เริ่มต้นปีใหม่ รับปีระกา ด้วยเรื่งราวดีๆ ของคนรุ่นใหม่หัวใจงาม ที่ร่วมเป็นอาสาสมัครทำดีทั่วบริเวณท้องสนามหลวง เพื่ออำนวยความสะดวกต่างๆ ให้กับประชาชนที่เดินทางมาสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่มีต่อพระองค์
เริ่มที่ เค้ก-ชนาภา สุขวงศ์ อายุ 21 ปี นักเรียนพยาบาลกองทัพเรือ ชั้นปีที่ 4 ที่มาเป็นอาสาสมัครยืนแจกน้ำดื่ม ยาดม เล่าว่า มาเป็นครั้งที่ 2 ซึ่งเป็นหนึ่งในกิจกรรมที่นักเรียนนายร้อย 4 เหล่าทัพ และนักเรียนพยาบาล 4 เหล่าทัพ จะเวียนกันมาเป็นอาสาสมัครแจกน้ำดื่ม ยาดม ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ แม้จะเป็นกิจกรรมที่ต้องยืนตลอดเวลา ท่ามกลางอากาศร้อนเกือบตลอดทั้งวัน แต่ก็ไม่รู้สึกเหนื่อย และยังภาคภูมิใจที่ได้ช่วยเหลือประชาชน
“เป็นความตั้งใจของชีวิตว่าจากนี้จะทำความดีเพื่อส่วนรวม ถ้ามีโอกาสให้มาเป็นอาสาสมัครก็จะกลับมาอีก” เค้ก-ชนาภากล่าว
ยืนห่างกันไม่ไกล ต้น-อนุรัญช์ สุภาคีรีวัลย์ อายุ 19 ปี นักศึกษาวิชาทหารชั้นปีที่ 4 และนักศึกษาจากวิทยาลัยเทคโนโลยีการจัดการเพชรเกษม เขตหนองแขม กรุงเทพฯ จิตอาสาที่มาช่วยนักเรียนพยาบาลกองทัพเรือแจกน้ำดื่ม ยาดม เล่าว่า มาครั้งที่ 2 ครั้งนี้มาเพราะเป็นส่วนหนึ่งกิจกรรมรักษาดินแดน แต่ครั้งแรกเมื่อวันที่ 22 ตุลาคม มาในฐานะประชาชน จำได้ว่าวันนั้นมีการถ่ายเอ็มวีที่ท้องสนามหลวงทั้งช่วงกลางวันและกลางคืน ส่วนประชาชนก็มาที่ท้องสนามหลวงมากจนอยู่ในสภาพแออัด เมื่อเจอกับสภาพอากาศที่ร้อนจัด ทำให้หลายคนเป็นลม จึงเป็นจุดเริ่มต้นการเป็นจิตอาสาของตนตั้งแต่วันนั้นที่ช่วยคนเป็นลมไปเต็นท์พยาบาล จากปกติไม่เคยเป็นจิตอาสาอะไรมาก่อน
“มาทำตรงนี้ไม่ใช่พ่อแม่สั่งให้มา แต่เพราะสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณในหลวง ร.9 ที่ทรงทำเพื่อคนไทยมามาก เห็นได้จากโครงการพระราชดำริ 4,000 กว่าโครงการ มาทำตรงนี้ไม่คิดว่าจะได้อะไร ไม่คิดว่าจะได้บุญ ขอแค่ได้ช่วยเหลือเท่านั้น ซึ่งเป็นความชอบและภาคภูมิใจ ก็ยังคุยกับเพื่อนๆ ที่มาด้วยกัน วันหลังจะกลับมาเป็นจิตอาสาอีก” อนุรัญช์เล่า
