ที่มา | มติชนรายวันหน้า 18 |
---|---|
เผยแพร่ |
เนื่องในโอกาสมหามงคลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติครบ 70 ปี กอปรกับคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล อยู่ในระหว่างการดำเนินการก่อสร้าง “โครงการอาคารนวมินทรบพิตร ๘๔ พรรษา” เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 84 พรรษา และเพื่อให้โรงพยาบาลศิริราชมีอาคารที่เป็นศูนย์กลางการตรวจโรคเฉพาะทางอย่างครบวงจร ทดแทนกลุ่มอาคารเดิมที่ชำรุด ทรุดโทรม แออัด ไม่เพียงพอต่อการให้บริการรักษาผู้ป่วย “อาคารนวมินทรบพิตร ๘๔ พรรษา” จะช่วยเพิ่มคุณภาพการบริการ และความสะดวกของประชาชนผู้เข้ารับบริการให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
จึงจำเป็นต้องใช้งบประมาณในการก่อสร้าง จัดซื้อครุภัณฑ์ เครื่องมือ อุปกรณ์ทางการแพทย์ จำนวนถึง 5,000 ล้านบาท ทางโรงพยาบาลศิริราชได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ 2,000 ล้านบาท ส่วนที่เหลือทางโรงพยาบาลต้องจัดหางบประมาณเอง โดยได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเป็นประธานคณะกรรมการอำนวยการจัดหาทุน
หนึ่งในกิจกรรมจัดหาทุน คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล จัดงานเดิน-วิ่งเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว “๙ นี้เพื่อประชา” เพื่อระดมทุนสร้าง “อาคารนวมินทรบพิตร ๘๔ พรรษา” เพื่อผู้ป่วยด้อยโอกาส ซึ่งชื่อของอาคารได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานชื่อลงมาให้ อันมีความหมายว่า “กษัตริย์ รัชกาลที่ 9 84 พรรษา” ปัจจุบันดำเนินการก่อสร้างแล้ว และคาดว่าจะแล้วเสร็จเปิดให้บริการปี 2561
ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวถึงที่มาของการสร้างอาคารว่า โรงพยาบาลศิริราชกำเนิดมาจากที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงใส่พระราชหฤทัยในคนที่เดือดร้อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่เจ็บไข้ได้ป่วยและคนยากไร้
“ซึ่งนี่คือปณิธานของโรงพยาบาลศิริราช จนถึง ณ วันนี้ และต่อไปในอนาคตไม่เปลี่ยนแปลง”
ตลอด 128 ปี โรงพยาบาลศิริราชดูแลคนไทยมาอย่างต่อเนื่อง มีจำนวนผู้ป่วยที่เข้ามารักษาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทุกปี โดยปี 2547 มีผู้ป่วยนอก 1.7 ล้านราย ปี 2550 เพิ่มขึ้นเป็น 2.2 ล้านราย และปี 2558 เพิ่มขึ้นถึง 3.3 ล้านราย เฉลี่ยในแต่ละวันมีผู้ป่วยนอกมาใช้บริการ 8,000-10,000 ราย
“เมื่อคนไข้มาให้เราดูแลมากขึ้น ความซับซ้อนของโรคก็เพิ่มมากขึ้น บ่อยครั้งที่มีโรคยากๆ ที่ส่งมาจากโรงพยาบาลต่างจังหวัด ซึ่งเขารักษาไม่ได้ ถ้าเราไม่มีเตียง เราก็รับผู้ป่วยไว้ไม่ได้ ซึ่งพอเราบอกไม่มีเตียง คนไข้ร้องไห้ ญาติร้องไห้ เพราะเขานึกไม่ออกว่าจะไปไหนต่อแล้ว”
ทั้งหมดนี้จึงเป็นที่มาของการสร้าง “อาคารนวมินทรบพิตร ๘๔ พรรษา” โดยสร้างขึ้นบนพื้นที่เดิมของกลุ่มอาคาร 3 หลัง ได้แก่ ตึกหริศจันทร์-ปาวา, ตึกผะอบ นพ.สุภัทรา ระเบียบ และตึกเวชศาสตร์ป้องกัน ที่ให้บริการมาเป็นระยะเวลากว่า 50 ปี โดยจะก่อสร้างเป็นอาคารสูง 25 ชั้น มีพื้นที่ให้บริการกว่า 7 หมื่น ตร.ม. เพื่อทดแทนและเพิ่มพูนงานบริการอย่างมีประสิทธิภาพและครบวงจร
