ช่วงหลายเดือนที่ผ่านมานี้มีข่าวที่เกี่ยวข้องกับบริการให้เช่าห้องพักออนไลน์อย่าง Airbnb (แอร์บีเอ็นบี) เพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา หนังสือพิมพ์เดอะการ์เดี้ยนของประเทศอังกฤษ รายงานผลกระทบจากเว็บไซต์จองบ้านพักออนไลน์Airbnb ทำให้ราคาอสังหาริมทรัพย์และค่าเช่าห้องพักในตัวเมืองอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ปรับตัวสูงขึ้นเป็นอย่างมาก เพราะผู้คนที่มีห้องพักต่างก็นำห้องพักตัวเองมาประกาศในเว็บไซต์ดังกล่าวเพื่อสร้างรายได้จากนักท่องเที่ยวที่มีปริมาณมหาศาล และธุรกิจทั้งหลายในเมืองก็ปรับตัวจากการเป็นร้านค้าที่บริการสำหรับคนท้องถิ่น กลายมาเป็นร้านค้าสำหรับนักท่องเที่ยว สร้างความไม่พอใจให้กับสภาเมืองและประชาชนในท้องถิ่นเป็นอย่างมาก
รายงานข่าวเผยว่าหลายครอบครัวต้องย้ายออกไปที่อื่น เพราะไม่สามารถสู้ค่าเช่าที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นในพื้นที่ยอดนิยมได้ เช่นเดียวกับที่เมืองนิวยอร์ค ประเทศสหรัฐอเมริกาที่ราคาห้องพักปรับตัวสูงขึ้นเช่นกัน โดยผู้ว่าการรัฐนิวยอร์คเตรียมผ่านร่างกฎหมายไม่ให้มีการประกาศให้เช่าบ้านหรือห้องชุดรายวัน ซึ่งการออกกฎหมายฉบับนี้ดูจะพุ่งเป้าไปที่Airbnb เป็นการเฉพาะ ทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นผลมาจากความต้องการของนักท่องเที่ยวที่ต้องการห้องพักแบบรายวันเพิ่มมากขึ้นกว่าการเลือกจองโรงแรมแบบปกติ หลายต่อหลายคนจึงเริ่มวิตกกังวลว่าปัญหาดังกล่าวนั้นจะมีโอกาสเกิดขึ้นกับประเทศไทยหรือไม่
เมื่อย้อนกลับมามองสถานการณ์ห้องพักรายวันสำหรับนักท่องเที่ยวในประเทศไทย วีรภัทร คันธะ บรรณาธิการบริหารเว็บไซต์ Saleduck ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มมอบส่วนลดสำหรับสินค้า และบริการต่างๆ รวมถึงการจองที่พักรายวันผ่านเว็บไซต์ออกมาเปิดเผยว่า ในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมาคนไทยจำนวนมากเลือกค้นหาส่วนลดจากเว็บไซต์ที่ให้บริการเช่าห้องพักรายวัน อย่าง Airbnb หรือ Homeaway รวมถึงเกสต์เฮ้าส์ และโฮสเทลราคาประหยัด มากกว่าการเลือกหาโรงแรม สิ่งเหล่านี้เป็นสัญญาณที่แสดงให้เห็นถึงความนิยมของคอนโด หรือบ้านพักที่ปล่อยให้เช่ารายวันที่เริ่มมาแรงมากขึ้น
อย่างไรก็ตามแม้ว่าความนิยมของห้องพักรายวันอย่าง Airbnb จะเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ แต่นักวิเคราะห์หลายคนเชื่อว่าสถานการณ์การปรับตัวของราคาที่พักที่เกิดขึ้นในเนเธอร์แลนด์ และนิวยอร์คจะไม่เกิดขึ้นในไทยอย่างแน่นอน ด้วยหลายสาเหตุ โดยที่สำคัญประการแรกก็คือ ราคาโรงแรมและที่พักต่างๆในเมืองไทยนั้นมีราคาไม่แพง ทำให้ตัวเลือกสำหรับการเข้าพักนั้นมีจำนวนมาก และมีความหลากหลาย ต่างจากหลายประเทศในทวีปยุโรปและสหรัฐอเมริกาที่โรงแรมนั้นจะมีราคาที่ค่อนข้างสูง ผู้คนจึงนิยมเปลี่ยนตัวเลือกไปใช้บริการเครือข่ายห้องพักรายวันออนไลน์ต่างซึ่งมีราคาถูกกว่าแทน
ส่วนอีกประการหนึ่งก็คือประเทศไทยมีกฎหมายพระราชบัญญัติโรงแรม พ.ศ. 2478 ที่ระบุให้ผู้ที่ต้องประกอบกิจการโรงแรมต้องได้รับใบอนุญาตตามหลักเกณฑ์เท่านั้น การนำห้องชุด ไปเปิดให้เช่ารายวันถือว่าผิดกฎหมายตามพระราชบัญญัติฉบับดังกล่าวอย่างแน่นอน
นอกจากนี้ยังเข้าข่ายความผิดตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 ในฐานของการใช้อาคารผิดประเภทด้วย
หากมองในแง่นี้ก็จะพบว่าปัญหาสำหรับเว็บไซต์ที่ปล่อยให้เช่าห้อง หรือบ้านพักรายวันสำหรับประเทศไทยนั้นน่าจะเป็นในลักษณะที่ไปตัดทอนกำไรของโรงแรมในพื้นที่ และกระทบต่อการปฏิบัติหน้าที่ของนิติบุคคลอาคารชุดเสียมากกว่า
อย่างไรก็ตามแม้ปัจจุบันปัญหานี้อาจจะยังไม่เกิดขึ้นในประเทศไทย แต่หากกระแสความนิยมของเว็บไซต์เหล่านี้ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง ก็ควรเป็นหน้าที่รัฐที่ลงมากำกับ ดูแล และหาทางออกร่วมกันอย่างดีเพื่อให้ทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นผู้ให้เช่า นักท่องเที่ยว และคนในชุมชนสามารถต่างได้รับประโยชน์ ภายใต้ข้อกำหนดร่วมกันที่เป็นทางการ ซึ่งนี่อาจเป็นโจทย์ใหญ่ที่ท้าทายมากกว่าความกังวลเรื่องการปรับตัวขึ้นของราคาบ้านพักในพื้นที่เสียด้วยซ้ำ
