| ที่มา | มติชนรายวัน |
|---|---|
| เผยแพร่ |
ปี2015 เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งปีที่วงการขาอ่อน ถูกจับตามองเป็นพิเศษอีกครั้ง หลังจากผ่านพ้นความดราม่าสลับมงกุฎเวทีใหญ่อย่าง มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ ไปเมื่อปีก่อน ทำเอาวงการนางงาม “ปฏิวัติใหม่” คัดเข้ม เลือกสรรตัวแทนที่ “สมมง” กันแทบจะทุกเวทีสาวงามไทย
“แซ่บทะลุจอ” กันทั้งนั้น ประเดิมด้วยเวที มิสแกรนด์ไทยแลนด์ 2015 กับ ปอไหม-รัตติกร ขุนโสม ก่อนจะต่อเนื่องกัน ด้วย ศศิ สินทวี กับตำแหน่ง มิสอินเตอร์เนชั่นแนลไทยแลนด์ 2015 หรือเวทีใหญ่อย่าง มิสไทยแลนด์เวิลด์ กับ เฟรนส์ฟราย-ธัญชนก มูลนิลตา ซึ่งแต่ละคนไม่เพียงพกพาเอาความสวยมาเท่านั้น แต่เต็มไปด้วยศักยภาพที่หลากหลาย จนเข้าสู่รอบลึกๆ บ้างก็คว้ารางวัลมาฝากเป็นความภูมิใจของแฟนนางงาม โดยเฉพาะ แนท-อนิพรณ์ เฉลิมบูรณะวงศ์ เจ้าของตำแหน่ง มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2015 ที่เข้าสู่รอบ 10 คนสุดท้ายบนเวที มิสยูนิเวิร์ส ได้เป็นครั้งแรกในรอบ 27 ปี พร้อมนำเอารางวัลชุดประจำชาติกับ ชุดตุ๊กตุ๊ก ไทยแลนด์ กลับมาอีกด้วย
นับเป็นปีที่สดใสปีหนึ่งของนางงามไทยมากๆ
แต่ก็ใช่ว่าเรื่องเครียดๆ จะไม่ปรากฏกับแวดวงนางงามเลยซะทีเดียว เพราะช่วงกลางปีก็แอบมีข่าวฉาวเล็กๆ เมื่อ พอลลี่-ปุณิกา กุลสุนทรรัตน์ สาวไทยผู้คว้าตำแหน่งรองอันดับ 2 มิสอินเตอร์เนชั่นแนล ถูกจับข้อหามีสารเสพติดในครอบครอง เล่นเอาเป็นข่าวครึกโครม ก่อนที่เรื่องราวจะผ่านไปด้วยดี เมื่อเจ้าตัวยอมรับสารภาพผิดและเข้าสู่ขั้นตอนบำบัดต่อไป กลายเป็นบทเรียนให้สังคม
ว่ากันด้วยเรื่องของนางงามแล้วก็คงเรียกว่าปีนี้เป็นปีที่เฮฮา สนุกสนานอีกปีหนึ่ง โดยเฉพาะกับเวทีเล็กๆ ทั้งระดับประเทศ และระดับภูมิภาค โดยเฉพาะกับการเกิดใหม่ของเวทีต่างๆ ที่เรียกว่าเยอะจนแอบงงว่าเวทีไหนเป็นเวทีไหนกันบ้าง อย่างเวที มิสอันเซ็นเซอร์นิวส์ไทยแลนด์ 2015 ที่ มิ้นต์-ขนิษฐา ผาแสง ลูกสาวคนเก็บขยะที่ตั้งใจนำเงินรางวัลมาช่วยเหลือครอบครัว ก็เป็นอีกหนึ่งเวทีที่โด่งดังก่อนที่เจ้าตัวจะสวมตำแหน่งนางงามเก็บขยะไป ทำเอาฉงนเล็กๆ
