จับ iflix ชน Netflix โดย จิตต์สุภา ฉิน

ท่ามกลางตารางการทำงานยุ่งๆ ที่บางวันก็จะต้องตื่นเช้าตรู่ บางวันก็จะต้องถ่างตาทำงานจนดึกดื่น ซู่ชิงจะพยายามกันเวลาส่วนหนึ่งเอาไว้ให้กับสิ่งที่เป็นทั้งสาระและความบันเทิง

ซึ่งความบันเทิงของซู่ชิงส่วนใหญ่ถ้าไม่ได้มาจากการเล่นเกม ก็จะมาจากการดูซีรี่ส์ (ส่วนใหญ่จะเป็นซีรี่ส์อเมริกันค่ะ)

คงไม่ต้องบอกเลยใช่ไหมคะว่าการเปิดตัวของ iflix และ Netflix ในเมืองไทยนั้นไม่ได้ทำให้ซู่ชิงมีเวลานอนพักผ่อนเพิ่มขึ้นเลย

ทั้ง Netflix และ iflix ล้วนเป็นศูนย์รวมความบันเทิงแบบเหมาจ่ายที่มีให้ทุกอย่างตั้งแต่ภาพยนตร์ ซีรี่ส์ รายการทีวี การ์ตูน ฯลฯ ผู้ชมแค่ต้องจ่ายค่าสมาชิกรายเดือน ส่วนที่เหลือใครมีปัญญาจะกอบโกย เอาสก๊อตเทปติดถ่างตาให้เบิกโพลงเอาไว้และชมให้คุ้มค่าได้ขนาดไหนก็เป็นความสามารถของแต่ละคนแล้วค่ะ

Advertisement

Netflix เริ่มต้นให้บริการในประเทศอย่างสหรัฐอเมริกาและแคนาดาก่อน ซึ่งประเทศอื่นๆ ทั่วโลกต่างก็อิจฉาตาร้อนผ่าวๆ กันมานาน โดยเฉพาะคนคลั่งคอนเทนต์ในไทยที่ก่อนหน้านี้แทบจะหมดหวังไม่เห็นวี่แววเลย ว่า Netflix จะมาเปิดในเมืองไทยหรือเปล่า

ส่วน iflix นั้นมีกำเนิดอยู่ในประเทศเพื่อนบ้านเราอย่างมาเลเซีย และบุกลุยตลาดเข้ามาก่อนด้วยราคาที่ถูกแสนถูก

และราวกับ iflix จะเป็นตัวเรียกลูกอิจฉาเพราะไม่นานหลังจากนั้น Netflix ก็ประกาศจะเริ่มเปิดให้บริการในอีกร้อยกว่าประเทศทั่วโลกทำเอาคนเฮไปตามๆ กัน

Advertisement

ดังนั้น ในฐานะของคนที่คงจะดำเนินชีวิตต่อไปอย่างยากลำบากหากปราศจากสองบริการนี้ ซู่ชิงก็เลยจะมาลองเปรียบเทียบสองบริการ iflix กับ Netflix ว่าใครดีกว่าใครในแง่ไหนค่ะ

อย่างแรกเลยก็คือ เรื่องคอนเทนต์ค่ะ เพราะบริการเหล่านี้วัดกันว่าใครเจ๋งไม่เจ๋งก็ตรงที่ว่าใครถือลิขสิทธิ์ที่พิเศษกว่ากันนี่แหละ

สำหรับซู่ชิงแล้วความเจ๋งของ Netflix ก็คือการมีรายการหรือซีรี่ส์ที่ทำขึ้นมาแบบเป็นพิเศษเพื่อให้ชมใน Netflix เท่านั้น อย่างเช่น Orange Is The New Black หรือซีรี่ส์ขนลุกสะพรึงอย่าง The Returned ที่ซู่ชิงดูรวดเดียวจบ (พล็อตเรื่องเกี่ยวกับเมืองๆ หนึ่ง ที่จู่ๆ คนที่เสียชีวิตไปแล้วก็พากันทยอยเดินกลับบ้านในสภาพเดิมราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น) ไปจนถึงรายการทำอาหารชวนน้ำลายสออีกมากมาย

แต่น่าเสียดายที่ Netflix เวอร์ชั่นไทยไม่มีเรื่อง House of Cards ซึ่งถือเป็นซีรี่ส์เอ็กซ์คลูซีฟที่สร้างชื่อเสียงให้ Netflix ไปไม่น้อย (ซึ่งเราเคยได้พูดถึงซีรี่ส์เรื่องนี้กันในคอลัมน์ Cool Tech ครั้งหนึ่งเมื่อนานมาแล้วค่ะ)

สำหรับซีรี่ส์ชื่อดังทั่วไปที่ Netflix ในไทยมีก็อย่างเช่น Breaking Bad, Arrow, Blacklist และ Suits และที่น่าสนใจก็คือ Netflix เวอร์ชั่นไทยมีซีรี่ส์อย่าง Brooklyn Nine-Nine ในขณะที่ในอเมริกายังไม่ได้ลิขสิทธิ์มาเลยด้วยซ้ำ

