⦁…“ข่าวการเมือง” ว่าด้วยการเลือกตั้ง มาแรงแซงทางโค้งอีกแล้ว ทั้งๆ ที่ไม่มีเงื่อนไขและปัจจัยใดบ่งบอกชี้ชัดว่า ปีหน้าหรือปีมะโว้จะได้ทำศึกกันหรือไม่ เพราะงมโข่งมืดตึ๊ดตื๋ออยู่กับขั้นตอนร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยหมวด “พรรคการเมือง”
⦁…ประเด็นที่ “คนการเมือง” รุมทึ้งหนักที่สุดคือ “ไพรมารีโหวต” ประสานเสียงกันเป็นปี่เป็นขลุ่ยเกือบทุกพรรค ขนาดประชาธิปัตย์-เพื่อไทย ที่เป็น “เพื่อนเลว” กันตลอดมา “ปาฏิหาริย์มีจริง” เกิดตาลปัตรมีมุมเดียวกัน ไม่เห็นด้วย
⦁…“ไพรมารีโหวต” คือการเลือกตั้งขั้นต้นที่สมาชิกของพรรคทุกคนมีสิทธิลงคะแนนเสียงเพื่อเลือกคนที่เสนอตัวเป็นผู้สมัคร หรือ “แคนดิเดตของพรรค” ให้ได้รับสิทธิจากชัยชนะ “เพื่อเป็นตัวแทนในการเลือกตั้ง”
⦁…เป็นวิธีการเลือกตั้งเบื้องต้น และส่วนใหญ่มักเป็นการเลือกตั้ง “ไพรมารีโหวตแบบปิด” คือให้สิทธิสมาชิกเท่านั้นที่มีสิทธิลงคะแนน “ข้อดี” จะทำให้ผู้สมัครที่เป็นความต้องการของคนในพื้นที่จริงๆ ได้สมัครลงรับเลือกตั้ง “ข้อเสีย” ยังไม่เหมาะกับการเมืองไทยเพราะนิสัยคนไทย
⦁…ล่าสุดดังที่ทราบขนาด เดอะมาร์ค-อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เขียน “จดหมายน้อย” เปิดผนึก ร่อนสารถึง “กรธ.” ท้วงติงไป 2-3 ข้อ โดยสรุปประมาณว่า ไม่สอดคล้องกับโครงสร้างการปกครองของสังคมไทย ส่วนข้อเสนอแนะ จะเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา หรือถูกหยิบมาประกอบการพิจารณา โปรดติดตามดูกันต่อไป
⦁…อีกชิ้นก็คือ ตาม “บทเฉพาะกาลมาตรา 263-266” ของ รธน.60 เปิดทางสะดวกให้ “แม่น้ำ 4 สาย” ที่ริอ่านหรือ “คัน” จะเล่นการเมือง ต้องลาออกจากตำแหน่งภายใน 90 วัน หลังรัฐธรรมนูญมีผลบังคับใช้ นับหนึ่งจากวันที่ 6 เมษายน ดังนั้นวันที่ 6 กรกฎาคม คือเส้นตาย
⦁…“แม่น้ำ 2 สาย” ได้แก่ “สปท.” กับ “สนช.” พากันออกอาการครั่นเนื้อครั่นตัว ยื่นใบลาออก เพื่อผันตัวเองสู่สนามเลือกตั้งอีกครั้ง โดยมี นิกร จำนง ประกาศไขก๊อกเป็นรายแรก ชัดเจน กลับไปช่วยซ่อมแซมบ้านหลังเก่าคือ “พรรรคชาติไทย”
⦁…บรรดาขาใหญ่น่าจะตบเท้าตามอีกหลายราย เช่น วิทยา แก้วภราดัย แกนนำ กปปส. มือบอมบ์กรมปทุมวัน จากนครศรีธรรมราช และจะตามด้วย กษิต ภิรมย์, สมพงษ์ สระกวี เป็นต้น
⦁…ขณะที่อีกบางส่วนฉลาดพอ ขอเป็น “ผีข้างบ่อน” ตลอดกาล แม้ดูจะไม่กิ๊บเก๋เท่ระเบิดสักเท่าไหร่ แต่การได้ตั๋วนั่งเก้าอี้ติดชาร์ต “250 วุฒิสมาชิก” สบายกว่ากันเยอะเลย จาก “สปท. สนช.” แล้ว “ส.ว.ลากตั้ง” เวียนเทียนกินของฟรี กำไรหลายเด้ง
⦁…กลับไปที่ “บ้านประชารัฐ-ซอยพหลโยธิน 11” มีข่าวคลุกวงในว่า “นายกฯลุงตู่” ทุบโต๊ะเปรี้ยงได้ยินได้ฟังกันเสียงดังฟังชัดแล้วว่า “ไม่โปร่งใส” ประโยคสั้นๆ ที่เปี่ยมไปด้วยพลังและทรงความหมาย จึงเกิดที่ไปที่มาของเกม “หาบันไดลง”
⦁…กล่าวคือ “กรมธนารักษ์” แทนที่จะยกเลิกโครงการบ้านประชารัฐ พหลโยธิน 11 เพราะรู้อยู่แก่ใจดีว่าเจอไม้หน้าสาม ผ่าทางตัน ดันไม่ไป เพราะ “บิ๊กตู่” ไม่เอาด้วย เลยตีวิถีโค้งไป “ปรับเปลี่ยนลดขนาด” ตามที่ได้มีหนังสือไปปรึกษาหารือกับ “กทม.”
⦁…เลยร่วมด้วยช่วยกันทอด “บันไดหาทางลง” เนื่องจากบริษัทที่ได้รับสัญญาก่อสร้าง นำมาเป็นข้ออ้างว่า เมื่อมีการลดพื้นที่ใช้สอยน้อยลง จะไม่คุ้มทุน จึงทำหนังสือขอยกเลิกสัญญาก่อสร้างบ้านประชารัฐ ซอยพหลโยธิน 11 คัตเอาต์ประเด็น “คอร์รัปชั่น-ทุจริต” ไปในตัว เพราะยังไม่ได้ลงมือก่อสร้าง แก้ผ้าแล้วแต่ยังไม่ได้ข่มขืนกระทำชำเรา
⦁…แต่จะบริสุทธิ์ผุดผ่อง ปืนไม่ลั่นใส่ใคร ความมหัศจรรย์จะบังเกิด ตามที่ตั้งสมมุติฐานกันไว้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับหลักฐานที่มีอยู่ในมือทั้ง “ป.ป.ช.-สตง.” ประกอบด้วย อย่าเพิ่งระเริง
⦁…ขอแสดงความยินดีกับ “ไม้ซีก” กลุ่มชุมชนอนุรักษ์พญาไท ที่ร่วมแรงร่วมใจกันงัด “ไม้ซุง” สำเร็จ ไว้ในโอกาสนี้ด้วย
พลุน้ำแข็ง