มาดามแป้ง ชีวิตไม่โรยด้วยกลีบกุหลาบ

“จู่ๆ แป้งก็คิดขึ้นมาว่า เราเป็นผู้หญิงวัยกลางคนที่ผ่านเรื่องราวมากมายเหลือเกิน ชีวิตแป้งไม่ได้ง่ายเลย ไม่กล้าบังอาจเทียบกับใคร แต่บอกได้ว่า ชีวิตของนวลพรรณไม่ง่ายจริงๆ แป้งผ่านทั้งความสุข ความเศร้า เสียใจ หรือแม้แต่คำดูถูก แต่แป้งเลือกจะไม่ยอมแพ้ และฝ่าฟันมาได้สำเร็จ ถึงแม้จุดจบของบางเรื่องอาจไม่สวยงาม”

ข้อความบนปกหลังของหนังสือ มาดามแป้ง-นวลพรรณ ล่ำซำ ที่มีธีมของหนังสือว่า “ชีวิตไม่เคยโรยด้วยกลีบกุหลาบ” ดูจะเป็นคำพูดที่นวลพรรณ ล่ำซำ เลือกจำกัดความชีวิตของเธอในวัย 51 ปี หรือที่เธอเรียกตัวเองว่า “วัยกลางคน” ได้อย่างดีที่สุด

เพราะแม้ภาพของ “มาดามแป้ง” จะดูเป็นเวิร์กกิ้ง วูแมน ที่ประสบความสำเร็จทุกภาค ทั้งกรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ผู้นำเข้าสินค้าแบรนด์เนมชั้นนำ ประธานสโมสรการท่าเรือเอฟซี และผู้จัดการทีมฟุตบอลหญิงทีมชาติไทย ที่ทุกหน้าที่ไม่เพียงแต่ประสบความสำเร็จ แต่ยังทำให้เธอกลายเป็นที่รัก และขวัญใจของคนไทยอีกด้วย แต่ใครจะรู้ว่ากว่าจะประสบความสำเร็จเช่นทุกวันนี้ เธอต้องเจอกับอุปสรรคนานัปการไม่น้อยกว่าใคร จนอยากให้คนทั่วไปได้รู้จักกับชีวิตของเธอทุกซอกมุม

“แป้งเป็นคนชอบอ่านหนังสือและก็คิดว่า อายุเราขนาดนี้แล้ว ผ่านเรื่องราวมาเยอะ หากมีหนังสือเล่มหนึ่งที่บอกเล่าเรื่องของเราไว้เป็นที่ระลึกก็คงจะดี บวกกับเรื่องราวของแป้ง ประสบการณ์ต่างๆ ทำให้เราก้าวเดินได้มั่นคงขึ้น จึงหวังว่าผู้อ่านจะได้ประโยชน์จากเรื่องราวของแป้งไปปรับใช้ได้ จึงได้ออกหนังสือเล่มนี้ เพื่อเป็นกำลังใจให้กับคนที่หมดกำลังใจ แม้ใจจริงจะไม่คิดว่าเราสำคัญขนาดจะมีหนังสือได้”

Advertisement

นวลพรรณเผยว่า หนังสือเล่มนี้ บอกเล่าเรื่องราวชีวิตตั้งแต่ยังเป็น ด.ญ.นวลพรรณ ที่กว่าจะมีเธอเช่นนี้ คุณพ่อโพธิพงษ์และคุณแม่ยุพาต้องถึงกับบนบานศาลกล่าวมาแล้ว รวมถึงชีวิตวัยเด็กที่เรียกว่า “ติดแม่มาก” และแสบที่สุดในบ้าน รวมไปถึงชีวิตวัยเรียนในรั้วโรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย ไปจนถึงบัญชี จุฬาฯ และบอสตัน ที่เธอแง้มเล่าถึงเรื่องราวความฮอตสมัยเรียนปริญญาตรีว่าถึงขนาดมีคนมาเขียนในลิฟต์ว่า “รักแป้งมาก” มาแล้ว รวมไปถึงเกรดเฉลี่ยของสาวสวยคนนี้ที่เธอยอมรับไว้เลยว่า “เรียนไม่เก่งและแอบทำผิดกฎหลายครั้ง”