“ตึกนี้จะมีเตียงผู้ป่วย 376 เตียง จากที่เรามีอยู่แล้ว 2,200 เตียง ซึ่งตึกนี้ไม่มีเตียงพิเศษแม้แต่เตียงเดียว เป็นตึกสำหรับผู้ป่วยสามัญหรือด้อยโอกาส ขณะเดียวกันผู้ป่วยเหล่านั้น ถ้าเกิดอาการหนักขึ้นต้องเข้าเตียงผู้ป่วยวิกฤต หรือไอซียู แทนที่ต้องย้ายไปอีกตึกหนึ่ง เราก็เลยสร้างไอซียูในตึกนี้ด้วย โดยมี 62 เตียงผู้ป่วยหนัก มีศูนย์บริการความเป็นเลิศ 14 ศูนย์ นอกจากนี้ยังมีส่วนสำหรับตรวจผู้ป่วยนอก สามารถรองรับเพิ่มได้อีกประมาณ 3 แสนราย/ปี”
นับเป็นการบริการทางการแพทย์ที่ประชาชนไม่ว่าจะยากดีมีจนอย่างไรจะได้รับการบริการที่ดีเหมือนกันหมด
“จุดกำเนิดของโรงพยาบาลศิริราช เป็นโรงพยาบาลของแผ่นดินที่มุ่งช่วยผู้ป่วยยากไร้ เพื่อให้เขาได้มีโอกาส มันอาจไม่เท่าเทียมกับคนที่มีฐานะ แต่อย่างน้อยก็ไม่ควรจะแตกต่างจนเกินไป” ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ย้ำ
สำหรับงาน “๙ นี้เพื่อประชา” จะจัดขึ้นในวันที่ 13 พฤศจิกายน เป็นกิจกรรมเดิน-วิ่งที่ไม่มีการแข่งขัน และไม่แบ่งกลุ่มอายุ โดยแบ่งระยะทางออกเป็น 2 ช่วง คือ 6 กิโลเมตร และ 12 กิโลเมตร
โดยประเภท 6 กม.เริ่มต้นที่ลานพระบรมรูปทรงม้า ผ่านถนนราชดำเนินนอก เลี้ยวขวาแยก จปร. เพื่อขึ้นสะพานพระราม 8 เข้าสู่ถนนอรุณอมรินทร์ เลี้ยวซ้ายสี่แยกศิริราช เข้าสู่ถนนวังหลัง และเลี้ยวเข้า รพ.ศิริราช จากนั้นร่วมถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวโดยพร้อมเพรียงกัน ณ ลานพระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก
ประเภท 12 กม. เริ่มต้นที่ลานพระบรมรูปทรงม้า ผ่านถนนราชดำเนินนอก เลี้ยวขวาแยก จปร. เพื่อขึ้นสะพานพระราม 8 เข้าสู่ถนนอรุณอมรินทร์ กลับตัวหน้า รพ.ศิริราชปิยมหาราชการุณย์ ย้อนขึ้นสะพานอรุณอมรินทร์ สะพานพระราม 8 เลี้ยวซ้ายแยก จปร. เข้าสู่ถนนราชดำเนิน เข้าเส้นชัยที่ลานพระบรมรูปทรงม้า
ความพิเศษของงานเดิน-วิ่งครั้งนี้ นอกจากจำนวนผู้เข้าร่วมที่คาดไว้ประมาณ 10,000 คนแล้ว คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ได้รับพระราชทานภาพวาดฝีพระหัตถ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี อัญเชิญมาไว้บนเสื้อวิ่งและเหรียญสำหรับนักวิ่งที่เข้าเส้นชัย
“โครงการนี้เป็นหนึ่งในโครงการที่จะนำรายได้มาสร้างอาคารนวมินทรบพิตรฯ และเป็นการเดิน-วิ่งเพื่อแสดงความจงรักภักดีของคนไทย ซึ่งไม่เฉพาะคนที่สมัครเข้าร่วมงานเท่านั้นที่มาร่วมได้ คนไทยทุกคนก็สามารถมาร่วมแสดงความจงรักภักดีได้ โดยสวมเสื้อสีเหลืองมาร่วมร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีในเวลา 08.00 น. วันที่ 13 พฤศจิกายน ที่ลานพระบรมรูปทรงม้า หรือลานพระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก โรงพยาบาลศิริราช”
“การวิ่งครั้งนี้จะเป็นการวิ่งที่ผมคิดว่าจะอยู่ในประวัติศาสตร์อีกครั้งหนึ่ง เพราะสื่อความหมายถึงการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และแสดงออกซึ่งความร่วมมือกัน สามัคคีกัน รู้รักสามัคคี ของคนไทย”
“งานนี้จะเป็นอีกหนึ่งในสัญลักษณ์ว่า อาคารนวมินทรบพิตร ๘๔ พรรษา เป็นอาคารที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และคนไทยร่วมกันทำให้อาคารนี้เกิดขึ้นได้จริง เพื่อคนยากไร้ เพื่อคืนชีวิตให้คนนับหมื่นนับแสน คืนความสุขให้ครอบครัวเขา” ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์กล่าว