จากสถิติในแต่ละปีก็เรียกว่ามีเวทีต่างๆ ผุดขึ้นมาล้นหลาม บ้างก็ประกวดครั้งเดียว บ้างก็ไปได้ไกล ปีๆ หนึ่งมีให้เห็นกว่า 500 ครั้งกันทีเดียว แถมแต่ละเวทีก็มีสไตล์ไม่แพ้ใคร นอกจากเวทีใหญ่ๆ ที่เอ่ยนามไปแล้วนั้น ก็ยังมีเวทีใหญ่ที่หลายคนคุ้นหูอย่าง นางสาวไทย มิสทีนไทยแลนด์ ไทยซูเปอร์โมเดลคอนเทสต์ มิสทิฟฟานี่ ที่ครองแชมป์เป็นเวทีอันดับต้นๆ ในประเทศไทยมานาน
และก็ยังแอบมีเวทีเล็กเวทีน้อยระดับประเทศอย่าง มิสมอเตอร์โชว์ มิสโมบายไอทีไทยแลนด์ หรือจะเป็น มิสแม็กซิม ชื่อคุ้นหูของใครหลายคน ก็ขอเข้าทำเนียบมาอยู่ในรายนามทั้ง 500 เวทีนี้ด้วย ยังไม่รวมเหล่าเวทีค้นหาพรีเซ็นเตอร์ต่างๆ อย่าง มิสแคนอน, ยูทิป เฟรชชี่ ไอดอล, มิสแฮ็คส์ หรือ สาวแฮ็คส์ และ ดัชชี่ บอย แอนด์เกิร์ล ก็เรียกว่าสร้างดาวมาหลายดวงแล้วเช่นกัน
ไล่ยาวไปจนถึงเวทีใหญ่ๆ ระดับภูมิภาคอย่างเทพีจังหวัดแต่ละแห่งที่ดูจะใหญ่ที่สุดก็ดูเหมือนจะเป็นนางสาวเชียงใหม่ ที่เรียกว่าเป็นเวทีภูธรที่ดูจะมีคนจับตามองมากที่สุด และก็เวทีระดับภูมิภาคนี้นี่ล่ะ ที่นอกจากจำนวนจะมากแล้ว แต่ละเวทียังเรียกว่าสีสันสุดสุด เพราะต่างเต็มไปด้วยเวทีนางงามเทศกาล เช่นว่า การประกวดธิดาพระจันทร์ จ.ตรัง, เทพีปลา ประจำงานมหกรรมเทศกาลปลา ลุ่มน้ำสงคราม จ.นครพนม, เทพีมรดกโลก จ.อุทัยธานี, ธิดาส้มโอชัยนาท, ธิดาลำไย จ.ลำพูน, ธิดากล้วยไข่ จ.กำแพงเพชร หรือจะเป็นการค้นหาสาวงามเจ้าของตำแหน่งธิดานางทาส เป็นกิมมิคในงานย้อนรอยวันเสด็จประพาสต้นของพระพุทธเจ้าหลวง ก็มีให้เห็น บางเวทีทำเอามิสกี่เพ้า มิสไชนีส ในเวทีต่างๆ ดูธรรมดาๆ ในช่วงเทศกาลตรุษจีนดูเบสิกไปเลย
แต่ละเวทีเรียกเสียงฮาไม่ใช่เล่น แต่เวทีบางเวทีก็ดูจะไม่ค่อยฮาเท่าไหร่ เช่นว่า ธิดาสุกร ที่ฮาไม่ออกในยุคสมัยนี้ เพราะดูเหมือนจะเหยียดผู้หญิงจนเกินไปจนกระทั่งสื่อต่างชาติออกมาตำหนิทีเดียว
