้รับผลกระทบอย่างมากจากการระบาดนี้
ผู้หญิงโดยเฉพาะผู้หญิงผิวสี ที่เสียผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจตั้งแต่โควิด-19เริ่มระบาด มีผู้หญิงผิวสีเกือบ 5,500,000 คนในสหรัฐอเมริกาที่ตกงาน และมีผู้หญิงมากกว่า 47 ล้านคนทั่วโลกที่กำลังตกอยู่ในสภาพยากจนอย่างแสนสาหัส”