“5 เทคนิค” เดินทางกับเด็กๆ อย่างปลอดภัย

ผู้ปกครองหลายคน คงประสบปัญหาเวลาเดินทางที่ลูกๆหลานๆ ต่างไม่มีความสุขร้องไห้ หรืออาจซนจนไม่ยอมนั่งเฉยๆ แม้กระทั่งผู้ใหญ่เอง การที่ต้องนั่งอยู่ในรถเป็นเวลานาน ก็อาจทำให้รู้สึกอึดอัดได้เช่นกัน ต่างกันตรงที่เด็กๆ ที่ไม่ยอมอยู่นิ่งๆ สามารถทำให้ผู้ขับขี่เสียสมาธิและอาจนำไปสู่การเกิดอุบัติเหตุได้

เสียงร้องไห้ของเด็กอาจทำให้เกิดความหงุดหงิดรำคาญใจได้ แต่เด็กๆ ไม่ได้ร้องเพราะพวกเขาเจ็บปวด หากเกิดจากความเบื่อ หิว หรือรอคอยที่จะได้ออกไปวิ่งเล่นข้างนอกเสียมากกว่า ด้วยวิธีการต่อไปนี้จะช่วยให้ลูกๆ ของคุณอยู่ในรถอย่างปลอดภัย สะดวกสบาย แถมยังมีความสุข

· พ่อแม่ควรเป็นตัวอย่างที่ดี การรับรู้เรื่องความปลอดภัยสามารถเสริมสร้างได้จากผู้ที่เลี้ยงดูเด็กๆ ดังนั้นพ่อแม่จึงควรปฏิบัติตัวให้เป็นตัวอย่างที่ดี ถึงแม้ว่าเทคโนโลยีจะก้าวหน้าไปมาก แต่เข็มขัดนิรภัยยังคงเป็นอุปกรณ์หลักที่จะช่วยชีวิตให้รอดพ้นเมื่อเกิดอุบัติเหตุ พ่อแม่จึงควรคาดเข็มขัดนิรภัยเสมอเพื่อเป็นตัวอย่างที่ดีให้แก่ลูกๆ

· ตั้งกฎข้อที่ 1 เมื่ออยู่ในรถ พ่อแม่ควรตั้งกฎเมื่ออยู่บนรถและท้องถนน และต้องมั่นใจว่าเด็กๆ จะปฏิบัติตาม สำหรับเด็กที่โตพอที่จะเข้าใจสิ่งต่างๆ พ่อแม่ควรประกาศกฎเกณฑ์ขณะอยู่บนรถให้ชัดเจน เช่น ต้องเอ่ยคำขอก่อนเปิดกระจก หรือเมื่อต้องการเปลี่ยนเพลง

Advertisement

· ตั้งกฎข้อที่ 2 เมื่ออยู่นอกรถ แม้ว่าจะอยู่นอกรถ เด็กๆ ก็ยังมีความเสี่ยงต่ออุบัติเหตุจากรถยนต์ ดังนั้นจึงไม่ควรปล่อยให้พวกเขาคลาดสายตาเมื่อมีรถอยู่ใกล้ๆ “ด้วยขนาดตัวที่เล็กจิ๋วของเด็กๆ อาจทำให้ผู้ขับขี่มองไม่เห็นเมื่อทำการถอยจอด” ซินเธีย จาง ผู้จัดการด้านกฎระเบียบยานพาหนะ ฟอร์ด มอเตอร์ คัมปะนี ประเทศจีนกล่าวเตือน ควรพึงระลึกเสมอว่าเด็กๆ ทุกคนต้องจับมือพ่อแม่เมื่ออยู่ในบริเวณที่มีรถยนต์ ไม่ว่ารถคันนั้นจะกำลังขับเคลื่อนหรือจอดอยู่ก็ตาม

· ดูแลเด็กๆ ให้พวกเขารู้สึกสบาย อย่าลืมนำของเล่นสุดโปรดของลูกติดรถไปด้วย (เลือกของเล่นวัสดุแบบนิ่มจะปลอดภัยกว่า) รวมถึงหนังสือเพื่อให้พวกเขาเพลิดเพลินอยู่เสมอ ทั้งยังช่วยให้ผู้ขับขี่มีสมาธิขณะขับรถด้วย อาหารและเครื่องดื่มก็สามารถช่วยให้พวกเขาอารมณ์เสียน้อยลงได้และอย่าลืมหยุดแวะพักเข้าห้องน้ำเพื่อผ่อนคลายอิริยาบถ นอกจากนี้ สาเหตุที่ทำให้เด็กๆ หงุดหงิดอาจเป็นเพราะพวกเขารู้สึกร้อนหรือหนาวเกินไป ดังนั้นพ่อแม่ควรคอยเช็คอุณหภูมิบริเวณเบาะหลังอยู่เสมอ

