เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 8 มีนาคม ที่หอประชุมมนังคศิลา บ้านมนังคศิลา ถนนหลานหลวง สภาสตรีแห่งชาติในพระบรมราชินูปถัมภ์ จัดงานวันสตรีสากล ประจำปี 2559 ในโอกาสวันสตรีสากล โดยมี รศ.นราพร จันทร์โอชา เป็นประธานในพิธี
รศ.นราพร จันทร์โอชา กล่าวว่า องค์กรยูเอ็น วีแมน ของสหประชาชาติได้กำหนดหัวข้อของวันสตรีสากลในปีนี้ไว้ว่าแพลนเน็ต 50- 50 บาย 2030 : สเต็ป อิท อัพ ฟอร์ เจนเดอร์ อิควอลิตี้ (Planet 50 -50 by 2030 : Step It Up for Gender Equality) ซึ่งองค์กรยูเอ็น วีแมน มองว่าสตรีที่ได้รับโอกาสและสิทธิต่างๆ อย่างเท่าเทียม จะเป็นกำลังสำคัญในการผลักดันการพัฒนาอย่างยั่งยืน ตามวาระการพัฒนาอย่างยั่งยืน ค.ศ.2030 ของสหประชาชาติ ซึ่งสอดคล้องกับปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยมุ่งเน้นการพัฒนาอย่างยั่งยืน ประเทศไทยอยู่ในระหว่างการกำหนดทิศทางของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 12 สำหรับปี 2560-2564 ซึ่งให้ความสำคัญกับการให้คนเป็นศูนย์กลางการพัฒนา เน้นการมีส่วนร่วม ลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม สร้างสังคมไทยให้เป็นสังคมเสมอภาค ซึ่งจะทำให้สังคมตระหนักและยอมรับสตรี ในบริบทต่างๆ เพื่อต้องการให้สตรีเข้ามามีส่วนร่วมในการผลักดันการพัฒนาเศรษฐกิจสังคมมากยิ่งขึ้น
รศ.นราพร กล่าวอีกว่า จากการประชุมสมัชชาสหประชาชาติครั้งที่ 70 เมื่อกันยายน 2558 ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวแถลงในที่ประชุมเรื่องความเท่าเทียมตอนหนึ่งว่า การส่งเสริมความเสมอภาคของสตรีไม่ใช่หน้าที่ของสตรี แต่เป็นของประชาชน ทุกคนทุกเพศทุกวัยที่จะต้องมีส่วนร่วมในการเสริมสร้างทัศนคติเชิงบวกต่อบทบาทของสตรี ยุติการเลือกปฏิบัติและการกระทำความรุนแรงต่อสตรี ทั้งต้องให้ความสำคัญเห็นคุณค่าความแตกต่างและตระหนักถึงศักยภาพของสตรี สภาสตรีฯ ถือเป็นองค์กรหลักที่ได้ร่วมแสดงศักยภาพของสตรีทุกภาคส่วนสังคมได้แสดงศักยภาพ สร้างประโยชน์ต่อสังคม เป็นพลังการเปลี่ยนแปลง ในการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศโดยยึดหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ไปยังภาคส่วนต่างๆ และจากภาพรายงานการจัดงานในปีนี้ทำให้ทราบว่าการจัดงานสตรีสากลในปีนี้จะเป็นการสร้างภาคีเครือข่ายระหว่างองค์กรสมาชิกในประเทศและเครือข่ายภาคีระดับอาเซียน จะทำให้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ การทำงานที่เป็นตัวอย่างที่ดี มีการบูรณาการการทำงานร่วมกันเพื่อแสวงหาแนวทางความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นของสตรีแต่ละประเทศได้อย่างมีพลังต่อไป
