คอลัมน์ Taste Test : หัวเว่ย เมท9 สมาร์ทโฟนหรู คู่ไลก้า

หัวเว่ย เมท9 เปิดตัวกันไป เมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา แต่ก็ยังเป็นสมาร์ทโฟนตัวหนึ่งที่หลายคนอยากได้มาครอบครอง ในวันที่หัวเว่ย เปิดตัว “พี10” และ “พี10พลัส” แล้วก็ตาม

หัวเว่ย เมท9 มีหน้าจอขนาด 5.9 นิ้ว เป็นหน้าจอ IPS LCD ความละเอียดระดับ Full HD 1080p การออกแบบดูอาจจะไม่ค่อยแตกต่างไปจากรุ่นก่อนเท่าไหร่ แต่ยังคงความเรียบหรูดูดีมีสไตล์ตามแบบฉบับของซีรีส์ “เมท” อยู่ ด้วยขอบเครื่องที่ใช้วัสดุเป็นโลหะ และด้านหลังเครื่องก็เป็นโลหะทั้งหมด

แต่จุดเด่นของสมาร์ทโฟนรุ่นเรือธงของหัวเว่ยตอนนี้ คงหนีไม่พ้นเรื่องของ “กล้อง” ที่รุ่น เมท9 นี้ มาพร้อมกับกล้องหลังที่เป็นเลนส์คู่ ไลก้า รุ่นที่ 2 ซึ่งได้รับการพัฒนาต่อมาจากรุ่น พี9 และ พี9พลัส ซึ่งกล้องคู่ที่ใช้ ก็ยังคงเหมือนเดิม คือ กล้องหนึ่งทำหน้าที่เป็นกล้องสำหรับรับภาพขาว-ดำ (โมโนโครม) ซึ่งมีความละเอียดอยู่ที่ 20 ล้านพิกเซล ขณะที่เลนส์อีกตัว ทำหน้าที่รับภาพสี ที่มีความละเอียดสูงสุดที่ 12 ล้านพิกเซล

ด้วยความที่มีเลนส์รับสีขาว-ดำ และรับสี แยกออกจากกัน ทำให้ภาพที่ได้มีความละเอียดในการไล่สีมากขึ้น ไม่ต้องพูดถึงเรื่องการถ่ายภาพขาว-ดำ ที่ยังคงให้ความคลาสสิก และไล่สีดำได้อย่างเนียนสวย ขณะที่ภาพสี ก็ได้ภาพที่มีความละเอียดของสีที่ดีขึ้น ยิ่งถ้าเล่นโหมดโปรแล้ว ก็จะทำให้เราสามารถกลายเป็นช่างภาพมือโปรได้อย่างง่ายๆ เพราะสามารถปรับตั้งค่าต่างๆได้เหมือนกับกล้องโปร

Advertisement

ละเอียดชนิดที่เรียกว่า สามารถซูมกล้องแล้วถ่ายภาพพระจันทร์ จนเห็น “กระต่าย” บนดวงจันทร์ได้อย่างน่าทึ่ง จากที่ไม่เคยคาดคิดว่า กล้องจากสมาร์ทโฟนจะทำได้ เพราะเคยถ่ายพระจันทร์ก็ได้แต่รูปจุดกลมๆ แต่หัวเว่ย เมท9 ทำให้คุณได้เห็นรายละเอียดของดวงจันทร์ที่มากขึ้น แม้จะซูมกล้องเข้าไปอย่างไกลมากก็ตาม
เป็นอีกหนึ่งความทึ่งจากการได้ลองกล้องของเมท9 นอกเหนือไปจากฟีเจอร์ หน้าชัดหลังเบลอ หรือหน้าเบลอหลังชัด ที่มีมาให้ได้เล่นกัน ส่วนวิดีโอ ให้ความละเอียดสูงสุดระดับ 4K เลยทีเดียว

ส่วนแฟลชที่ให้มา ก็เป็นแฟลชที่เป็นดูอัล แอลอีดี แบบทูโทน ทำให้ภาพที่ได้จากการใช้แฟลชนั้น มีความนุ่มนวลมากขึ้นกว่าแฟลชธรรมดาทั่วไป

สำหรับการสแกนลายนิ้วมือนั้น ก็มีการปรับทำให้การสแกนลายนิ้วมือเป็นไปได้อย่างรวดเร็วมากขึ้นกว่ารุ่นก่อนถึง 20 เปอร์เซ็นต์เวลาที่หน้าจอเครื่องล็อกไป เราก็เพียงแค่แตะนิ้วที่ตั้งลายนิ้วมือเอาไว้เพื่อปลดล็อกหน้าจอ เท่านี้ก็เรียบร้อย และเราสามารถสแกนนิ้วมือเก็บไว้ได้หลายนิ้วตามความถนัด

Advertisement

ขณะที่ช่องยูเอสบีที่ใช้เป็น “ยูเอสบี ไทป์ซี” ส่วนแบตเตอรี่มีความจุถึง 4,000 มิลลิแอมป์ และด้วยเทคโนโลยีประหยัดพลังงานอัจฉริยะ ทำให้สามารถใช้งานได้ 2 วันเต็มๆแบบสบายๆ ในส่วนของอแดปเตอร์นั้น ให้มาแบบชาร์จไฟเร็วด้วยเทคโนโลยี Huawei SuperCharge ที่ทำให้การชาร์จไฟเพียงแค่ 20 นาที ก็เพียงพอต่อการใช้งานประมาณ 1 วันเต็ม

ในส่วนของสเปคในเครื่องนั้น แรมให้มา 4GB และ รอม 64 GB สามารถเพิ่มไมโครเอสดีได้ แต่เงื่อนไขอยู่ที่ว่า ถาดที่ให้มานั้น จะมีอยู่ถาดเดียว แต่จะมี 2 ช่อง ช่องแรกเอาไว้ใส่นาโนซิม ที่รองรับ 4G/3G/2G และอีกช่อง ต้องเลือกว่า จะใส่ซิม หรือจะใส่ไมโครเอสดี ถ้าใส่ซิม ก็จะรองรับ 2G/3G แต่ถ้าใส่ไมโครเอสดี ก็จะรองรับความจุสูงสุดที่ 256GB

โดยรวม เป็นสมาร์ทโฟนที่น่าใช้ และเหมาะสำหรับคนรักการถ่ายภาพอย่างมาก ราคาก็จะอยู่ที่ประมาณสองหมื่นกว่าบาท

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image