ที่มา | มติชนรายวันหน้า 23 |
---|---|
เผยแพร่ |
ในโอกาสเดือนแห่งความรัก หลายหน่วยงานจัดกิจกรรมรณรงค์เกี่ยวกับความรักเชิงบวกมากมาย ที่นี่ก็เช่นกัน ในงานรณรงค์เนื่องในโอกาสวันวาเลนไทน์ 2559 ตอน “อย่าให้รักกลายเป็นร้าย” จัดโดยมูลนิธิหญิงชายก้าวไกลร่วมกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ สำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า และภาคีเครือข่าย ณ โรงแรมเอบิน่าเฮาส์ กรุงเทพฯ
ภายในงานมีจัดเสวนาหัวข้อ “อย่าให้รักกลายเป็นร้าย” นำเสนอบทเรียนตัวอย่างจาก “คนรักสู่คนร้าย” รักนี้เจ็บปวดอย่างไร
นางสาวเอ (นามสมมุติ) อายุ 19 ปี แม่วัยรุ่นผู้ถูกกระทำความรุนแรงจากคนรักเล่าว่า ตนเริ่มคบกับแฟนคนนี้ซึ่งเป็นรักครั้งแรกตั้งแต่สมัยเรียนที่วิทยาลัยเทคนิคแห่งหนึ่ง แฟนเป็นรุ่นพี่สถาบันเดียวกันอยู่ระดับประกาศนียบัตรชั้นสูง (ปวส.) ช่วงก่อนคบหาฝ่ายชายปฏิบัติตัวดีมาตลอด อดทนพิสูจน์ตัวเองจนฝ่าด่านเพื่อนๆ มาได้ จนเราเห็นความพยายามจึงเริ่มเปิดใจและคบหาจริงจัง จนยอมมีเพศสัมพันธ์ เพราะฝ่ายชายมีงานทำและดูมีอนาคต
“จากนั้นเขาก็เริ่มหึงมากขึ้น กระทั่งเพื่อนๆ ที่ส่วนใหญ่เป็นผู้ชายก็ไม่ค่อยอยากให้ไปสุงสิง หึงหนักเข้าจนลงมือทำร้าย แต่ก็ทนเพราะรัก”
นางสาวเอเล่าอีกว่า ความรุนแรงขยายตัวขึ้นเมื่อฝ่ายชายกินใบกระท่อม จึงพยายามตัดใจขอให้เลิกคบหาหลายครั้ง แต่ฝ่ายชายก็ไม่ยอมและทำร้าย จนครั้งหนึ่งที่ถูกทำร้ายหนักต้องขอให้เขาพาไปโรงพยาบาล ก็กลับตรวจพบว่าตั้งครรภ์แล้ว
“หลังจากที่แฟนทราบว่ามีลูกด้วยกัน เขาเริ่มปรับเปลี่ยนตัวเองและดีมาเรื่อยๆ แต่สุดท้ายก็กลับไปวนเวียนกินใบกระท่อม ทำให้กลับมามีพฤติกรรมเหมือนเดิม ทำร้ายเราทั้งๆ ที่ท้อง เช่น ผลักให้โดนรถชน ผลักตกสระบัว หลายเหตุการณ์ทำให้มั่นใจว่าฝ่ายชายไม่ได้รักจริง สุดท้ายตัดสินใจตัดขาดความสัมพันธ์ ยอมเลี้ยงลูกเพียงลำพัง”
นางสาวเอทิ้งท้ายว่า ฝากถึงผู้หญิงทุกคนโดยเฉพาะวัยรุ่นว่าให้รักอย่างมีสติ ความรักเป็นสิ่งสวยงาม หากมีการทำร้ายร่างกายเข้ามา มันไม่ใช่ความรัก ขณะเดียวกันอยากฝากไปยังคนในสังคมอย่าซ้ำเติมคนที่พลาด อยากเปลี่ยนเป็นให้กำลังใจกันจะดีกว่ามาก เพราะอย่างดิฉันโชคดีที่มีคนรอบข้างให้กำลังใจ ซึ่งกว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ลำบากมาก
ด้านนางสาวอังคณา อินทสา หัวหน้าฝ่ายส่งเสริมความเสมอภาคระหว่างเพศ มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล กล่าวว่า สิ่งที่จะป้องกันความรุนแรงในคู่รักวัยรุ่นได้คือเราต้องนิยามวันวาเลนไทน์แบบใหม่ เปลี่ยนความรักที่ไม่ได้มีเพียงรักของหนุ่มสาว ให้เป็นรักตนเอง รักคนรอบข้าง รักคนในครอบครัว ส่วนเมื่อถูกคนรักกระทำความรุนแรง อย่างแรกคือตั้งสติ อย่าใช้อารมณ์ พยายามไม่ตอบโต้กลับด้วยความรุนแรง และพาตนเองออกมาจากพื้นที่ตรงนั้น ทั้งนี้ เรื่องแบบนี้ไม่ควรเก็บไว้ลำพัง ต้องปรึกษาคนอื่นๆ โดยเฉพาะครอบครัว ขณะที่ครอบครัวเองต้องรับฟัง ให้กำลังใจ และช่วยแก้ปัญหา ไม่ใช่ใช้ความรุนแรงซ้ำกลับไป เรื่องนี้คิดว่าต้องสอนกันตั้งแต่เด็กถึงการเคารพสิทธิเนื้อตัวร่างกายกัน ไม่ฉวยโอกาส รู้จักปฏิเสธ และป้องกันตัวเอง
รักดีๆ มีมากมาย