| ที่มา | นสพ.มติชน รายวัน |
|---|---|
| ผู้เขียน | ไพรัตน์ พงศ์พานิชย์ |
| เผยแพร่ |
“กาแล็กซี โน้ต 7” ถือเป็นสมาร์ทโฟน “แฟล็กชิป” ของซัมซุง ยักษ์ใหญ่ในแวดวงอิเล็กทรอนิกส์จากเกาหลีใต้ ตอนที่เปิดตัวออกสู่ท้องตลาดครั้งแรกเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ได้รับการตอบรับในด้วยดีจากบรรดาผู้ที่ได้สัมผัสจับต้องและทดลองใช้เพื่อรีวิวสมรรถนะ ในฐานะที่เป็นสมาร์ทโฟนขนาด “แฟ็บเบลต” ขีดความสามารถสูงเกินตัว พร้อมคุณลักษณะหลายอย่างที่ได้รับเสียงชื่นชม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความสามารถในการชาร์จไร้สาย แบตเตอรี่ที่อยู่ได้นานเกินวันและสามารถชาร์จประจุได้ถึง 70 เปอร์เซ็นต์ ภายในเวลาเพียงไม่ถึงชั่วโมง กับ ยูเอสบี ไทป์ ซี ที่เป็น “เน็กซ์ เจเนอเรชั่น พอร์ท”
แต่แล้วพอถึงตอนต้นเดือนกันยายนก็มีรายงานข่าวการ “ระเบิด” ขึ้นมา
ตามรายงานข่าวในตอนแรก ชี้ให้เห็นว่าแบตเตอรี่ของโน้ต 7 เกิดไม่เสถียรขึ้นมาเมื่อชาร์จประจุไฟเต็ม สิ่งที่เกิดขึ้นตามมาคือตัวแบตร้อนจัดจนเกิดระเบิดหรือลุกไหม้ตามมา
ผู้เชี่ยวชาญเรื่องแบตเตอรี่ ลิเธียม-ไอออน ให้คำอธิบายในเวลาต่อมาว่า สาเหตุน่าจะมาจากปัญหาในการออกแบบแบตเตอรี่ คือ ออกแบบมาให้ขั้วบวกและขั้วลบอยู่ใกล้กันมากจนเกินไป ทำให้ลัดวงจรได้ง่ายกว่าปกติ
ปฏิกิริยาของซัมซุงในตอนนั้นก็คือการประกาศเรียกคืนและในเวลาเดียวกันก็ใช้เวลาอยู่ระยะหนึ่งเพื่อตรวจสอบต้นตอของปัญหาก่อนที่จะเปิดให้มีการนำเอาเครื่องเก่ามาแลกกับเครื่องรุ่นใหม่ ที่มีสติ๊กเกอร์รูปตัว เอส อยู่ที่ข้างกล่อง เพื่อแสดงว่าผ่านการตรวจสอบแล้วว่าปลอดภัยเมื่อใช้งาน
ปัญหาของซัมซุงในตอนนั้นถึงแม้หลายคนจะถือว่าเป็นวิกฤต แต่ก็นับเป็นวิกฤตขนาดย่อมๆ จำกัดอยู่แต่เฉพาะในพื้นที่ภาคพื้นอเมริกาเหนือและเกาหลีใต้เอง กับบางประเทศประปรายที่เป็นพื้นที่วางจำหน่ายสมาร์ทโฟนรุ่นนี้เป็นที่แรกๆ เท่านั้น ในเวลาเดียวกัน มีการตั้งข้อสังเกตเอาไว้ด้วยว่า ซัมซุงได้อัพเดตซอฟต์แวร์ของตัวเองเสียใหม่ จำกัดปริมาณการชาร์จประจุไฟให้เหลือเพียง 60 เปอร์เซ็นต์ และมีการแจ้งเตือนขณะเปิดโทรศัพท์ใช้งานด้วย
จำได้ว่า เมื่อตอนที่เขียนถึงเรื่องการระเบิดของโน้ต 7 เป็นหนแรกนั้น ผมทิ้งท้ายเอาไว้ในทำนองที่ว่าซัมซุง คงจะใช้เวลาอยู่ระยะหนึ่ง “เพื่อให้แน่ใจว่าปลอดภัย 100 เปอร์เซ็นต์” จึงจะปล่อยโน้ต 7 ให้อยู่ในมือผู้ใช้อีกครั้ง
ตอนนั้นข่าวคราวของโน้ต 7 จางหายไป ทำให้หลายๆ คนคิดกันว่า ซัมซุงคงตรวจสอบพบและแก้ปัญหาลุล่วงไปเรียบร้อยแล้ว รวมทั้งผมเองด้วยเช่นกัน