· เบาะนั่งนิรภัยสำหรับเด็กเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ “เข็มขัดนิรภัยและถุงลมนิรภัยได้รับการออกแบบมาสำหรับผู้โดยสารที่มีความสูงมากกว่า 145 เซนติเมตรและมีน้ำหนักมากกว่า 36 กิโลกรัม” จางกล่าว “ดังนั้นเด็กทารกและเด็กเล็กควรมีเบาะนั่งด้านหลังโดยเฉพาะซึ่งออกแบบมาให้เหมาะสมกับอายุและน้ำหนักของพวกเขา”

Advertisement

แม้ว่าพ่อแม่บางคนอาจอยากอุ้มเด็กไว้กับตัวบริเวณหน้ารถ แต่การกระทำเช่นนี้ไม่ปลอดภัย ในกรณีที่มีการเบรคกะทันหัน แรงปะทะที่เกิดจากการชนจะสูงกว่าปกติถึง 4 เท่า ดังนั้นการอุ้มเด็กไว้กับตัวจึงไม่ปลอดภัย แม้ว่าเบาะนั่งสำหรับเด็กจะเป็นข้อบังคับในบางเมืองและบางประเทศเท่านั้น แต่คาดว่าสิ่งนี้จะกลายเป็นข้อบังคับสำหรับประเทศจีนและเมืองอื่นๆ ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า

· ใส่ใจวิธีการติดตั้งเบาะนั่งนิรภัยสำหรับเด็ก การหาซื้อเบาะนั่งนิรภัยในรถยนต์ที่เหมาะสมเป็นแค่ความปลอดภัยเพียงครึ่งเดียวเท่านั้น การติดตั้งเบาะอย่างถูกวิธีนั้นสำคัญกว่าเพราะจะช่วยให้เบาะนั่งนิรภัยทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ จากการอ้างอิงของสำนักงานรักษาความปลอดภัยบนถนนของสหรัฐอเมริกา (US National Highway Traffic Safety Administration) พบว่า กว่าร้อยละ 95 ติดตั้งเบาะนั่งนิรภัยสำหรับเด็กผิดวิธี และถุงลมนิรภัยอาจทำให้เด็กๆ ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตได้ ดังนั้นจึงไม่ควรวางเบาะที่นั่งสำหรับเด็กหันหลังชนกับตำแหน่งถุงลมนิรภัย โดยปกติแล้ว เบาะนั่งนิรภัยสำหรับเด็กจะมาพร้อมเข็มขัดนิรภัยแบบมาตรฐาน แต่เพื่อเพิ่มความปลอดภัยอีกขั้น ควรใช้เบาะนั่งนิรภัยสำหรับเด็กที่ติดตั้งจุดยึด ISOFIX ซึ่งจะแตกต่างจากเบาะที่นั่งสำหรับเด็กแบบอื่นๆ ที่จะติดตั้งยาก โดยเบาะนั่งนิรภัยที่มีจุดยึด ISOFIX จะสามารถเชื่อมต่อเข้ากับจุดเฉพาะต่างๆ ของรถยนต์ได้อย่างลงตัว

ถึงแม้ว่าคุณจะทำตามข้อแนะนำเบื้องต้นทั้งหมด เด็กๆ อาจจะยังโยเย แต่นั่นก็เป็นธรรมชาติของพวกเขา หน้าที่ของคุณคือทำให้พวกเขานั่งอยู่กับที่ให้สบาย หากคราวหน้าเมื่อลูกเริ่มงอแง คุณก็เพียงแค่สงบอารมณ์และหาจุดจอดที่ปลอดภัย เตือนตัวเองให้เป็นผู้ขับขี่ที่ระมัดระวังอยู่เสมอและทุกครั้งที่มีเด็กอยู่บนรถ คุณก็ควรพร้อมที่จะรับมือกับสิ่งที่ไม่คาดคิด

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image