 

Advertisement

 

ก่อนจะเล่าเรื่องราวแวดวงธุรกิจ การเมือง และกีฬา ที่ต้องเจอกับเรื่องโหดหินไม่น้อย

“ก่อนจะมาเป็นมาดามแป้ง หลายคนเคยเรียกแป้งว่าเจ้าแม่แบรนด์เนม เพราะนำเข้าแบรนด์ชั้นนำมากมาย เริ่มจากแอร์เมส ประตูบานแรกสายแฟชั่น ที่ต้องรอเวลากว่า 1 ปีหลังจากส่งจดหมายไปให้กว่าจะได้สัมภาษณ์และพูดคุยจนได้สิทธิมา ตอนที่ช็อปในประเทศไทยเปิดปี 2540 ธุรกิจแบรนด์เนมแรกคงจะล้มไปแล้ว ถ้าฝรั่งไม่บอกให้แป้งซื้อประกันค่าเงินไว้ เพราะหลังวิกฤตต้มยำกุ้ง เราคงต้องจ่ายเพิ่มเป็นเท่าตัวแน่ๆ

“กับงานบริษัทประกันเช่นทุกวันนี้ ต้องเจอกับวิกฤตใหญ่ๆ อย่างน้อย 3 ครั้ง ทั้งสึนามิ ความขัดแย้งทางการเมืองปี 2553 และอุทกภัยปี 2554 รวมไปถึงช่วงที่โดนบริษัทประกันภัยที่รับช่วงต่อเบี้ยวหนี้อีก ต้องบินไปทวงหนี้ถึงมาเลเซีย และฝรั่งเศส ด้วยตัวเอง แม้จะไม่สำเร็จแต่ก็ทำให้เป็นบทเรียนชีวิตที่ดี”

เช่นเดียวกับเรื่องสุขภาพที่โหดร้ายกับ “มาดามแป้ง” ไม่แพ้กัน

“เมื่อวัยเบญจเพส อยู่ๆ ตื่นขึ้นมาตาข้างซ้ายเกิดเป็นฝ้า แดง ตกใจมากจึงไปหาคุณอาหมอ พบว่าเป็นโรคม่านตาอักเสบ ซึ่งคนที่เป็นมักไม่หายขาดแต่สูญเสียการมองเห็นไปเลย ตอนนั้นทุกข์ใจมาก นอนร้องไห้ตลอดเวลา น้ำหนักลดลงเรื่อยๆ

“จนวันหนึ่งคุณพ่อมาบอกเราว่า แป้ง ถึงแม้ว่าตาลูกจะบอดไป ก็ไม่เป็นไร It”s not the end of the world” มันไม่ใช่ว่าโลกจะแตก ลูกยังมีตาข้างขวาอยู่ แม้จะร้องไห้ แต่ก็คำพูดนั้นได้สอนให้เราคิดบวก ว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรต้องฝ่าฟันไปให้ได้ จนรักษาอยู่ 2 ปีครึ่งทั้งไทยและอเมริกา กลับมาอยู่ๆ ก็ได้ไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เคารพมาก หลังจากนั้นตาที่เป็นมาสองปีครึ่ง ก็หายขาด ตั้งแต่ปี 2533 เป็นต้นมาก็ทำบุญกับมูลนิธิช่วยคนตาบอดฯมาตลอด เพราะรู้ว่าคนที่จะอยู่ในโลกมืดมีความรู้สึกอย่างไร

“นั่นทำให้คำถามที่หลายคนที่ถามว่าแป้งมีวันนี้ได้อย่างไร คำตอบก็คือ เพราะคุณพ่อ และคุณแม่ หล่อหลอมให้แป้งเป็นนวลพรรณ ล่ำซำ ได้อย่างวันนี้นั่นเอง”

ครบทุกรส “มาดามแป้ง”

 

คุณพ่อโพธิพงษ์-คุณแม่ยุพา ล่ำซำ และลูกสาวปราง-นวลวรรณ พรรณเชษฐ์
พ.ต.อ.ดร.ณรัชต์ เศวตนันทน์, มาดามแป้ง-นวลพรรณ,

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image