ผู้เชี่ยวชาญเชื่ออีก30ปี หุ่นจะทำงานแทนมนุษย์

ภาพ-Humanrobo -CC BY-SA 3.0

ศาสตราจารย์โมเช วาร์ดี นักวิชาการด้านวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ จากมหาวิทยาลัยไรซ์ ในสหรัฐอเมริกา กล่าวต่อที่ประชุมประจำปีของสมาคมอเมริกันเพื่อวิทยาศาสตร์ก้าวหน้า (เอเอเอเอส) ในกรุงวอชิงตันเมื่อเร็วๆ นี้ แสดงความเชื่อมั่นว่า หุ่นยนต์จะเข้ามาทำงานแทนที่มนุษย์ในงานแทบทุกอย่างได้ภายใน 30 ปีข้างหน้า พร้อมตั้งคำถามสำคัญต่อมนุษยชาติว่า ถ้าเป็นเช่นนั้นแล้วมนุษย์จะไปทำอะไร?

ศาสตราจารย์ผู้นี้ชี้ให้เห็นว่า หุ่นยนต์สามารถเข้าทำหน้าที่ในตำแหน่งงานต่างๆ แทนคนเราได้มากขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่เภสัชกร ผู้คุมนักโทษในเรือนจำ ทำหน้าที่เลาะกระดูกไก่ชำแหละ เป็นบาร์เทนเดอร์ ศาสตราจารย์วาร์ดีชี้ว่า ด้วยเทคโนโลยีด้านหุ่นยนต์และปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) เท่าที่มีอยู่ในเวลานี้ หุ่นยนต์สามารถทำงานแทนมนุษย์และทำได้เหนือกว่าหลายอย่างแล้ว ในขณะที่ระดับความก้าวหน้าของเทคโนโลยีเอไอยิ่งเพิ่มความเร็วมากขึ้นเรื่อยๆ

ตัวอย่างของหุ่นยนต์ที่เข้ามาทำหน้าที่แทนคนในระยะหลังอาทิ “นาดีน” หุ่นยนต์เหมือนมนุษย์ (ฮิวมานอยด์) มากที่สุดเท่าที่เคยมีการสร้างกันขึ้น เข้าไปทำหน้าที่เป็นรีเซปชั่นให้กับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีนานยางในสิงคโปร์ซึ่งเป็นผู้พัฒนา “นาดีน” ไม่เพียงมีผิวหนังนุ่ม ผมยาวสลวย เท่านั้นยังสามารถต้อนรับ ยิ้มและประสานสายตารวมทั้งจับมือกับแขกที่มาเยือน นอกจากนั้นยังจดจำแขกที่เคยมาได้อย่างแม่นยำ และเป็นผู้ริเริ่มการสนทนาที่อยู่บนพื้นฐานของการพูดคุยกันก่อนหน้าได้อีกด้วย

หรือในกรณีของบริษัทผู้ผลิตเครื่องบินรายใหญ่ 1 ใน 2 ของโลกอย่างแอร์บัส ที่กำลังพัฒนาหุ่นยนต์ฮิวมานอยด์ สำหรับทำหน้าที่ในกระบวนการผลิตเครื่องบินร่วมกับห้องปฏิบัติการจอยนท์ โรโบติค ของมหาวิทยาลัยแฟรงก์เฟิร์ตประเทศเยอรมนี โดยทางแอร์บัสชี้แจงว่า หุ่นยนต์ดังกล่าวพัฒนาขึ้นมาเพราะต้องการนำเอาแรงงานคนออกจากงานที่หนักหน่วงกินแรงและอันตราย ให้มาทำหน้าที่ในงานซึ่ง “มีมูลค่าสูง” แทน หุ่นดังกล่าวนี้สามารถไต่บันได คลานเข้าไปในช่องแคบๆ ได้ โดยกำหนดจะเข้ามาทำงานแทนคนใน 4-5 ปีข้างหน้านี้

Advertisement

ศาสตราจารย์วาร์ดีอ้างว่า การที่หุ่นยนต์ก้าวเข้ามาทดแทนการทำงานของมนุษย์นั้นอาจส่งผลให้อัตราการว่างงานเพิ่มสูงขึ้นกว่า 50 เปอร์เซ็นต์

“เรากำลังเข้าสู่ยุคซึ่งเครื่องจักรกำลังจะมีขีดความสามารถในการทำงานในแทบจะทุกๆ อย่างได้เหนือกว่ามนุษย์” ศาสตราจารย์วาร์ดีระบุ พร้อมกับตั้งคำถามว่า ถ้างานแทบทุกอย่างตกอยู่ในมือของหุ่นยนต์แล้วมนุษย์จะไปทำอะไร?

“คำตอบทั่วๆ ไปก็คือ คนเราก็จะมีเวลาว่างเป็นอิสระมากขึ้นสำหรับการทำกิจกรรมสันทนาการทั้งหลาย แต่ผมคิดว่านั่นไม่ใช่อนาคตที่ดีนัก ผมไม่เชื่อว่าชีวิตที่มีแต่เวลาว่างสำหรับพักผ่อนหย่อนใจเป็นเรื่องชวนเย้ายวนใจแต่อย่างใด ผมเชื่อว่าการทำงานเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับความเป็นอยู่ที่ดีของคนเรา” ศาสตราจารย์วาร์ดีกล่าว โดยเสริมว่า หากเป็นเช่นนั้นไปก็เท่ากับว่าชีวิตของมนุษย์จะหมดความหมาย มีแต่ความว่างเปล่า ไม่มีความสำเร็จให้ยินดี ไม่มีความล้มเหลวให้เสียใจ เสียดายอีกต่อไป

Advertisement

ศาสตราจารย์วาร์ดีกล่าวว่า นี่เป็นความท้าทายครั้งใหญ่ของมนุษยชาติที่จำเป็นต้องรับมือเสียตั้งแต่ตอนนี้ ก่อนที่มนุษย์จะกลายเป็นสิ่ง “ล้าสมัย”

“คำถามที่ผมอยากถามต่อที่ประชุมนี้ก็คือ เทคโนโลยีที่เราพัฒนาขึ้นมานั้น ถึงที่สุดแล้วเป็นประโยชน์ต่อมนุษยชาติจริงหรือ?” ศาสตราจารย์วาร์ดีกล่าวในที่สุด

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image