กิจกรรมยอดนิยมในบริเวณเกาะรัตนโกสินทร์ คงไม่มีอะไรดีไปกว่าการได้นั่งดินเนอร์มื้อค่ำในร้านสุดคูลริมแม่น้ำเจ้าพระยา ชมวิวยามเย็นช่วงพระอาทิตย์ตก โรแมนติกอย่าบอกใคร
และมีอยู่ร้านหนึ่งตรงท่าเตียน ที่นอกจากจะมีวิวสวยได้ชมความงดงามของพระปรางค์วัดอรุณราชวรารามฯอยู่ตรงหน้าแล้ว ยังมีอาหารไทยสูตรดั้งเดิมรสชาติเข้มข้นแบบไทยๆ อีกด้วย ร้านนี้มีชื่อว่า โรงรส (Rongros) ซึ่งเป็นร้านที่ได้รับความนิยมมาก ช่วงสุดสัปดาห์ ศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ อาจจะต้องจองนานเป็นเดือนๆ ทีเดียว ถึงตรงนี้มีเคล็ดลับการจองโต๊ะมาฝาก ให้จองมาดึกหน่อยช่วง 2 ทุ่มยังพอมีโอกาส แต่ครัวปิดแค่ 3 ทุ่ม นั่งได้ถึง 4 ทุ่มเท่านั้นนะจ๊ะ
ร้านโรงรสเปิดมา 3 ปีกว่าแล้ว อยู่ในซอยเพ็ญพัฒน์ 1 ถนนมหาราช ปากทางเข้าอยู่ตรงข้าม โรงเรียนบาลีสาธิตศึกษาก่อนถึงวัดโพธิ์ ตรงเข้ามายังริมแม่น้ำ ร้านโรงรสจะอยู่เยื้องกับโรงแรมริว่า อรุณ Riva Arun (ถ้านำรถมาให้เข้าซอยข้าง ธ.กรุงเทพ แล้ววนมาตรงริมน้ำก็จะเห็นร้านโรงรสอยู่ถัดจากร้านสุพรรณิการ์)
สำหรับที่จอดรถจะมีที่ข้างวัดโพธิ์ตรงถนนเชตุพน ราชนาวีสโมสร และที่โครงการยอดพิมานอยู่ห่างเป็นกิโลแต่มีที่จอดมากหน่อย (เป็นลิฟต์จอดรถ ซึ่งต้องเดินทะลุตลาดดอกไม้ออกมาหน้าปากคลองตลาด แล้วนั่งสามล้อมาที่ร้านอีกที)
คำว่าโรงรส สะกดด้วย ส.เสือ เป็นการเล่นคำหมายถึงโรงหรือบ้านแห่งรสชาติ ซึ่งเดิมก็คือโรงรถเก่าจริงๆ อีกด้วย นำมาปรับเปลี่ยนให้กลายเป็นเรือนกระจกเสริมโครงสร้างเหล็กสีน้ำเงินกรมท่า ตกแต่งในสไตล์ไทยร่วมสมัย ชั้นล่างเป็นห้องปรับอากาศขนาด 25 คน ซึ่งหน้าต่างกระจกริมน้ำสามารถเปิดพับซ้อนได้ทั้งแนว ส่วนด้านบนเป็นดาดฟ้ากลางแจ้งที่บรรยากาศดีมากๆ รับได้อีก 30 คน
นอกจากความเก๋ของร้านแล้ว ที่นี่ยังมีอาหารไทยรสชาติเข้มข้นถูกใจอีกด้วย ดูแลโดย คุณแอ๋ว จิราภา เชฟใหญ่อยู่คู่ร้านมาตั้งแต่แรกเริ่ม ผู้ชื่นชอบในการทำอาหารไทย และยังเสาะหาวัตถุดิบเองจากประมงท้องถิ่นพื้นบ้าน และผลิตผลของเกษตรกรรายย่อยทั่วประเทศ
เมนูของร้านโรงรสมีอยู่ประมาณ 35 รายการ ครบถ้วนทุกหมวดหมู่ ของอร่อยที่ห้ามพลาดซึ่งพวกเราชาวคณะชิมแหลกโหวตให้มีอยู่ 5 เมนู
