ประเทศไทยถือเป็นผู้ผลิตและส่งออกสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับอันดับ 10 ของโลก แค่เฉพาะในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2560 ก็นำรายได้เข้าประเทศจากการส่งออกถึง 6,300 ล้านเหรียญสหรัฐ และเพื่อผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของการค้าอัญมณีและเครื่องประดับโลก กระทรวงพาณิชย์ แถลงข่าวจัดงาน “บางกอก เจมส์ แอนด์ จิวเวลรี แฟร์” ครั้งที่ 60 ที่ โรงแรมเรเนซองส์
อภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า งานบางกอก เจมส์ แอนด์ จิวเวลรี แฟร์ ครั้งที่ 60 จัดขึ้นเพื่อผลักดันให้ประเทศไทยเป็นฮับของการค้าอัญมณีและเครื่องประดับโลก ส่งเสริมศักยภาพและสนับสนุนผู้ประกอบการรวมถึงนักออกแบบหน้าใหม่ ให้ได้แสดงผลงานการออกแบบและผลิตเครื่องประดับอันประณีตสู่สายตาของกลุ่มเป้าหมายทั่วโลก โดยได้กราบทูลเชิญพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ เสด็จเป็นองค์ประธานในพิธีเปิดและขอประทานพระอนุญาตจัดนิทรรศการเผยแพร่พระอัจฉริยภาพด้านการออกแบบเครื่องประดับเพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้แก่นักออกแบบไทยรุ่นใหม่ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 6-10 กันยายน ณ ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 1-3 อิมแพค เมืองทองธานี
ดวงกมล เจียมบุตร ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ เผยว่า สินค้าอัญมณีและเครื่องประดับไทยเป็นที่ยอมรับของทั่วโลกมานานแล้ว โดยเฉพาะพลอยสี และมีนวัตกรรมใหม่ๆ มาพัฒนาอยู่เสมอ อาทิ ในขั้นตอนเจียระไนจะมีความละเอียดและประณีตมากขึ้นกว่าเดิม ตอนนี้สามารถเจียระไนได้ถึง 70 เหลี่ยม จากเดิมที่เจียระไนได้ไม่กี่เหลี่ยม
“ปัจจุบันมีตลาดเครื่องประดับเปิดใหม่ คือตลาดเครื่องประดับสำหรับผู้ชาย (Metro Men) เพราะปัจจุบันผู้ชายหันมาใส่ใจในเรื่องการแต่งตัวมากขึ้น จึงเน้นสไตล์เรียบง่ายแต่ดูหรู รวมถึงตลาดเครื่องประดับกลุ่มความเชื่อและโชคลาง (Spiritual Power) ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน และเป็นตลาดที่ไทยได้เปรียบ เพราะไทยมีเครื่องประดับที่เลือกซื้อตามความเชื่อเยอะกว่าต่างประเทศ”
อย่างไรก็ตาม สินค้าอัญมณีและเครื่องประดับของไทยทุกชิ้นยังคงไม่ทิ้งความเป็นเอกลักษณ์ไทย คือความเป็นงานศิลปหัตถกรรม ทำด้วยมือ และมีลวดลายอันวิจิตรของไทย เช่น ลายดอกพิกุล หรือลายประจำภาคต่างๆ
“ซึ่งเป็นจุดเด่นที่ทำให้เครื่องประดับไทยมีความแตกต่างและโดดเด่นกว่าชาติอื่น เป็นส่วนช่วยผลักดันให้สินค้าอัญมณีและเครื่องประดับไทยก้าวเข้าสู่เวทีระดับโลก” ดวงกมลกล่าว
