สสส.ชี้คนไทยหลายช่วงวัยไม่ใส่ใจสุขภาพ ติดกินหวานแต่เด็ก โรครุมเร้าตอนแก่

เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ราชประสงค์ กรุงเทพฯ ดร.ณัฐพันธุ์ ศุภกา ผู้อำนวยการสำนักภาคีสัมพันธ์และวิเทศสัมพันธ์ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวเสวนาจับตาพฤติกรรมสุขภาพคนไทย 4.0 ในงานกู๊ด โซไซตี้ เอ็กซ์โป (Good Society Expo) เทศกาลทำดีหวังผล ซึ่งผนึกกำลังระหว่างรัฐ เอกชน ภาคประชาสังคม และประชาชน ในการทำดีเพื่อสังคม ว่า สสส.พบพฤติกรรมทางสุขภาพของคนไทยยุค 4.0 ที่น่าจับตาแต่ละช่วงวัย ได้แก่ ในเด็กเล็กพบเด็กไทยเริ่มติดรสชาติหวานตั้งแต่ 2-5 ขวบ จากการที่ผู้ปกครองให้เด็กกินน้ำอัดลมมากกว่า 1 ครั้งต่อวันถึงร้อยละ 12 ขณะที่ร้อยละ 30 ของเด็กเล็กที่มีพัฒนาการต่ำกว่าเกณฑ์โดยเฉพาะพัฒนาดารด้านภาษา จากการใช้เทคโนโลยี อาทิ สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต ในการเลี้ยงดู

ถัดมาที่กลุ่มวัยรุ่น พบพฤติกรรมการขยับน้อยกว่าผู้สูงอายุ เพราะใช้เวลาไปกับอินเตอร์เน็ต 6 ชั่วโมงต่อวัน ส่วนกลุ่มวัยทำงาน พบพบวัฒนธรรมการดื่มกาแฟตอนเช้า น้ำหวานตอนกลางวัน และดินเนอร์ขนมหวานบิงซูตอนเย็น โดยสสส.ได้สำรวจร่วมกับมหาวิทยาลัยมหิดลในพื้นที่เศรษฐกิจ ได้แก่ สีลม อนุเสาวรีย์ชัยฯ เพื่อตรวจปริมาณน้ำตาลในเครื่องดื่มหวาน 5 เมนูยอดฮิต พบว่าเพียง 1 แก้วขนาด 250 มล. มีปริมาณน้ำตาลสูงถึง 10-15 ช้อนชา ทั้งที่ร่างกายไม่ควรได้รับน้ำตาลเกินวันละ 6 ช้อนชา ทำให้ผู้ดื่มเสี่ยงอัวนลงพุง อันนำมาสู่โรคเบาหวาน หัวใจ ความดัน

และส่วนผู้สูงอายุพบขาดความพร้อมการเป็นผู้สูงอายุ โดย 1 ใน 3 ของผู้สูงอายุมีรายได้ต่ำกว่าเส้นความยากจนหรือต่ำกว่า 2,647 บาทต่อเดือน ซึ่งไม่เพียงพอต่อการประกอบอาชีพ ขณะที่ผู้สูงอายุร้อยละ 95 มีโรคประจำตัวแต่ยังพอสามารถดำรงชีวิตได้ปกติ

ดร.ณัฐพันธุ์กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ สสส.พยายามส่งเสริมคนแต่ละช่วงวัยให้มีพฤติกรรมทางสุขภาพที่ดี จึงได้ร่วมกับภาคีเครือข่ายนำเสนอประเด็นปัจจัยเสี่ยงต่อสุขภาพ ได้แก่ บุหรี่ อุบัติเหตุ และสุขภาวะทางเพศ โดยพยายามนำเสนอว่าสุขภาพที่ดีเริ่มที่ตัวเรา และส่งต่อสุขภาพดีให้คนอื่น ซึ่งในงานดังกล่าว สสส.ได้นำกิจกรรม อาทิ ทดสอบปริมาณน้ำตาลในเครื่องดื่มของเครือข่ายเด็กไทยไม่กินหวาน, เกมส์ถนนคนเมาโดยให้ใส่แว่นจำลองอาการเมาแล้วลองเดินบนถนน เพื่อให้เห็นอันตรายจากสุรา, การแนะนำออกกำลังกายให้เหมาะสมกับช่วงวัย เป็นต้น

Advertisement
ดร.ณัฐพันธุ์ ศุภกา ผอ.ภาคีสัมพันธ์และวิเทศสัมพันธ์ สสส.

Advertisement

 

ขณะที่ นางวีณา อ่องจริต กรรมการมูลนิธิเพื่อคนไทย และที่ปรึกษาโครงการกู๊ด โซไซตี้ เอ็กซ์โป กล่าวว่า ปัญหาสังคมเป็นความรับผิดชอบร่วม จะเปลี่ยนแปลงได้ก็ต่อเมื่อเกิดความร่วมมือกันจากทุกภาคส่วน ทั้งนี้ งานดังกล่าวเป็นความร่วมมือที่ทำให้ภาคสังคมและภาคธุรกิจลงมือทำร่วมกันได้ ภายใต้เป้าหมายเดียวกันคือ การระดมทุนแก้ปัญหาสังคม ซึ่งคำว่าทุนนี้ไม่ได้หมายความว่าเงิน แต่เป็นทุนมนุษย์ ทุนเครือข่าย ทุนความรู้ ทุนเวลา ขณะที่งานนี้จะไม่ใช่เพียงอีเวนท์ แต่จะมีการติดตามประเมินผล ว่าความร่วมมือดังกล่าวได้สร้างความเปลี่ยนแปลงต่อสังคมอะไรบ้าง

ด้าน นายชาญชัย พันธุ์โสภา กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.เดอะแพลทินัม กรุ๊ป ผู้บริหารศูนย์การค้าเดอะแพลทินัม แฟชั่นมอลล์ กล่าวว่า การดำเนินธุรกิจให้ประสบผลสำเร็จอย่างเดียว ไม่เป็นการเติบโตอย่างยั้งยืน แต่จะต้องคำนึงถึงผู้มีส่วนได้เสีย อาทิ ชุมชน สังคม สิ่งแวดล้อม เราจึงร่วมสนับสนุนจัดงานดังกล่าว เพื่อสร้างความเจริญยั่งยืนแก่สังคม พร้อมไปกับธุรกิจต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับงานกู๊ด โซไซตี้ เอ็กซ์โป (Good Society Expo) จะจัดถึงวันที่ 11 มิถุนายน ที่ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ภายในงานจะมีนิทรรศการมากมายให้ความรู้เรื่องสุขภาพ หลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยง เข้าใจสุขภาวะทางเพศ ตลอดจนแนวทางที่ภาคประชาชนจะร่วมเป็นส่วนหนึ่งช่วยเหลือสังคม

 

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image