เริ่มกันด้วย ไข่พะโล้ผัดแห้ง (260 บาท++) ไข่รัดตัวกินอร่อย หมูสามชั้นรสชาติเข้าเนื้อ น้ำพะโล้หอมกลิ่นสามเกลอ (รากผักชี กระเทียม พริกไทย) ใช้ไข่เป็ดไล่ทุ่งหอมมัน การทำต้องตุ๋นและเคี่ยวกับน้ำตาลมะพร้าวและดอกเกลือนานหลายชั่วโมงจนหมูละลายในปาก พักไว้ข้ามคืน แล้วนำมาผัดต่อจนหมูสามชั้นขึ้นสีเข้ม
น้ำพริกโจร (190 บาท++) รสเข้มข้นหอมกะปิคลองโคลน ซึ่งต้องห่อใบตองย่างไฟอ่อนๆ จนหอมก่อน ปรุงด้วยน้ำปลาดีจากเมืองตราด (ซึ่งเมนูแต่ละประเภทจะใช้น้ำปลาแตกต่างกันถึง 5 ชนิด) ไม่ได้ตำแต่ขยำเหมือนน้ำชุบทางใต้ให้เหลวๆ ปรับรสชาติให้เป็นภาคกลาง ใส่กุ้งสดลงไป
กะเพราเนื้อริบอายนิวซีแลนด์ (380 บาท++) นุ่มหอมอร่อย ผัดไฟแรงใส่กะเพราแดง (กะเพราป่า) พริกขี้หนูสวนทั้งก้านจะได้หอมๆ กระเทียมไทยกลีบเล็ก ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำมันหอย
ซึ่งยังนำไปทำเมนู เนื้อริบอายนิวซีแลนด์ย่างจิ้มแจ่วมะนาว (550 บาท++) ได้อีกอย่าง จิ้มด้วยน้ำจิ้มน้ำพริกปลาร้าแม่น้ำชีจากร้อยเอ็ด ซึ่งต้องหมักข้ามปี และน้ำจิ้มแจ่วมะนาวจี๊ดจ๊าด
ต่อกันด้วยเมนูห้ามพลาดอีก 2 อย่าง เป็นของกินเล่น ยำวุ้นเส้นโบราณ (240 บาท++) ใส่หมูสับ ยำครบรสทั้งเปรี้ยวเค็มหวาน ใส่ถั่วลิสงคั่วเอง หอมแดงซอย ต้นหอม ผักชี กระเทียมไทย (จากศรีสะเกษ) เจียว หอมแดงเจียว พริกขี้หนูสวน ปรุงด้วยน้ำมะนาวแป้นสีเขียว และน้ำปลา
อีกทั้ง ทอดมันปลาตลาดเช้า (220 บาท++) ใช้ปลากรายจากแม่น้ำชี ชัยภูมิ นวดเนื้อปลาด้วยมือในอุณหภูมิเย็นจัดๆ จนเนื้อแน่นหนึบ ผสมกับพริกแกงทำเอง จิ้มด้วยน้ำจิ้มซีฟู้ดใส่ถั่วตัด หอมกลิ่นสามเกลือและพริกขี้หนู เปรี้ยวเค็มหวานครบรส
นอกนั้นมีเมนูน่าลิ้มลองเพียบ อย่างเช่น อาหารว่างไทยโบราณ ปลาแห้งแตงโมสิงห์บุรี (280 บาท++) ใช้ปลาช่อนแห้งแม่ลาแดดเดียวจากสิงห์บุรี ย่างให้หอม นำไปโขลกจนขึ้นฟู จากนั้นคั่วปรุงรสใส่น้ำตาลปี๊บและหอมเจียว กินคู่กับแตงโมออร์แกนิคหวานฉ่ำ
มียำพิเศษตามฤดูกาล ยำมังคุดกุ้งสด (290 บาท++) มังคุดจากสวนที่นครศรีธรรมราชนำมายำกับกุ้งลายเสือชิ้นโต โรยหน้าด้วยมะพร้าวทับสะแกคั่ว กินแล้วสดชื่นเปรี้ยวหอมหวาน