แต่ที่เวทีเยอะแยะขนาดนี้ ธเนษฐ์ ลักษณะวิลาศ หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งเพจ T-pageant วิเคราะห์ไว้ว่า ความจริงแล้วเวทีใหญ่ๆ ในโลกที่น่าจับตามองมีเพียง 3 เวที คือ มิสยูนิเวิร์ส มิสเวิลด์ และมิสอินเตอร์เนชั่นแนล ซึ่งเมื่อเด็กที่ดูเวทีเหล่านี้เติบโตขึ้นมา หรืออดีตผู้เข้าประกวดที่มีประสบการณ์จากเวทีเหล่านี้ ก็อยากจะมีเวทีของตัวเอง ประกอบกับโลกปัจจุบันการเกิดเวทีไม่ยากอย่างที่คิด การซื้อลิขสิทธิ์ก็ไม่ยุ่งยาก บางเวทีถึงขนาดส่งตั๋วเครื่องบินฟรี รวมถึงมอบลิขสิทธิ์ให้ฟรีเพื่อให้มีตัวแทนของประเทศไปประกวด การ
พีอาร์ก็ไม่ต้องพึ่งสื่อหลักอย่างเดียว กลายเป็นเวทีต่างผุดขึ้นมาอยู่ตลอด ซึ่งผู้ชมและผู้เข้าประกวดเองก็ต้องเลือกให้ดี เพราะแต่ละเวทีระดับต่างกัน เช่นเดียวกับกีฬา ที่มีโอลิมปิก ชิงแชมป์โลก ซีเกมส์ ไล่ๆ กันไป
ส่วน หนุ่ม-ประเสริฐ เจิมจุติธรรม กูรูนางงาม เผยว่า เวทีที่ผุดขึ้นมาเยอะนั้นความจริงก็เรียกว่าไม่แปลก เพราะเวทีนางสาวไทยก็เกิดขึ้นเพื่อเชิญคนมาร่วมงานฉลองรัฐธรรมนูญปี 2477 เช่นกัน นั่นเพราะการจัดประกวดนางงามนี้ถือเป็นกิจกรรมที่กินระยะเวลานาน และมีหลายขั้นตอน ทั้งสมัคร เก็บตัว สามารถทำข่าวพีอาร์ได้มากตลอดงาน แตกต่างจากงานแฟชั่นโชว์ที่ใช้เวลาเพียงแค่ครึ่งชั่วโมงก็เสร็จสิ้น ไม่อาจดึงคนให้อยู่ทั้งงานได้ การประกวดนางงามจึงถือเป็นทางเลือกที่ดี นอกจากนี้แบรนด์สินค้าต่างๆ ก็ชื่นชอบการประกวดค้นหาพรีเซ็นเตอร์ของตัวเอง เพื่อจะใช้งานเด็กได้ในอนาคตต่อไป เพราะเทียบกันแล้วหากนำเงินไปจ้างซุปตาร์มาโชว์ตัวงานหนึ่งไม่กี่ชั่วโมง ก็อาจได้พรีเซ็นเตอร์ที่ทำงานกับเขาได้ตลอดทั้งปี
เรียกว่าคุ้มค่ากว่ามาก
เรื่องฮาๆ ต่อไป ก็ดูจะเป็นการตอบคำถามของสาวงามในเวทีที่ความจริงแล้ว การตอบคำถามนี้ควรจะเป็นการแสดงภูมิความรู้ของสาวๆ ว่าควรค่ากับ มง(กุฎ) อันเลอค่าหรือไม่ แต่กลายเป็นว่าไม่รู้จะด้วยการศึกษามาเยอะ หรือพี่เลี้ยงคอยแนะนำก็ตาม กลายเป็นว่าคำตอบดูจะคล้ายๆ กันไปหมด เลยได้แอบไปรวบรวมคำตอบยอดฮิตของสาวๆ มาไว้ให้อ่านกันเล็กๆ น้อยๆ
