เปิด ‘แชตบอต ติ๊กต็อก’ สำรวจตัวเอง ‘ติดเกม ติดโซเชียล’ จนไม่เป็นอันเรียน-ทำงานหรือเปล่า
เป็นคมอีกด้านของเทคโนโลยีที่พัฒนา คือปัญหา ‘ติดเกม ติดโซเชียลมีเดีย’ ที่ทุกวันนี้กระจายทุกหย่อมหญ้า ทุกช่วงวัย ไม่เชื่อลองสำรวจตัวเองที่เล่นเกม เล่นโซเชียลอยู่ ว่าเราติดจนเลิกไม่ลงหรือไม่ ในงานเปิดตัว “Chatbot ติ๊กต็อก” ที่ปรึกษาออนไลน์ สร้างสรรค์ ปลอดภัย เมื่อให้เด็กเล่นเกม จัดโดย กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ ร่วมกับ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล
ภายในงานโฟกัสปัญหาติดเกม โดยได้จิตแพทย์ที่เกาะติดแก้ปัญหานี้มากว่า 20 ปี คือ รศ.นพ.ชาญวิทย์ พรนภดล จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น ภาควิชาจิตเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล มาให้ความรู้และแนะนำ ในเสวนา “Healthy Gamer Talk: เกมสมดุล ชีวิตสมดุล”
สำรวจ 3 อาการเป็นโรคติดเกม
รศ.นพ.ชาญวิทย์กล่าวว่า ปัญหาเด็กติดเกมมีมาเกือบ 20 ปี แต่ที่มารุนแรงขึ้น เพราะเป็นเกมออนไลน์ ที่พบพฤติกรรมเลียนแบบ พฤติกรรมก้าวร้าว อันเนื่องจากอิทธิพลจากเกม อย่างกรณีเด็กวัยรุ่นอายุ 16 ปี เลียนแบบพฤติกรรมในเกม ด้วยการจี้รถแท็กซี่และฆ่าปาดคอ เป็นข่าวที่สังคมตื่นตัวและให้ความสนใจมาก
ในปี 2018 องค์การอนามัยโลก ยอมรับว่าโรคติดเกมมีอยู่จริง เป็นปัญหาทางสุขภาพจิตที่แพทย์สามารถวินิจฉัยได้อย่างเป็นทางการ เกณฑ์มี 3 ข้อ คือ 1.เด็กเล่นเกมแล้วควบคุมตัวเองไม่ได้ เช่น เล่นแค่ชั่วโมงนึง รู้ตัวอีกทีก็เช้าแล้ว 2.ทุกอย่างหายใจเข้าออกก็เป็นเกม คือให้ความสำคัญเกมเป็นลำดับแรกของชีวิต แล้วละทิ้งกิจวัตรประจำวันอื่นๆ ไป เช่น ไม่กินอาหาร ไม่นอน ไม่เรียน ไม่ออกกำลังกาย และ 3.รู้ว่าชีวิตตัวเองกำลังจะพังจากการเล่นเกมหนัก แต่ก็ไม่สามารถหยุดได้ ยังเล่นต่อ แล้วยังเล่นหนักขึ้น เช่น เล่นเกมแล้วมาเรียนหรือทำงานสายทุกวัน กำลังถูกให้ออก แฟนขู่จะทิ้งเพราะเล่นแต่เกม แต่ก็ยังไม่เปลี่ยนตัวเอง
