ที่มา | มติชนรายวันหน้า 18 |
---|---|
เผยแพร่ |
ในทุกวันเด็กแห่งชาติของทุกปี แน่นอนว่าสิ่งที่ขาดไม่ได้ที่เด็กๆ หลายคนเฝ้าติดตาม คงไม่พ้น “คำขวัญวันเด็ก” ที่นายกรัฐมนตรี ผู้นำประเทศในแต่ละปีจะมอบให้เป็นแนวทางในการประพฤติปฏิบัติตนของอนาคตของชาติ แต่จะมีสักกี่คนที่เห็นความสำคัญและนำไปประยุกต์ใช้กับชีวิตจริงๆ
ด้วยเหตุนี้ เครือข่ายเยาวชน 4 ภูมิภาค จึงได้จัดเวทีเสวนา “ตีโจทย์คำขวัญวันเด็ก 60 เด็กไทยจะมีส่วนใส่ใจศึกษา พาชาติมั่นคง อย่างไร” ณ ห้องพัชราภา โรงแรมปรินซ์พาเลซ นำตัวแทนเด็กๆ แต่ละคนมาร่วมพูดคุยถึงมุมมองต่อคำขวัญวันเด็ก
ภายในงาน ศ.ดร.สมพงษ์ จิตระดับ อาจารย์ประจำคณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย วิเคราะห์คำขวัญวันเด็กนับแต่ปี 2499 ว่าคำขวัญวันเด็กของไทยแต่ละปีนั้น สะท้อนทัศนคติ ความคิด และความต้องการให้เด็กเป็นเช่นไร มากกว่าแนวทางและคุณลักษณะที่ควรเป็นของเด็กๆ เอง โดยเน้นเรื่องวินัยและการเรียนมากที่สุดที่ 18 ครั้ง แต่มีการเน้นเรื่องประชาธิปไตย และการมีส่วนร่วมของพลเมืองอยู่น้อยเพียง 4 ครั้ง การขาดเอกภาพเช่นนี้ทำให้ไทยไม่มีเป้าหมายการพัฒนาคุณลักษณะของเด็กที่ชัดเจน เด็กไม่เข้าใจสิ่งเหล่านี้จริงๆ ยากจะออกแบบนโยบายและกิจกรรมสำหรับเด็กได้ ผลคือเด็กขาดวินัย และคุณธรรมเช่นเดิม
สอดคล้องกับเสียงสะท้อนจากเยาวชนอย่าง ชมพูนุท มณีโชติ หรือเตย วัย 16 ปี กลุ่มพลังโจ๋ จาก จ.แพร่ ที่ออกจากโรงเรียนหลังจากจบชั้นม.3 เพราะรู้สึกว่าตัวเองไม่เหมาะกับการศึกษาในระบบ และแม้จะเป็นเด็กแว้น แต่ก็ใช้จุดนี้ทำงานอาสาสมัครสอนวัยรุ่นเรื่องเพศ มองว่า คำขวัญวันเด็ก ที่จริงแล้วก็เป็นเพียงคติ ตัวหนังสือ ที่เหมือนกับอยู่ในตำรา ไม่ได้เจาะจงเฉพาะเด็กคนไหน แต่เด็กจะจดจำได้ไหมต้องแล้วแต่เด็กแต่ละคนเอง ส่วนตัวไม่ได้จำและนำมาปรับใช้มากนัก เพราะที่จริงแล้วคำขวัญเหล่านี้ก็อยู่ในชีวิตประจำวันอยู่แล้ว ก็แค่ทำอย่างเดิมมากกว่า ที่อยากเห็นคือการให้โอกาสเด็กนอกระบบและไม่ซ้ำเติมเขาให้เขามีชีวิตที่ดี
“วัยนี้ต้องการความเข้าใจ และรู้ว่ามีวัยรุ่นที่แม้เรียนไม่เก่งแต่ก็มีประสบการณ์พร้อมถ่ายทอดให้คนอื่นรู้อีกมาก ขอเพียงมีโอกาส” ชมพูนุทเผย
ด้าน นรต.เกริกไกวัล รวบยอด วัย 19 ปี ชั้นปีที่ 2 โรงเรียนนายร้อยตำรวจ เผยว่า นับตั้งแต่เข้าโรงเรียนนายร้อยฯ ก็แทบไม่ได้สนใจในคำขวัญวันเด็กเพราะถูกสอนให้มีระเบียบวินัย รับผิดชอบ เลิกเป็นเด็กเช่นเดิม จึงทำให้ไม่ค่อยได้ติดตาม แต่ในชีวิตประจำวันคิดเสมอว่าการจะพาชาติให้มั่นคง คุณธรรมต้องนำความรู้ จึงได้ลุกขึ้นมาทำกิจกรรมอาสาสร้างเครือข่าย 4 เหล่าทัพกับนักศึกษามหาวิทยาลัยต่างๆ ปลุกจิตสำนึกของคนในสังคม
“สิ่งที่อยากเห็นคือการทำตนเป็นตัวอย่างที่ดีของผู้ใหญ่ เพราะตัวอย่างมีค่ามากกว่าคำสอน เด็กประพฤติตนตามการเลียนแบบผู้ใหญ่อยู่เสมอ ที่สำคัญคืออยากให้ผู้ใหญ่เข้าใจ เด็กเจนวายเป็นเด็กที่รับรู้ข่าวสารได้ง่ายและเร็ว ขี้สงสัย กลับกันเรามีความอดทนต่ำ ก็อยากให้ผู้ใหญ่เข้าใจ และมีคำตอบเป็นที่ปรึกษาที่ดีให้กับเด็กๆ” นรต.เกริกไกวัลกล่าว
อีกเสียงของเยาวชน