เดินต่อไปไม่ไกล ตรงข้ามศาลหลักเมือง อาสายุวกาชาดปฐมพยาบาล สภากาชาดไทย กำลังยืนแจกยาดม ยาสามัญให้ประชาชนที่กำลังรอต่อแถวกราบสักการะพระบรมศพ นางสาวกฤษณา ใจเย็น ชั้น ม.4 โรงเรียนสายน้ำผึ้ง สุขุมวิท 22 กรุงเทพฯ เล่าว่า มาเป็นจิตอาสาครั้งที่ 2 หน้าที่คือ คอยเดินถามประชาชนรอบสนามหลวงว่าไม่สบายตรงไหน ป่วยตรงไหน แล้วให้ยาตามอาการ ซึ่งเรียนรู้จากการปฐมนิเทศกับสภากาชาดไทยก่อนมาทำหน้าที่ตรงนี้ รวมๆ ก็เหนื่อยนิดหน่อย แต่สนุก เพราะจริงๆ ก็ฝันอยากเป็นแพทย์อยู่แล้ว เรียนสายศิลป์-ภาษาญี่ปุ่น แต่ก็อยากเป็น
“รู้สึกภูมิใจและดีใจมากี่ได้มาทำตรงนี้ เพราะมีความฝันอยากทำงานช่วยเหลือคน หากสอบเป็นหมอไม่ได้ ก็จะไปเรียนด้านสังคมสงเคราะห์ เพื่อช่วยเหลือคนต่อไปอย่างไม่สิ้นสุด” นางสาวกฤษณาเล่าด้วยรอยยิ้ม
จริยาพร ไม้ค้าง อายุ 21 ปี นักศึกษาคณะครุศาสตร์ มรภ.บ้านสมเด็จเจ้าพระยา พร้อมด้วย ด.ญ.ณัฐธิดา หลักแหลม และด.ญ.วราภรณ์ ศรีวันชัย ชั้น ม.3 จากโรงเรียนเบญจมราชานุสรณ์ จ.นนทบุรี มาร่วมกันเป็นอาสาประชาสัมพันธ์ เดินอยู่ภายในบริเวณท้องสนามหลวง เล่าพร้อมกันว่า พวกเราคอยทำหน้าที่ให้ข้อมูลคนที่เดินผ่านไปมา เช่น ทางเข้าออกท้องสนามหลวง การแต่งกายเข้าในพระบรมมหาราชวัง จุดยืนเปลี่ยนชุด ป้ายรถเมล์
“สมัครใจมาเป็นอาสาสมัครเอง ทำตรงนี้ไม่ได้ผลตอบแทนอะไร รู้สึกภาคภูมิใจที่ได้ทำตัวเป็นประโยชน์ ทางบ้านก็รู้และยินดีด้วย” ทั้งสามกล่าว
และอีกอาสาสมัครที่ต้องชื่นชมมากๆ เพราะต้องเผชิญกับสภาพอากาศร้อน ความแออัด และโดยเฉพาะความสกปรกเกือบตลอดทั้งวันคือ อาสาสมัครแยกขยะ ซึ่งเป็นกลุ่มนักเรียนชั้น ม.3 จากโรงเรียนสารวิทยา เขตบางเขน กรุงเทพฯ ได้แก่ ด.ญ.สุนันฑา พวงศรี, ด.ญ.พิมแพร เทพศาสตรา, ด.ญ.เบญญาภา สุขสวัสดิ์ และด.ญ.พิมพ์ชนก สิงห์สถิตย์ เล่าพร้อมกันว่า เป็นกิจกรรมหนึ่งในวิชาบำเพ็ญจิตอาสาของโรงเรียนที่ให้นักเรียนเลือกว่าจะทำอะไรก็ได้ ซึ่งพวกเราเลือกมาทำกิจกรรมจิตอาสาที่นี่และเป็นครั้งที่ 2 แล้ว ครั้งแรกเดินแจกผ้าเย็น ครั้งนี้มาคัดแยกขยะซึ่งไม่เคยทำมาก่อน จากการทำหน้าที่ทำให้พบว่าท้องสนามหลวงแต่ละวันมีขยะที่เป็นเศษอาหารเหลือกินเยอะมาก รู้สึกเสียดายของ ก็อยากฝากให้กินอาหารที่ได้รับแจกให้หมด จากนี้ยิ่งทำให้รู้ค่าของอาหารยิ่งขึ้น
หลากกิจกรรมจิตอาสาจากคนรุ่นใหม่ ช่วยกันคนละไม้ละมือ ปรากฏภาพนักเรียนนักศึกษาต่างสถาบัน มาร่วมแรงร่วมใจโดยไม่ได้นัดหมาย
