| ที่มา | หนังสือพิมพ์มติชน หน้า18 |
|---|---|
| เผยแพร่ |
สมัยนี้ใครๆ ก็อยากจะดูอ่อนเยาว์กว่าวัย ถ้าไม่ขนสารพัดครีมบำรุงผิวมาประโคม ก็อาจจะเดินเข้าร้านเสริมความงามฉีกโบท็อกซ์ ฟิลเลอร์ แต่สำหรับ ครูเอก-พงศ์พิพัฒน์ เกียรติประพิณ เจ้าของฉายา “เจ้าชายโยคะเมืองไทย” แห่ง โยคะ แอนด์ มี
ด้วยวัยที่เฉียดเลข 4 แต่ใบหน้ายังดูอ่อนกว่าวัย ไม่รู้ว่าเคยจัดโบท็อกซ์ ฟิลเลอร์ หรือสารพัดทรีตเมนท์มาบ้างหรือเปล่า แต่ทว่าผิดคาด เพราะครูเอกยืนยันว่าหน้าเด้งขนาดนี้ ไม่มีเคมีใดๆ ได้สัมผัส นอกจากเทคนิค “โยคะหน้าใส” การกินที่ดีต่อร่างกาย และสุขภาพจิตใจที่คิดบวก
ครูเอกเผยว่า วิธีการดูแลตัวเองในแบบฉบับของตัวเอง เรื่องแรกที่พยายามมากที่สุด คือ อาหารการกิน สมัยเด็กคือชอบกิน “ข้าวกับหมูสับ” แต่พอมาเริ่มสังเกตดูว่า ทำไมแม่ชอบกินผักต้ม ชอบกินผักสด ต้องมีผักอยู่ในข้าวตลอด นั่นเป็นจุดเปลี่ยนแรก ที่ติดเป็นนิสัยว่า ในทุกวันจะต้องมีผักในมื้ออาหาร ถ้ามื้อเช้าไม่ค่อยได้กิน ก็ต้องกินมื้อกลางวันหรือมื้อเย็น
“พอโตมามากขึ้นก็เริ่มสนใจตัวเอง เริ่มกินผักหลายๆ สีให้ได้ในหนึ่งวัน เช่น สีแดง ก็จะกินบีทรูท, แครอต สีม่วง ก็พวกกะหล่ำปลีม่วง มะเขือม่วง ส่วนข้าวก็เริ่มปรับเปลี่ยนมาก็เริ่มกินข้าวกล้อง เพราะรู้ว่าข้าวกล้องมีประโยชน์ กินธัญพืชเยอะๆ กินถั่วทุกชนิด หลากหลาย อันนี้คือสิ่งที่เริ่มทำกับตัวเอง ประกอบกับที่บ้านทำอาหารกินเอง อย่างมะพร้าวก็ซื้อมาขูดเอง คั้นเอง ขนมที่ที่บ้านชอบทำก็คือ ขนมธัญพืช กล้วยบวชชี ถั่วเขียวต้มน้ำตาล ที่สมัยนี้ถ้าพูดไปก็จะพูดว่า “เห้ย… กินอะไรแก่จัง” แต่พอหลังๆ เทรนด์ใส่ใจเรื่องสุขภาพ อีทคลีน (Eat Clean) ที่คนส่วนมากให้ความสำคัญกัน กลายเป็นว่าเป็นสิ่งง่ายเพราะเราก็จะกินแบบนี้มาตลอด คำว่า “คลีน” โดยส่วนตัวหมายถึงว่า ปรุงแต่งน้อย สด ใหม่ ใช้อาหารที่หาง่ายๆ เลี่ยงการปรุงแต่ง เลี่ยงสารเคมี”
นอกจากนั้น คือ “ไม่เครียด” ด้วยงานเป็นครูโยคะ อาชีพก็ไม่ได้เร่งรัดตัวมาก
“สมัยก่อนเคยทำงานออฟฟิศ เวลาเครียดๆ สิ่งที่ต้องแก้คือ พยายามให้ตัวเองอยู่นิ่งๆ และก็หายใจเบาๆ ช้าๆ บางเรื่องที่เรารู้ว่าถ้าเจอ เราจะหงุดหงิด เราก็จะเลี่ยงบ้าง แต่ไม่ใช่การหนีปัญหา เพราะสุดท้ายเราก็ต้องเจอ แต่เวลาที่เราจะเจอ เราจะตั้งสติกับมันไหม และก็หัดมองในหลายๆ มุม ฝึกไม่เอาตัวเองเป็นที่ตั้ง”
