เปิดใจ 3 เยาวชนดีเด่นแห่งชาติ กีฬาเด่น-เรียนเลิศ-รู้ใช้ชีวิต รางวัลนี้ได้มาเพราะ “ใจใฝ่ดี”

"เทนนิส" พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ-"แบม" ภรันยู ชวาลไพบูลย์-บัว มะริด

เพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้เด็กและเยาวชนกระตือรือร้นที่จะพัฒนาตัวเอง มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ จากแบบอย่างเยาวชนที่เป็นเลิศด้านต่างๆ ที่ได้รับการยกย่อง ตลอดจนสังคมทุกภาคส่วนได้ตระหนักถึงความสำคัญของเยาวชน จึงเป็นที่มาของ “วันเยาวชนแห่งชาติ” ซึ่งกรมกิจการเด็กและเยาวชน (ดย.) กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้คัดเลือกเยาวชนทั่วประเทศจาก 121 คนได้รับรางวัล “เยาวชนแห่งชาติ 2559”

ทุกคนล้วนแต่มีความสามารถ มีผลงานเป็นที่ประจักษ์

“เทนนิส-พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ” นักกีฬาเทควันโดทีมชาติไทย ที่เพิ่งคว้าเหรียญทองแดงรุ่นน้ำหนักไม่เกิน 49 กิโลกรัม จากโอลิมปิก 2016 ริโอ เกมส์ เด็กและเยาวชนดีเด่นแห่งชาติ 2559 สาขากีฬาและนันทนาการ เล่าด้วยสีหน้าสดใสว่า ตนเริ่มเล่นเทควันโดตั้งแต่อายุ 7 ขวบ แต่ไม่ได้จริงจัง เพราะรู้สึกไม่ชอบที่เป็นกีฬาปะทะและรุนแรง ก็บอกคุณพ่อ (สิริชัย วงศ์พัฒนกิจ) ว่าขอแค่เล่นๆ พอ จนพออายุ 9 ขวบได้ไปลองแข่งขันที่ จ.ภูเก็ต ตอนนั้นไปเพราะพ่อบอกว่าจะได้เที่ยวทะเลด้วย ปรากฏว่าแข่งแพ้คะแนนแบบสู้ไม่ได้ จึงเป็นจุดเริ่มต้นการฝึกซ้อมจริงจังและเข้าแข่งขันเป็นอย่างทุกวันนี้

นิสิตชั้นปีที่ 1 คณะวิทยาศาสตร์การกีฬา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เล่าถึงเป้าหมายสูงสุดของชีวิตว่า อยากได้เหรียญทองโอลิมปิกสักครั้ง ซึ่งขณะนี้กำลังปรับปรุงข้อบกพร่องตนเองคือ ทำสภาพจิตใจให้เข้มแข็ง และสร้างร่างกายให้แข็งแกร่งกว่านี้

Advertisement

“ช่วงเข้าใกล้การแข่งขันจะเป็นการซ้อมที่โหดมาก บางรายการเคยต้องลดน้ำหนักถึง 7 กิโลกรัมก่อนเข้าแข่งขัน ซึ่งที่มาถึงทุกวันนี้ได้ ก็มีครอบครัวเป็นกำลังใจ เวลาเหนื่อยก็นึกถึงพ่อแม่ อยากทำให้ท่านภูมิใจ อยากมีเงินซื้อรถซื้อบ้านให้” เทนนิสกล่าว

ขณะที่ แบม-ภรันยู ชวาลไพบูลย์ นักเรียนชั้น ม.3 โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย เด็กและเยาวชนดีเด่นแห่งชาติ 2559 สาขาคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ คอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยี เล่าว่า วิทยาศาสตร์เป็นสิ่งรอบตัว พบได้ง่าย หากศึกษาดีๆ จะรู้อะไรและเข้าใจสิ่งรอบตัวมากขึ้น ชอบวิทยาศาสตร์ตั้งแต่เด็ก แม้คนทั่วไปอาจมองว่าเป็นเรื่องยาก แต่ส่วนตัวคิดว่าหากเราชอบอะไรจริงๆ ขอเพียงพยายามศึกษา ก็สามารถเรียนรู้เรื่องนั้นได้ ซึ่งก็ต้องขอบคุณพ่อแม่ที่คอยสนับสนุน เพื่อนๆ ที่ช่วยกันเรียน และความชอบส่วนตัวที่ทำให้มาถึงทุกวันนี้