ประเดิมด้วยคำตอบยอดฮิตอย่าง “มาประกวดเพราะเป็นความฝันของแม่ค่ะ” ที่ใน 10 คน ต้องได้เห็นสาวงามสัก 7 คน เลือกตอบคำถามว่าทำไมเลือกมาประกวดด้วยคำตอบนี้ทั้งนั้น น้อยคนนักที่จะเห็นมาประกวดเพราะอยากเป็นนางงามเอง อยากเดินตามฝันตัวเอง หรือมาเป็นเพื่อนคนอื่นแล้วก็เลยลองสมัครดู ก็แหม แม้จะรู้ว่าสมัยนี้สาวงามหลายๆ คนมาประกวดก็เพราะอยากเข้าวงการ แต่หากตอบชัดๆ ตรงๆ ก็ดูกองและสื่อไม่ค่อยปลื้มเท่าไหร่นัก ความฝันของแม่นี่ล่ะค่ะ เซฟสุด
“มีเสน่ห์ที่รอยยิ้มค่ะ” เรียกว่าเป็นคำตอบคลาสสิกสุดสุด หากโดนถามว่าคิดว่าสวยที่ตรงไหน หรือมีเสน่ห์ที่ตรงไหน เอาเป็นว่ารอยยิ้มมาเป็นเฟิร์สต์ อิมเพรชชั่นกันก่อน แล้วเรื่องอื่นๆ ค่อยตามมา หากเป็นเวทีผู้เข้าประกวดนางแบบหน่อยก็อาจได้ยินคำตอบว่าเพราะสูงยาวเข่าดี หน้าแปลกเข้ามาแข่งบ้างคละกันไป
“เอกลักษณ์ความเป็นไทยคือการไหว้ และรอยยิ้มค่ะ” แน่นอนว่าคำถามบนเวทีประกวดส่วนใหญ่ ก็คงไม่พ้นจะเผยแพร่ความเป็นไทยอย่างไรให้ทั่วโลกรู้จัก และนี่ก็เป็นคำตอบที่เหล่าผู้เข้าประกวดเลือกใช้ในการตอบคำถามนี้มากที่สุด ก็เรียกว่าไม่เจ็บตัวหากเลือกคำตอบนี้แน่นอน นอกจากนี้ก็มีคำตอบอย่างวัฒนธรรมไทยบ้าง ประเพณีไทยบ้าง แต่อย่างไรก็แล้วแต่การไหว้และรอยยิ้ม ก็ไม่เคยถูกโค่นลงจากบัลลังก์ได้สักที
ปิดท้ายด้วยคำตอบที่เหล่าผู้ชนะบนเวทีจะเลือกใช้เมื่อถูกถามว่ารู้สึกหลังได้รับตำแหน่งเป็นอันดับต้นๆ อย่าง “ไม่เคยคิดหวังมาก่อนเลยว่าจะได้รับตำแหน่ง เพราะเพื่อนๆ สวยทุกคน” แม้ว่าก่อนหน้านั้นจะเคยตอบคำถามว่า มั่นใจมากที่จะคว้ารางวัลนี้ได้แน่นอน หรือเตรียมตัวมาอย่างเต็มที่ เธอเหล่านี้ก็จะไม่เคยคาดหวังมาก่อนเลยว่าจะได้มงกุฎอย่างไม่ทราบสาเหตุ
นอกจากนี้ยังมีคำตอบคลาสสิกที่ได้ยินบ่อยๆ อย่างเคล็ดลับคือต้องงามจากภายใน ต้องการหาประสบการณ์ เวทีนี้มอบมิตรภาพที่ดีงามให้มาก หรือต้องการจะใช้ตำแหน่งนี้ทำประโยชน์เพื่อสังคมก็ตาม เหตุก็เป็นเพราะว่านางงามต้องมีภาพลักษณ์ที่ดี มีจิตใจดีควบคู่ไปกับความสวย เรียกว่าเป็นผู้หญิงที่ต้องเพอร์เฟ็กต์ ไร้เรื่องด่างพร้อย คำหยาบไม่มี หุ่นดี หน้าสวย จึงไม่แปลกที่คำตอบจะออกมางามๆ สมตำแหน่ง