อีกวิธีเมื่อเจอความเครียดคือ การออกกำลังกาย
“สารความสุขมันหลั่ง มันจะรู้สึกแฮปปี้ มีความสุข จุดเริ่มต้นคือ ออกเพื่อให้ร่างกายสดชื่น ร่างกายแข็งแรง หัวสมองโล่งโปร่ง เหงื่อออกแล้วมันสบายตัว”
แต่พอมาเจอโยคะ มันไม่ใช่แค่การออกกำลังกาย เพราะกลายเป็นว่า ลึกๆ จริงๆ แล้วคำว่า โยคะ ช่วยในเรื่องของความสงบด้วย แล้วการที่ฝึกโยคะมาตลอด 14-15 ปี ทำให้ “แอบ” มีสติไม่รู้ตัว
“ต้องใช้คำว่าแอบ” ครูเอกเผย
“เพราะว่ามันไม่รู้ตัวจริงๆ ว่ามันมาเมื่อไหร่ ถ้าคุณไม่ได้ฝึกเอง คุณก็จะไม่รู้ เมื่อไรที่เราฝึกอยู่เรื่อยๆ มันเหมือนกับเป็นวิชาที่แกร่งกล้า กล้าแข็งขึ้น เพราะฉะนั้น ตลอดที่ฝึกโยคะมา มันทำให้ได้นำไปใช้กับชีวิตประจำวันได้ง่ายขึ้นโดยไม่รู้ตัว เพราะเวลาฝึกโยคะมันต้องเข้าใจตัวเอง เข้าใจร่างกายของตัวเองรอบด้านทั้งหมด และเราก็จะเป็นคนที่มองอะไรละเอียดขึ้น ซึ่งมีหลายท่าที่บางท่าทำแล้วยิ่งสงบ อยู่กับท่าสักระยะนึง จะทำให้ร่างกายสงบ หัวใจทำงานสบายขึ้น”
ประโยชน์อีกอย่าง คือ “รู้สึกว่า อาจจะช่วยทำให้มีความอ่อนเยาว์”
“คำว่า อ่อนวัย อ่อนเยาว์ มันไม่ได้หมายความว่าแค่หน้าเด็ก หรือผิวพรรณเท่านั้น มันหมายถึงความสดชื่นทางจิตใจ และไม่หดหู่ ความอ่อนเยาว์ที่ได้มาทั้งหมดจากโยคะ คือความกระฉับกระเฉง ขยับร่างกาย ยังออกกำลังกายได้โดยที่ไม่มีปัญหากับร่างกาย ยังมีความรวดเร็วอยู่ และส่งผลถึงความสดใส ระบบภายในที่ดี เลยส่งผลออกมาที่ผิว ที่หน้า เพราะต้องบอกก่อนเลยว่า ไม่เคยฉีดโบท็อกซ์หรือทำเลเซอร์ใดๆ ไม่มีเลย!”
และนี่คือ 6 ท่าที่ครูเอกฝากมา ทำควบคู่กับการรับประทานอาหารและการบริหารความเครียดที่ดี
1.ท่าสุนัขยืดลง (Downward-Facing Dog) 2.ยืนแยกขาก้มตัวไปข้างหน้า (Wide Angle Standing Forward Bend) 3.ยืนด้วยไหล่ (Supported Shoulder Stand) 4.ยืนด้วยศีรษะ (Headstand) 5.ท่ายืนก้มตัว (Standing Forward Bend) 6.ท่ายืนด้วยมือ (Handstand)
เพียงเท่านี้ ทั้งสุขภาพกายและสุขภายใจก็จะแข็งแรง ลุคยัง (Look Young) อยู่ตลอดเวลา ไม่ต้องพึ่งพาหมอไหนๆ เลย