ขอร่ายยาวจบม้วนเดียวเพราะคืนนั้นสั่งกันมากมาย มีทั้ง ไส้กรอกอีสานขาหมู (190 บาท++) รับมาจากชัยภูมิ ทำจากเนื้อขาหมูติดหนังมันน้อยเคี้ยวหนึบ หมูสับปลากุเลาตากใบ (290 บาท++) หอมๆ รสเค็มกำลังดี เวลากินให้บีบมะนาว คลุกกับหอมแดงและพริกขี้หนูสวน กุ้งทอดคั่วกระเทียม (350 บาท++) กุ้งตัวโตๆ โปะด้วยกระเทียมไทยกลีบเล็กเจียวจนหอม แกงรัญจวน (260 บาท++) ใส่กระดูกหมูอ่อนตุ๋นนานๆ จนนุ่ม รสเข้มด้วยน้ำพริกกะปิซึ่งต้องผสมตอนน้ำเดือดจะได้ไม่คาว แก้เผ็ดด้วย ไข่เจียวกุ้งสับ (240 บาท++) เนื้อฟูๆ
อีกทั้ง ปลาราดพริกขี้หนูสวน (320 บาท++) ปลาเก๋าได้มาจากประมงพื้นบ้าน ใส่พริกขี้หนูสวนทั้งก้านเพิ่มความหอมเช่นกัน และมีของดี แกงเขียวหวานเนื้อพริกขี้หนูสวนและโรตี (380 บาท++) ใช้เนื้อริบอายนิวซีแลนด์ กินกับโรตีกรอบๆ หนาเป็นชั้นๆ และมี แกงเขียวหวานไก่ (260 บาท++) อีกด้วยสำหรับคนไม่กินเนื้อ ปรากฏว่าอร่อยถูกใจยิ่งขึ้นไปอีก
ที่โรงรสมีเมนูข้าวน่าชิม เช่น ข้าวผัดสับปะรดศรีราชา (320 บาท++) ผัดกับผงกะหรี่และผงขมิ้น ใส่ลูกเกดดำและเหลือง โรยหน้าด้วยหมูหยอง เม็ดมะม่วงหิมพานต์ กับไข่ฝอย กินแล้วคิดถึงสมัยตอนเด็กๆ ตอนนั้นกำลังฮิตกันมาก ส่วนผู้ใหญ่ให้สั่ง ข้าวผัดสามเหม็น (260 บาท++) ข้าวหอมผัดกับกะปิ ใส่สะตอ ชะอม และกระเทียมดอง หอมฟุ้งไป
ทั้งปาก
ผัดผักที่เราสั่งมี กะหล่ำผัดน้ำปลาดี (220 บาท++) ใช้น้ำปลา 2 ชนิดผสมกันให้มีความหอมและรสชาติกลมกล่อม โรยด้วยปลาข้าวสารกรอบๆ และผัดผักหวานป่าใส่ไข่ (220 บาท++) รับมาจากเกษตรกรรายย่อยมีกินทั้งปี
นี่คือร้านที่มีครบเครื่องทั้งบรรยากาศและอาหารอร่อย ร้านโรงรสเปิดบริการทุกวัน ช่วงกลางวัน 11 โมงเช้าถึงบ่าย 3 โมง มื้อเย็น 5 โมงเย็นถึง 4 ทุ่ม ครัวปิด 3 ทุ่ม รีบจองล่วงหน้าแต่เนิ่นๆ ที่เบอร์ 09-6946-1785 นะจ๊ะ
ปิ่นโตเถาเล็ก
ข้อมูลร้าน โรงรส (Rongros)
โดย คุณนพปฎล (อู้) พหลโยธิน
ที่ตั้ง 392/16 ซ.เพ็ญพัฒน์ 1 ถ.มหาราช แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพฯ 10200
โทร 09-6946-1785
เปิดบริการ 11.00-15.00 น. และ 17.00-22.00 น. ทุกวัน
แนะนำ ไข่พะโล้ผัดแห้ง น้ำพริกโจร กะเพราเนื้อริบอายนิวซีแลนด์ ยำวุ้นเส้นโบราณ ทอดมันปลาตลาดเช้า ปลาแห้งแตงโมสิงห์บุรี ยำมังคุดกุ้งสด ไส้กรอกอีสานขาหมู หมูสับปลากุเลาตากใบ กุ้งทอดคั่วกระเทียม แกงรัญจวน ไข่เจียวกุ้งสับ เนื้อริบอายนิวซีแลนด์ย่างจิ้มแจ่วมะนาว ปลาราดพริกขี้หนูสวน แกงเขียวหวานเนื้อ/ไก่พริกขี้หนูสวนและโรตี ข้าวผัดสับปะรดศรีราชา ข้าวผัดสามเหม็น กะหล่ำผัดน้ำปลาดี ผัดผักหวานป่าใส่ไข่