เรื่องนี้หนุ่ม-ประเสริฐ บอกว่า สำหรับเวทีใหญ่ๆ แล้วนั้น การตอบคำถามบนเวทีจะมีแตกต่างกันไปบ้าง เนื่องจากคำถามมีความหลากหลาย นอกจากเวลาสัมภาษณ์กับสื่อก็คงได้คำตอบประเภท นางงามต้องงามจากภายในสู่ภายนอก หรือเอกลักษณ์ความเป็นไทยคือการไหว้อยู่เสมอ แต่หากเป็นเวทีระดับท้องถิ่นแล้วคำตอบของเหล่าสาวงามจะดูเป็นแพตเทิร์นมาทีเดียว เป็นเช่นว่า ไม่ว่าคำถามจะเป็นอะไร คำตอบจะกลายเป็นว่า “คนจะงาม งามน้ำใจ ใช่ใบหน้า” หรือกลอนอย่าง “ขอให้เอาความดีเป็นแก่นกลางของชีวิต เอาความคิดเป็นเครื่องช่วยอำนวยผล เอาแรงกายเป็นกลไกภายในตน นี่แหละคนมีคุณค่าราคางาม” เป็น 2 คำตอบที่ได้ยินบ่อยมาก
“คำตอบเหล่านี้นั่นเป็นเพราะส่วนใหญ่แล้วการประกวดระดับท้องถิ่นมักต้องแสดงความเห็น กรรมการส่วนใหญ่จะเป็นกรรมการหน้าใหม่พี่เลี้ยงจึงมักจะสอนให้ผู้เข้าประกวดตอบคำถามที่ฟังดูแล้ว กรรมการจะต้องอึ้ง ได้โชว์ภูมิ มีกลอนต่างๆ แต่หากกรรมการที่ฟังมาแล้วหลายครั้งก็คงอดขำไม่ได้เป็นแน่”
“ก็เป็นเรื่องน่ารักๆ ในแต่ละเวที”
ในรอบปีนี้ ยังได้เห็นข่าวฮาๆ อีกหลายอย่าง เป็นเช่นว่า ตุ๊กตุ๊กไทยแลนด์ ที่แค่เห็นภาพว่านี่คือชุดที่ชนะเลิศการประกวด ที่สาวแนทจะใส่ประกวดมิสยูนิเวิร์สรอบชุดประจำชาติ ก็ทำเอาหลายคนหัวเราะกันใหญ่โต พร้อมท้าว่าหากชนะจะทำสิ่งนั้นสิ่งนี้กันไป ก่อนที่เสียงหัวเราะนี้จะเริ่มหายไปเมื่อได้เห็นชุดสำเร็จ และยิ่งกริบเมื่อเจอเสียงปรบมือแสดงความยินดีกับรางวัลกลบเสียมิด
หรือจะเป็นความเงิบระดับจักรวาลอย่างการประกาศรางวัลบนเวทีมิสยูนิเวิร์ส 2015 ผิด เมื่อ สตีฟ ฮาร์วี่ พิธีกรดาราตลกชื่อดังประกาศให้เอเรียดน่า กูเทียร์เรซ ผู้เข้าประกวดจากโคลอมเบียได้ตำแหน่ง ทั้งที่ความจริงแล้ว เปียอลอนโซ วุตซ์บัค จากฟิลิปปินส์เป็นมิสยูนิเวิร์ส ปีนี้ จนเกิดเหตุชุลมุนเปลี่ยนมงกุฎกันให้วุ่น กลายเป็นเรื่องสุดเงิบแห่งปี แต่ด้วยคนไทยเป็นดินแดนแลนด์ออฟสมายด์ หลังเหตุการณ์ไม่กี่ชั่วโมงก็ได้เห็นเหล่าติ่งนางงาม หยิบรูปมาแต่งเติมล้อกันคึกคัก จนเรียกเสียงฮาในเรื่องช็อกแบบนี้ได้ นี่ยังไม่นับความฮาระดับเวทีท้องถิ่นต่างๆ อีกมากมายนับไม่ถ้วน
ส่วนปีหน้าจะมีเรื่องอะไรให้แซ่บ ให้เล่าอีก ก็คงต้องจับตามองกันต่อไป