“บริษัทเกมตอนนี้เก่งมาก สร้างเกมมาใครเล่นก็ติด จริงๆ เกมดีๆ ก็มี ไม่ว่าจะเกมที่พัฒนาเพื่อการเข้าสังคม การวางแผน แต่เกมพวกนี้ไม่ได้รับความนิยม ส่วนเกมที่เด็กเล่นกันทุกวันนี้ เน้นสนุก ปลดปล่อย เช่น ยิง ฆ่า ล้างผลาญ และยิ่งเพิ่มโอกาสในการติด จากการรวมกลุ่มหรือฟอร์มทีมขึ้นมา ที่แต่ละคนมีตำแหน่งเฉพาะ ตรงนี้เมื่อเด็กนัดกับเพื่อนไว้แล้ว แต่ถูกแม่ยึดมือถือ เด็กจะหัวร้อนและแสดงความรุนแรงออกมา”

เป็นปัญหาที่ครอบครัวปล่อยไปไม่ได้ ต้องเปลี่ยนทั้งลูกและตัวเอง โดยเริ่มจากการสัมพันธ์ที่ดี ที่พ่อแม่จะพูดคุยกับลูกถึงเกมที่จะเล่น เล่นกี่ชั่วโมง ก่อนเล่นต้องรับผิดชอบทำอะไรก่อน นอนตอนกี่ทุ่ม หากทำได้ก็เล่นได้ ขณะที่พ่อแม่ต้องติดอาวุธให้ตัวเอง เช่น ติดตั้งกูเกิลแฟมิลี่ลิงก์ให้มือถือลูก เพื่อสามารถกำหนดและติดตามการใช้งานที่เหมาะสม การตั้งสกรีนไทม์ในอุปกรณ์มือถือ เพื่อให้ผู้ใช้รู้ช่วงเวลาใช้งาน
ไม่ใช่ทุกคนจะได้เป็นนักกีฬาอีสปอร์ต
แต่อีกมุมหนึ่งของคนเล่นเกม โดยเฉพาะเด็กๆ ที่ช่วงหลังมีความหวังว่าการเล่นเกมอย่างหนัก สักวันหนึ่งเราอาจได้เป็นกีฬาอีสปอร์ต มีรายได้สูงกว่าพนักงานทั่วไป เมื่อนั้นไม่ต้องเรียนต่อแล้วก็ได้! อาจต้องมาทบทวนความคิดใหม่
จากบทเรียนชีวิตอดีตนักกีฬาอีสปอร์ต ‘ฉัตรกาญจน์ ปาริฉัตต์กุล’ ที่เริ่มต้นจากเด็กเล่นเกมทั่วไป วันหนึ่งเมื่อการเล่นเกมสร้างรายได้ ทำให้เขาติดเกมอย่างหนัก จนต้องซิ่วเรียนจากคณะวิศวกรรมศาสตร์ ไปเรียนคณะที่เรียนง่ายกว่า แต่ก็ยังไม่เลิกเล่นเกม เพราะสามารถสร้างรายได้ต่อเดือนไม่ต่างจากบัณฑิตจบใหม่
กระทั่งเรียนจบปริญญาตรีมาสมัครได้งานประจำ เขาก็ยังเล่นเกม แต่เริ่มเข้าสู่วงการอีสปอร์ต เขาใช้เวลาหลังเลิกงานและวันหยุดในการฝึกซ้อม ถือเป็นงานอดิเรกที่ได้เงินดี จนตัดสินใจลาออกจากงานประจำมาเป็นนักกีฬาอีสปอร์ตเต็มตัว ประสบความสำเร็จการแข่งขันอีสปอร์ตทั้งในประเทศและต่างประเทศ มีรายได้ต่อเดือนหลายแสนบาท จนอายุเข้า 28 ปี ที่ร่างกายเริ่มตอบสนองช้าไปตามวัย เมื่อถึงจุดอิ่มตัวในหลายๆ อย่างแล้ว เขาจึงกลับมาทำงานประจำ
ฉัตรกาญจน์กล่าวว่า สมมุติยอดดาวน์โหลด 1 เกม ประมาณ 10 ล้านคน แต่คนที่ประสบความสำเร็จเงินเดือนหลักแสนขึ้น อาจมีไม่เกิน 2-3 ร้อยคน ที่เหลือต่ำกว่าหมด ซึ่งมันไม่สามารถดูแลอนาคตระยะยาวได้ รวมถึงอาชีพที่ต่อยอด เพราะหลังจากแข่งเกม มันไม่มีพื้นฐานอาชีพอื่นๆ เลย กระทั่งใช้คอมพิวเตอร์เพื่อการทำงาน เว้นแต่บางคนอาจกลับมาวนเวียนในอาชีพเดิม เช่น นักพากย์ สตรีมเมอร์ จีเอ็ม แต่เงินเดือนน้อย และไม่ค่อยก้าวหน้าในอาชีพ