ภรันยูก็ได้เหรียญโอลิมปิกเช่นกัน โดยในปี 2558 ได้เหรียญเงิน จากการแข่งขันโอลิมปิกวิชาการระหว่างประเทศ สาขาวิทยาศาสตร์รุ่นเยาว์ ครั้งที่ 12 ประเทศเกาหลีใต้ ต่อมาปี 2559 ได้รับรางวัลชนะเลิศ จากการแข่งขันวิชาวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ MWITS Square (ระดับชาติ) ณ โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ ซึ่งที่เก่งอย่างนี้ได้เจ้าตัวแนะนำเทคนิคว่า “ต้องแบ่งเวลาชีวิตให้ถูก เพื่อจะทำอะไรได้เหมาะสม และไม่ผิดพลาด” ทั้งนี้ ภรันยูมีความฝันอยากเป็นแพทย์ เล็งศึกษาต่อที่คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

“วิทยาศาสตร์จะยิ่งมีบทบาทมากขึ้นอีกในอนาคต ไม่ว่าจะการแพทย์ ขนส่ง วิทยาศาสตร์จะทำให้โลกก้าวหน้าขึ้น ก็ฝากน้องๆ ว่าวิทยาศาสตร์ไม่ใช่เรื่องยาก ลองเข้ามาดูก่อน เริ่มต้นกับสิ่งง่ายๆ ขอเพียงมีความสนใจจริงๆ” ภรันยูกล่าว

ด้าน บัว มะริด นักเรียนชั้น ม.5 โรงเรียนพลับพลาชัยพิทยาคม จ.บุรีรัมย์ เด็กและเยาวชนดีเด่นแห่งชาติ 2559 สาขาอาชีพ เล่าทั้งรอยยิ้มว่า มีความสามารถในการผูกผ้า ไม่ว่าจะงานแต่งงาน งานศพ อีกทั้งมีความสามารถทางดนตรี เช่น เล่นกีต้าร์ อูคูเลเล่ สีซอ ตนยังชอบเป็นจิตอาสา โดยนำความสามารถเหล่านี้ไปช่วยงานกิจกรรมของโรงเรียน วัด และชุมชน ทำด้วยความเต็มใจมาอย่างนี้ 5 ปีแล้ว

“ที่ชอบทำงานจิตอาสา เพราะมีเหตุการณ์หนึ่งที่ทำให้เสียใจถึงทุกวันนี้ ตอนที่ดิฉันอยู่ชั้น ม.1 ครูท่านหนึ่งวานให้ดิฉันทำความสะอาดห้อง เพราะครูทำไม่ไหว แต่ด้วยตอนนั้นดิฉันยังเด็ก อยากเล่นสนุกกับเพื่อนมากกว่าจึงไม่ทำ ก็ไม่คิดว่านั่นจะเป็นคำขอสุดท้ายของครู ที่ภายหลังเสียชีวิตไปจากโรคมะเร็ง ตั้งแต่นั้นจึงตั้งปณิธานว่า ไม่ว่าใครมาขอให้ช่วยเหลือก็จะไม่ปฏิเสธ”

บัวถูกรับเลี้ยงโดยแม่บุญธรรมตั้งแต่ 2 เดือน ครอบครัวใหม่นี้ไม่ร่ำรวยเงินทองอะไร มีอาชีพหลักคือทำนา แต่กลับร่ำรวยคำสอนซึ่งทำให้เธอเป็นดั่งทุกวันนี้

“ท่านสอนให้บัวรู้จักประโยชน์ส่วนรวม คอยสนับสนุนให้ออกไปช่วยงานวัด โรงเรียน และชุมชน พอออกไปช่วยบ่อยๆ คนในสังคมก็เห็นฝีมือ เห็นความสามารถ เมื่อมีงานเขาก็เรียกไป แม้ทำด้วยความเต็มใจ ไม่ได้เรียกร้องค่าตอบแทน แต่เขาก็ให้เป็นสินน้ำใจมาตลอด ก็นำเงินเหล่านั้นมาแบ่งเบาภาระครอบครัว บางส่วนก็เก็บออมเป็นทุนการศึกษา ควบคู่กับรายได้เสริมจากการปลูกพืชผักสวนครัวขาย รายได้ 100 บาทต่อวัน ทั้งหมดนี้ทำได้เพียงรู้จักแบ่งเวลา และมีวินัย และสำหรับอนาคต ดิฉันอยากเป็นครูสอนฟิสิกส์”

“ฝากถึงน้องๆ เด็กและเยาวชนว่า ทำความดีไม่ต้องอายใคร ไม่ต้องแคร์ว่าใครเห็นหรือไม่ เพียงจิตใจรู้และมีความสุขด้วยตัวเอง วันหนึ่งความดีจะนำน้องๆ มาสู่จุดที่พี่ยืนในวันนี้” บัวกล่าวทิ้งท้าย

บัวกับแม่

 

วส

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image