หลายครั้งที่คนธรรมดาตัวเล็กๆ สามารถสร้างสิ่งยิ่งใหญ่ ที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมได้อย่างน่าชื่นชม โดยเจ้าตัวก็คิดไม่ถึงว่าสิ่งที่เขาทำโดยมีแค่ “หัวใจ” เป็นตัวนำทาง จะพาเขามาไกล และทำให้สิ่งที่เขาทำสามารถสร้างประโยชน์ให้แก่ผู้คนรอบข้างได้มากมายเพียงนี้
โฮเซ่ อัลเบอร์โต กูเตียร์เรซ เล่าให้สำนักข่าวเอเอฟพีฟังว่า ย้อนไปเมื่อ 20 ปีที่แล้ว ระหว่างเขาขับรถเก็บขยะอยู่ในกรุงโบโกตา ของโคลอมเบีย เขาได้เจอหนังสือนิยายคลาสสิกชื่อว่า “แอนนา คาเรนินา (Anna Karenina)” ถูกทิ้งอยู่ในถังขยะ เขาจึงเก็บมาที่บ้านและนั่นก็กลายเป็น “จุดเริ่มต้น” ทำให้เขาเก็บหนังสือที่มีคนทิ้งเป็นขยะมาเรื่อยๆ กระทั่งปัจจุบันเขามีหนังสืออยู่ในบ้านราว 25,000 เล่ม และได้เปิดเป็น “ห้องสมุด” ให้ผู้สนใจเข้ามาใช้ฟรี
กูเตียร์เรซเรียนไม่จบชั้นประถมศึกษาด้วยซ้ำ เนื่องจากทางบ้านมีฐานะยากจน แต่ตอนนี้เขาได้รับฉายาว่า เดอะ ลอร์ด ออฟ เดอะ บุ๊กส์ (The Lord of the Books) ด้วยหนังสือมากมาย และหลากหลายที่มีอยู่ในห้องสมุดของเขา
กูเตียร์เรซเล่าว่า หลังจากเพื่อนบ้านรู้ว่าเขาชอบเก็บหนังสือ ก็มีเพื่อนบ้านเริ่มมาถามหาหนังสือ และหยิบยืมไปเพื่อสอนการบ้านให้ลูกๆ “แถวบ้านของเราขาดแคลนหนังสือ นั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นที่เราได้ให้ความช่วยเหลือ”
กูเตียร์เรซเปิดห้องสมุดที่บ้านเพื่อให้คนทั่วไปได้เข้ามาหยิบยืมหนังสือฟรีเมื่อปี 2543 โดยมีภรรยาและลูกๆ อีก 3 คน คอยช่วยเหลือ จากนั้นก็เริ่มมีจิตอาสาเข้ามาช่วย กระทั่งเมื่อมีการบอกกันปากต่อปาก ก็ได้ทำให้คนเก็บขยะนายนี้ได้รับเชิญไปร่วมงานเทศกาลหนังสือนานาชาติที่เมืองซานเตียโก ประเทศชิลี และเทศกาลหนังสือนานาชาติที่เมืองมอนเทอร์เรย์ ประเทศเม็กซิโก มาแล้ว รวมทั้งงานเทศกาลหนังสือในกรุงโบโกตา
จากเริ่มแรก ที่เขาได้หนังสือจากการเก็บขึ้นมาจากขยะ แต่ตอนนี้หนังสือส่วนใหญ่ได้มาจากการบริจาค แล้วยังมีส่วนหนึ่งที่กูเตียร์เรซควักเงินซื้อเองด้วย
“มันเหมือนเราต้องคำสาป ยิ่งเราให้หนังสือออกไปมากเท่าไร เราก็ยิ่งได้หนังสือกลับมามากขึ้น”
กูเตียร์เรซเล่าว่า ตอนนี้หนังสือที่กองอยู่เป็นกองพะเนินในบ้านทำให้เขาไม่มีพื้นที่ในบ้านเหลือพอที่จะจัดให้เด็กๆ ได้มานั่งอ่านหนังสือได้เหมือนเมื่อก่อน ทำให้ตอนนี้เขาต้องเริ่มเดินทางนำหนังสือไปแจกจ่ายฟรีให้แก่ผู้คนที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกลความเจริญ และยากจน
กูเตียร์เรซเล่าว่า แม่คือผู้ที่จุดประกายทำให้เขารักหนังสือ โดยตอนเล็กๆ แม่จะชอบอ่านหนังสือการ์ตูนให้เขาฟัง “แม่คือผู้จุดประกายสิ่งนี้ให้ผม”
ถึงแม้ตอนเด็ก เขาจะไม่มีโอกาสเรียนหนังสือจนจบ แต่ตอนนี้ในวัย 54 ปี กูเตียร์เรซได้กลับมาเรียนหนังสืออีกครั้ง
ในบรรดาผู้ที่ติดต่อขอยืมหนังสือจากห้องสมุดของกูเตียร์เรซเคยมีสมาชิกจากกองกำลังปฏิวัติติดอาวุธโคลอมเบีย หรือฟาร์ก (FARC) ที่ได้ลงนามในข้อตกลง “วางอาวุธ” กับรัฐบาลเมื่อปีที่แล้ว ได้ติดต่อขอให้กูเตียร์เรซช่วยส่งหนังสือไปให้แก่บรรดาสมาชิกเพื่อพวกเขาเหล่านั้นจะได้เรียนรู้ และฝึกฝนตัวเองเพื่อทำอาชีพใหม่หลังจากวางอาวุธ
“หนังสือได้เปลี่ยนชีวิตฉันมาแล้ว และฉันก็คิดว่าหนังสือคือสัญลักษณ์แห่งความหวังสำหรับพวกเขาเหล่านั้น และหนังสือยังเป็นสัญลักษณ์แห่งสันติภาพด้วย”
ขอบคุณภาพจาก AFP