“การเป็นนักกีฬาอีสปอร์ตต้องลงทุนพอสมควร บางเกมต้องซื้อตัวละคร ซื้อไอเทม บางคนอาจรอเป็นเดือนเพื่อเอาเงินในเกมซื้อได้ แต่นักกีฬาอีสปอร์ตต้องซื้อทันที บางคนเติมเงินส่วนตัวเป็นหลักสิบล้าน เพื่อจะเป็นที่หนึ่งของเกม ส่วนตัวผมเติมเงินเฉลี่ย 2 หมื่นต่อเดือน ซื้อไอเทมนำมาแข่งขัน เพื่อจะได้เป็นที่หนึ่ง และได้รับการยอมรับ”
“และจากประสบการณ์ส่วนตัว การเล่นเกมก็มีข้อดี อย่างหลายคนเล่นเกมแล้วมีรายได้สูงกว่าทำงานประจำ แต่ก็ไม่ใช่ทุกคน แต่ขณะเดียวกันก็มีข้อเสียว่า ทำให้เสียการเรียน เสียเวลาในชีวิต” ฉัตรกาญจน์กล่าว

สำรวจตัวเองผ่าน ‘แชตบอต ติ๊กต็อก’
ภายในงานได้เปิดตัว Chatbot ติ๊กต็อก ซึ่งเป็นไลน์ออฟฟิเชียล สามารถพิมพ์ชื่อค้นหา ‘@healthygamer’ แล้วกดเพิ่มเพื่อน จากนั้นเลือกเมนูบริการต่างๆ ไม่ว่าจะพิมพ์สอบถาม เช่น ลูกติดเกม ทำยังไงดี ซึ่งระบบจะมีสาระความรู้ผ่านอินโฟกราฟิกและคลิปวิดีโอมาให้อ่านและดู ให้บริการ 24 ชั่วโมง หรือจะเลือกแชตสอบถามสดกับผู้เชี่ยวชาญ ให้บริการระหว่างเวลา 10.00-22.00 น. ก็สามารถทำได้
ขณะที่คนทั่วไปที่กำลังสงสัยว่าตัวเองติดเกมหรือเปล่า สามารถเข้าไปทำแบบทดสอบประเมินได้ หรือสงสัยว่าตัวเองติดโซเชียลมีเดียหรือเปล่า ก็มีแบบประเมินให้ทำ เนื่องจากมีอาการคล้ายการติดเกมถึง 80 เปอร์เซ็นต์
ผศ.นพ.สมบูรณ์ หทัยอยู่สุข จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวทิ้งท้ายว่า ปัญหาเด็กติดเกมไม่ง่ายเหมือนดีดนิ้วแล้วจบ แต่ต้องลงมือทำ อยากให้ลูกดี เราต้องลงมือทำ และทำให้ถูก
อย่างไรก็ดี งานศึกษาวิจัยชี้ว่าถ้าให้เด็กเล่นเกมเกิน 1 ชั่วโมง ในวันธรรมดา และ 2 ชั่วโมงในวันหยุด จะทำให้มีโอกาสติดเกมมากขึ้น เป็นเพียงแนวทางเท่านั้น จริงๆ ต้องให้ผู้ปกครองพิจารณาถึงความเหมาะสมอีกที เช่น เล่นเกมแล้วเด็กยังสามารถทำกิจวัตรประจำวันได้ปกติ ก็สามารถปรับเวลาให้เหมาะสมได้
โดยสามารถอ่านรายละเอียด เพื่อแก้ไขปัญหาลูกติดเกมได้ที่ https://www.healthygamer.net/
