| ที่มา | คอลัมน์ ร่อนตามลม มติชนรายวันหน้า 18 |
|---|---|
| ผู้เขียน | [email protected] |
| เผยแพร่ |
สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานว่า ที่สเปนมีเหตุการณ์วัยรุ่นชอบกระโดดระเบียงโรงแรม ระเบียงอพาร์ตเมนต์กันมาก ถึงขนาดทำให้ทีมแพทย์สนใจศึกษาเรื่องนี้ แล้วพบว่าส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่นชาวเมืองผู้ดีที่มาเที่ยวแล้วเมา แต่ก็มีนักท่องเที่ยวจากประเทศอื่นและชาวสเปนเอง รวมอยู่ด้วย
ในรายงานข่าวกล่าวว่า คนเหล่านี้เป็นคนหนุ่มสาวที่มาเที่ยวพักผ่อนแล้วเมา และบางครั้งก็อยู่ในอาการเมายา ที่ตัดสินใจกระโดดจากระเบียงห้องพักตามโรงแรม หรือ อพาร์ตเมนต์ลงไปในสระว่ายน้ำ แล้วมีหลายรายที่ “พลาด” จนได้รับบาดเจ็บถูกหามส่งโรงพยาบาล หรือ บางรายโชคร้ายยิ่งกว่านั้น ถึงขั้นพิการ หรือ เสียชีวิต
จากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นซ้ำๆ หลายครั้ง กระทั่งถูกเรียกขานว่า “balconing” ซึ่งเป็นศัพท์หมายถึง คนที่กระโดด หรือทุ่มตัวลงไปในสระว่ายน้ำ หรือ ผู้ที่พลาดพลัดตกลงไป ระหว่างกำลังพยายามจะกระโดดข้ามจากระเบียงหนึ่งไปยังระเบียงอีกที่หนึ่ง หรือระหว่างโน้มตัวไป เป็นเหตุการณ์ที่พบบ่อยในหมู่เกาะแบลีแอริก และทำให้ทีมแพทย์โรงพยาบาลซอน เอสปาเซส ใน ปัลมาเดมายอร์กา สนใจศึกษาเรื่องนี้กัน โดยนายแพทย์ซาเวียร์ กอนซาเลซ หัวหน้าศัลยแพทย์โรงพยาบาบาล หนึ่งในคณะทีมงานศึกษาเรื่องนี้ กล่าวว่า
“มันกลายเป็นโรคประจำถิ่น ดูราวกับเป็นพิธีกรรมสำหรับนักท่องเที่ยวบางคน ที่พ่อแม่ของพวกเขาเคยมาเที่ยวที่นี่กันตอนยังเป็นหนุ่มสาว”
ทั้งนี้ ทีมแพทย์โรงพยาบาลซอน เอสปาเซส ได้ศึกษาประเด็นนี้ในช่วงระยะเวลา 5 ปี เริ่มจากปี 2553-2558 ครอบคลุมแค่ในกลุ่มผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลเท่านั้น ไม่ได้ทำการศึกษาลงไปถึงคนไข้ที่เสียชีวิตจากการ “balconing” แต่อย่างใด
จากรายงานข่าวระบุว่า ในช่วงระยะเวลาดังกล่าว โรงพยาบาลได้ทำรักษาคนไข้ 46 คน และพบว่ามากกว่า 60% ของคนไข้เป็นชาวอังกฤษ รองลงมาได้แก่ ชาวเยอรมัน และชาวสเปน ในจำนวนนี้มีคนไข้ผู้หญิงเพียงรายเดียวเท่านั้น นอกนั้นเป็นผู้ชายอายุเฉลี่ย 24 ปี และคนไข้เกือบทุกรายล้วนอยู่ในสภาพมึนเมา และเกือบ 40% ที่มียาเสพติดเข้ามาเกี่ยวข้อง
ในผลการศึกษายังระบุถึงค่าใช้จ่ายที่โรงพยาบาลต้องเสียไปกับการดูแล รักษาผู้ป่วยกลุ่มนี้คิดเป็นเงินราว 1.5 ล้านยูโร (ราว 59.25 ล้านบาท) ขณะที่มีคนไข้หลายรายที่ต้องนอนอยู่ในโรงพยาบาลเป็นเวลายาวนาน และคนไข้บางรายต้องอยู่ในสภาพอัมพาต
จากรายงานข่าวของเอเอฟพีไม่ได้กล่าวว่า มีคนที่ต้องจบชีวิตไปกี่คนจาก “balconing” แต่สื่อสเปนรายงานว่ามีคนเสียชีวิตกว่า 12 ราย ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา
นายแพทย์กอนซาเลซเล่าว่า พฤติกรรม “balconing” นอกจากจะเกิดขึ้นมากที่สุดในพื้นที่ของ หมู่เกาะแบลีแอริก ยังพบตามโรงแรม รีสอร์ต ในมากาลุฟ และไอบิซา นอกจากนั้น ก็ยังมีพบที่บัลแกเรียด้วย
ในการแก้ปัญหานี้ เจ้าหน้าที่หมู่เกาะแบลีแอริกได้ใช้มาตรการจัดพิมพ์แผ่นพับเกี่ยวกับการระวัง ป้องกัน และถ้าหากพบผู้ใดกำลังจะกระโดดจากระเบียง ก็จะมีการสั่งปรับ นอกจากนั้น นายแพทย์กอนซาเลซยังว่า “ในการป้องกัน เมื่อทางโรงแรมเห็นกลุ่มวัยรุ่นเดินเข้ามาพัก เจ้าหน้าที่โรงแรมก็จะจัดให้พักห้องพักชั้นล่าง”
ขณะเดียวกัน ทางอังกฤษก็มีการประกาศเตือนประชาชนของตนให้รู้ถึงอันตรายของการกระโดดจากระเบียง โดยเมื่อปี 2555 กระทรวงต่างประเทศของอังกฤษได้พิมพ์แผ่นพับในหัวข้อ “Booze and Balconies Don’t Mix” โดยใช้เรื่องราวของ เจค อีแวนส์ จากเมืองลิเวอร์พูล ที่เมาแล้วพลาดตกจากแฟลตชั้น 7 ที่มากาลุฟ เมื่อปี 2554 เป็นข้อเตือนใจ และเตือนภัยถึงเรื่องนี้
