ที่มา | มติชนรายวันหน้า 18 |
---|---|
เผยแพร่ |
ประกาศผลกันไปเรียบร้อยแล้ว สำหรับสาวงามผู้ครองมงกุฎนางงามจักรวาล 2016 เป็นของ “อีริส มิตเตอร์แนร์” นางงามฝรั่งเศส ขณะที่รองอันดับ 1 ตกเป็นของ “ราเควล เปลิสไซร์” นางงามจากเฮติ และ รองอันดับ 2 ได้แก่ นางงามโคลอมเบีย “แอนเดรีย โควาร์” โดยจัดการประกวดรอบตัดสินขึ้นที่ มอล ออฟ เอเชีย มารีนา กรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ เมื่อช่วง 07.00 น. วันที่ 30 มกราคม ตามเวลาประเทศไทย
อีริส มิตเตอร์แนร์ มิสยูนิเวิร์สคนใหม่ เป็นชาวปารีสโดยกำเนิด ปัจจุบันกำลังศึกษาคณะทันตกรรมศัลยกรรมช่องปาก และคิดจะใช้ตำแหน่งมิสยูนิเวิร์ส ประชาสัมพันธ์ให้ผู้คนได้รู้จักดูแลรักษาสุขภาพฟัน และสุขอนามัยในช่องปาก
สำหรับขวัญใจชาวไทย น้ำตาล-ชลิตา ส่วนเสน่ห์ มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2016 ทำดีที่สุด โดยการผ่านเข้ารอบ 6 คนสุดท้าย ขณะที่รางวัลชุดประจำชาติยอดเยี่ยม ตกเป็นของประเทศพม่า กับชุดที่ได้แรงบันดาลใจจากหุ่นละคร ซึ่งมีน้ำหนักถึง 40 กิโลกรัม จุดเด่นอยู่ที่เธอนำเอาฉากขึ้นไปเชิดแสดงบนเวทีด้วยตัวเอง ที่เรียกเสียงฮือฮาให้กับคณะกรรมการทุกคน
การประกวดครั้งนี้ แม้จะไม่มีรางวัลติดไม้ติดมือมาฝากคนไทย แต่การเข้ารอบ 6 คนสุดท้าย ถือประวัติศาสตร์หน้าใหม่ในรอบ 28 ปี ของวงการขาอ่อนไทยที่สาวงามผู้เข้าประกวดผ่านเข้ารอบลึกที่สุดขนาดนี้ โดยเฉพาะในรอบตอบคำถาม 6 คนสุดท้ายที่พิธีกรถามว่า ผู้นำโลกคนไหนในอดีตหรือปัจจุบันที่คุณชื่นชอบหรือเคารพ เพราะอะไร
น้ำตาล-ชลิตา ตอบว่า “สำหรับคนนั้นก็คือ ในหลวงของดิฉัน ตั้งแต่ดิฉันเกิดมาก็เห็นพระองค์ทรงงานหนักมาตลอด ทรงไม่เคยบ่นแม้แต่น้อย และพระองค์ก็เปรียบเสมือนพ่อของทุกคนในประเทศไทย”
แม้ไม่ได้มงกฎจักรวาล แต่น้ำตาลก็ชนะใจคนไทยไปเต็มๆ
โดยตลอดการทำกิจกรรมเก็บตัวและการประกวดรอบพรีลิมฯ ที่ฟิลิปปินส์นั้น น้ำตาลมาได้ดีมามากทุกครั้ง จนได้รับความสนใจจากสื่อต่างประเทศมาทำข่าวเธอ และรูปของเธอก็ปรากฎลงหน้า 1 หนังสือพิมพ์หลายฉบับ รวมทั้งบนเว็บไซต์ต่างๆ ของสื่อต่างประเทศด้วย
ประเสริฐ เจิมจุติธรรม กูรูที่คร่ำหวอดในวงการนางงามมากว่า 30 ปี กล่าวถึงกระแสความแรงของน้ำตาล-ชลิตาว่า น้ำตาลเป็นนางงามหน้าใหม่ป้ายแดง ก่อนมาประกวดมิสยูนิเวิร์สไม่เคยประกวดอะไรมาเลย ไม่เคยออกงานอีเว้นท์ ไม่เคยเดินแบบ แต่พอมาประกวดปั๊บก็เป็นประวัติชีวิตของเธอที่ได้รับตำแหน่งมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ และการเป็นตัวแทนประเทศไทยไปประกวดมิสยูนิเวิร์สก็เป็นการแบกความหวังทั้งประเทศ ก็ถือเป็นเรื่องหนักหนาสาหัส แต่การพรีเซ็นต์บนเวทีของน้ำตาลทำให้เราลืมไปเลยว่าเป็นนางงามหน้าใหม่ แต่บ่งบอกถึงการเป็นนางมืออาชีพ ทำได้ดีเกินคาดบนเวทีทุกอย่างเลย
ถือเป็นครั้งแรกในรอบ 28-29 ปี ที่นางงามไทยได้มีโอกาสจับไมค์ เพราะจาก ปุ๋ย-ภรณ์ทิพย์ นาคหิรัญกนก นางงามจักรวาลคนที่ 2 ของไทย เมื่อปี 1988นางงามไทยไม่มีโอกาสได้จับไมค์อีกเลย นี่เป็นครั้งแรกที่เราได้ยินเสียงนางงามจากประเทศไทย ได้ยินคมความคิดจากนางงามไทย
“สำหรับการประกวดครั้งนี้ สิ่งหนึ่งที่เห็นคือน้ำตาลไม่ได้ถูกคัดเลือกใน 12 คนจากคณะกรรมการ แต่การผ่านเข้ารอบ 13 คน มาจากพลังการโหวตคนไทยทั้งประเทศเป็นความร่วมมือร่วมใจ คนทั่วไปมาช่วยกันโหวต และการไหลเข้ารอบไปเรื่อยๆ ก็เป็นการเข้ารอบด้วยตัวน้ำตาลเองล้วนๆ”
จากการประกวดครั้งนี้ ประเสิรฐ ทิ้งท้ายว่า การประกวดครั้งนี้ เป็นการแสดงให้เห็นความร่วมมือร่วมใจของคนไทยทุกคน ไม่ใช่เฉพาะแฟนนางงามเท่านั้น เป็นการประกวดที่ไม่ใช่ของคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งอีกต่อไปแล้ว
“น้ำตาลเป็นคนทำการประกวดกลับมาสู่ยุคเฟื่องฟูอีกครั้ง หลังจากที่เงียบเหงามานาน”