แต่แล้วตอนต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา โน้ต 7 ก็กลับมาเป็นข่าวอีกครั้ง นับถึงวันที่ 10 ตุลาคม มีผู้พบว่าโทรศัพท์สมาร์ทโฟนรุ่นนี้ที่เพิ่งได้รับเปลี่ยนมาใหม่จากซัมซุงเกิดระเบิดหรือลุกไหม้ขึ้นมาอีกครั้ง รวมแล้ว 8 เครื่องด้วยกัน 5 เครื่องในจำนวนนี้พบในสหรัฐอเมริกา ซึ่งรวมถึงเครื่องหนึ่งที่จู่ๆ ก็เกิดควันคลุ้งขึ้นขณะอยู่บนเครื่องบินโดยสารเที่ยวบินภายในประเทศที่กำลังจะบินขึ้น ซึ่งเล่นเอาต้องอพยพผู้โดยสารออกจากเครื่องกันวุ่นวาย อีก 1 เครื่องเป็นของสุภาพสตรีวัย 26 ปี ชาวไต้หวันที่เจอลุกไหม้อยู่ในเป้สะพายหลัง อีก 2 เครื่องสุดท้ายพบในเกาหลีใต้
ถึงวันที่ 11 ตุลาคม ซัมซุงประกาศให้ผู้ใช้ทั่วโลกที่มีโน้ต 7 อยู่ในครอบครอง หยุดใช้งานทันที ในเวลาเดียวกันก็ประกาศ “ปรับ” แผนการผลิตใหม่หมด ซึ่งยอนฮัป สำนักข่าวแห่งชาติเกาหลีใต้ระบุว่าเป็นการระงับการผลิตทั้งหมดนั่นเอง
ถึงตอนนี้ วิกฤตที่เคยจำกัดอยู่แค่เป็นวิกฤตย่อมๆ ก็เริ่มขยายตัว ผู้ใช้หลายคนเริ่มกังขาว่า จริงๆ แล้วซัมซุงตรวจสอบหรือไม่ พบสาเหตุที่แท้จริงแล้วหรือไม่ สาเหตุที่แท้จริงเกิดจากการออกแบบแบตเตอรี่จริงหรือไม่ หรือเป็นเพราะเหตุผลอื่นใดอีก? ใช่หรือไม่ว่า ทุกอย่างเกิดขึ้นสืบเนื่องจากซัมซุงรีบร้อนเกินไป ยัดเยียดสารพัดคุณสมบัติลงไปในโน้ต 7 จนกลายเป็นตัวปัญหา?
ทั้งนี้ทั้งนั้น หากสาเหตุเกิดขึ้นจากการออกแบบแบตเตอรี่จริง ซัมซุงสามารถโละแบตรุ่นนี้ทิ้งแล้วผลิตรุ่นใหม่ที่ออกแบบมาให้แก้ไขปัญหาเท่านั้นก็น่าจะเรียบร้อย
การเกิดเหตุระเบิด-ลุกไหม้ระลอก 2 นี้ ทำให้ช่วยไม่ได้ที่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ผู้ใช้หลายๆ คน ตั้งข้อสังเกตว่าซัมซุงกำลังปกปิดอะไรอยู่หรือไม่ ซึ่งกำลังแพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็วในโลกยุคโซเชียลมีเดีย
ไม่มีใครรู้ว่า ซัมซุงจะแก้ปัญหาวิกฤตครั้งใหม่ที่ใหญ่กว่าเดิมนี้อย่างไร ในตอนนี้ สื่อเกาหลีใต้หลายสำนักก็ประโคมข่าวว่าซัมซุงจะเรียกเก็บโน้ต 7 คืนทั้งหมด แล้วเลิกขายโทรศัพท์รุ่นนี้เป็นการถาวร เพื่อ “ตัดไฟแต่ต้นลม” กันแล้ว
ผมไม่รู้ว่านั่นเป็นวิธีที่ดีที่สุดหรือไม่ รู้แต่เพียงแต่ว่าซัมซุงจำเป็นต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อแก้ไขปัญหา และต้องทำโดยเร็วเสียด้วย
ก่อนที่ศรัทธาในแบรนด์ “ซัมซุง” จะหายวับไปเหมือนกับควันที่เกิดจากแบตเตอรี่ โน้ต 7 ครับ
