ภาษาพาแซ่บ…Valentine”s Day

“วาเลนไทน์” อีกแว้ว เย้ เย้

คน romantic อย่างฉันก็ต้องให้ความสำคัญกับวันนี้ไว้หน่อย

ไม่ใช่ “ยัยกาก” นะ เอะอะอะไรก็กิน เห็นผู้ชายยังจะกินเลย เฮ้อ! หมดกัน

“วันวาเลนไทน์” ภาษาอังกฤษใช้คำเรียกอยู่ 2-3 อย่าง Valentine”s Day ก็ได้ หรือ Saint Valentine”s Day หรือจะให้เต็มยศเข้าไปอีก ก็ใช้ว่า The Feast of Saint Valentine

Advertisement

คำว่า Feast หมายถึง “เทศกาล” หรือ “การเฉลิมฉลอง” The Feast of Saint Valentine จึงหมายถึงเทศกาลของเซนต์ วาเลนไทน์ ไงจ้ะ

หลายๆ ประเทศเขาฉลองกัน อย่างในสหรัฐอเมริกา เขาจดสถิติกันเอาไว้ว่า มีการใช้จ่ายเพื่อซื้อหา “Candy” ที่หมายถึงขนมหวาน อย่างลูกกวาดหรือช็อกโกแลตกันมากถึง 448 ล้านดอลลาร์ แค่ 1 สัปดาห์ก่อนถึง 14 กุมภาพันธ์- 448 million dollars spent on candy the week before February 14.

58 million pounds of chocolate candy bought during Valentine”s Day week – มีการซื้อช็อกโกแลตกันในช่วงระหว่างสัปดาห์วันวาเลนไทน์ (คิดเป็นน้ำหนัก) ถึง 58 ล้านปอนด์

Advertisement

36 million heart-shape chocolate boxes sold for the holiday – ในช่วงวันวาเลนไทน์นี้มีการขายช็อกโกแลตที่ใส่กล่องเป็นรูปหัวใจได้มากถึง 36 ล้านกล่อง

150 million Valentine”s Day cards and gifts sent each year – ในวันวาเลนไทน์ของแต่ละปีมีการส่งการ์ดและของขวัญให้กันมากถึง 150 ล้านครั้ง

นี่เฉพาะในสหรัฐอเมริกานะจ้ะ

ฉันเคยถามลุงโจ ถึงที่มาของ Valentine”s Day เหมือนกัน แต่ได้รับคำตอบเหมือนๆ กับว่า เป็นตำนานที่คงคิดกันขึ้นเพื่อให้เข้ากับเรื่องราวของวันนี้ แล้วก็มีหลายเวอร์ชั่นอีกตะหาก

ลุงโจว่า ที่นิยมกันก็คือ เวอร์ชั่นที่บอกว่า Saint Valentine เป็นบาทหลวงในศาสนาคริสต์ ซึ่งถูกผู้ครองอาณาจักรโรมันจับกุมและประหาร เพราะไปประกอบพิธีแต่งงาน “performing weddings” ให้กับทหาร (หลายนาย) ที่่ถูกห้ามแต่งงาน “were forbidden to marry” ก่อนถูกประหารได้ช่วยรักษาลูกสาวของผู้คุมจนหายขาดจากอาการไข้ และเขียนจดหมายร่ำลา

ลงท้ายจดหมายแบบที่เขานิยมใช้ลงท้ายการ์ดวาเลนไทน์กันในตอนนี้ว่า “Your Valentine”

ต่อมาบาทหลวงดังกล่าวจึงได้รับการเชิดชูให้เป็น “นักบุญ” หรือ “Saint” บางทีเราก็เห็นเขียนกันย่อๆว่า “St.” ในราวปี ค.ศ.400 อะไรโน่นแน่ะ

อีกเกือบพันปีต่อมา วันวาเลนไทน์ถึงกลายเป็นวันที่เชื่อมโยงเข้ากับความรักเริ่มในภาคพื้นยุโรปนั่นแหละราว ปี ค.ศ.1300

แต่ตอนนั้น เขาไม่ได้ให้การ์ด หรือช็อกโกแลตกันหรอกนะ “In Europe, Saint Valentine”s Keys are given to lovers” ในยุโรป มีการใช้กุญแจแห่งเซนต์วาเลนไทน์แก่คู่รัก

เพื่อให้เป็นสัญลักษณ์แห่งความรักใคร่ และเป็นการเชื้อเชิญให้มาไขกุญแจคลายล็อกหัวใจของคนให้นั่นเอง “as a romantic symbol and an invitation to unlock the giver”s heart”

หวานซะไม่มี เห็นทีต้องไปหาซื้อกุญแจบ้างแล้วละ

บ๊ายบายจ้ะ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image