คราวนี้มาดูที่คอลเล็กชั่นซีรี่ส์ของ iflix กันบ้างค่ะ iflix สร้างความประหลาดใจและประทับใจให้ซู่ชิงไม่น้อยนับตั้งแต่เปิดตัว ด้วยการที่เป็นบริษัทที่มีต้นกำเนิดในแถบเอเชียแต่กลับคว้าลิขสิทธิ์ซีรี่ส์เจ๋งๆ มาได้เยอะมาก ซู่ชิงเคยสัมภาษณ์คุณแพทริก โกรฟ ผู้ก่อตั้ง iflix ซึ่งเขาได้แย้มพรายให้ฟังมาว่าบริษัทมีคอนเน็กชั่นกับคนสำคัญๆ ในวงการภาพยนตร์ก็เลยทำให้ iflix มีคอลเล็กชั่นคอนเทนต์ที่เจ๋งไม่เบา

ในช่วงเริ่มต้นเปิดตัว iflix ซีรี่ส์เด่นๆ ที่ทางบริษัทเลือกที่จะไฮไลต์ขึ้นมาก็อย่างเช่น Friends ซึ่งเป็นซีรี่ส์คลาสสิคสุดๆ ที่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเป็นสิบปีแล้วแต่ก็ยังสามารถดูได้แบบไม่รู้สึกขัดเขิน

iflix มีซีรี่ส์นี้ให้ดูตั้งแต่เอพิโสดแรกจนถึงเอพิโสดสุดท้าย ในขณะที่ Netflix ในไทยไม่มีให้ ต้องไปดูเวอร์ชั่นอเมริกาเท่านั้น

นอกจากนี้ iflix ก็ยังมีอีกหลายสิ่งที่ Netflix ไทยไม่มี เช่น ซีรี่ส์สยองขวัญพล็อตแปลกไม่เหมือนใครอย่าง American Horror Story, Fargo, The Big Bang Theory, Supernatural, Once upon a time, Grey”s Anatomy, Dexter, Sherlock, How I Met Your Mother, Lost, Modern Family มีแม้กระทั่งซีรี่ส์แอนิเมชั่นเสียดสีสังคมเรื่องโปรดของซู่ชิงอย่าง South Park ไปจนถึงเรื่องที่ iflix ภูมิใจนำเสนอมากอย่าง Mr Robot ซีรี่ส์เกี่ยวกับแฮ็กเกอร์ความสามารถสูง ซึ่งแม้แต่ Netflix ในอเมริกายังไม่ได้ลิขสิทธิ์เลย

ดังนั้น ซู่ชิงคิดว่า iflix จะเหมาะสำหรับคนที่ต้องการดูซีรี่ส์ชื่อดังทั้งเก่าและใหม่แบบจุใจ ในขณะที่ Netflix จะเหมาะสำหรับคนที่อยากเสาะหาซีรี่ส์ใหม่ๆ ที่หาดูที่อื่นไม่ได้อย่างพวก Netflix Originals ทั้งหลายค่ะ

ส่วนถ้าจะวัดกันที่คลังภาพยนตร์แล้ว ข้อมูลระบุว่า iflix มีจำนวนภาพยนตร์มากกว่า อยู่ที่ 591 เรื่อง ในขณะที่ Netflix ในไทยมีภาพยนตร์อยู่ที่ประมาณ 354 เรื่อง ส่วนตัวแล้วซู่ชิงคิดว่าการเลือกภาพยนตร์ของ Netflix น่าสนใจกว่า iflix แต่สำหรับคนที่ชอบดูหนังในเอเชียและยังต้องการให้มีซับไตเติลภาษาไทยอยู่ iflix น่าจะเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมกว่าค่ะ Netflix ในไทยนั้นก็พอจะมีซับไตเติลอยู่บ้าง แต่เป็นภาษาอังกฤษและในบางเรื่องก็จะมีภาษาจีนมาให้

มาถึงเรื่องราคาแล้วค่ะ

ค่าสมัครสมาชิกของ Netflix ในประเทศไทยจะเริ่มต้นตั้งแต่ 280 บาทต่อเดือน ไปจนถึง 450 บาท ในราคาที่ถูกที่สุดจะสามารถดูได้เพียงจอเดียวหรือทีละหนึ่งแอ็กเคาต์เท่านั้น

แต่เมื่อจ่ายเพิ่มขึ้นก็จะสามารถแบ่งปันกันใช้หลายๆ แอ็กเคาต์ได้ ซึ่งถ้าจะวัดกันที่ใครถูกกว่าใคร iflix คงชนะขาด เพราะค่าสมาชิกของ iflix อยู่ที่ 100 บาทต่อเดือนเท่านั้น ทำให้การกดสมัครสมาชิก iflix ทำได้ง่ายๆ แบบไม่ต้องคิดอะไรมาก

อีกฟีเจอร์ที่ iflix มี แต่ Netflix ไม่มี ก็คือการดาวน์โหลดเก็บไว้ดูออฟไลน์ได้ ในกรณีที่เรารู้ว่าเราจะเดินทางและอยู่ในช่วงเวลาที่จะไม่มีอินเตอร์เน็ตให้ใช้ก็สามารถกดดาวน์โหลดออฟไลน์ไว้ก่อน ฟีเจอร์นี้สะดวกมากเลยทีเดียว

การรองรับ Chromecast หรืออุปกรณ์ช่วยสตรีม สิ่งที่เราดูบนหน้าจอโทรศัพท์มือถือให้ไปอยู่บนหน้าจอโทรทัศน์ที่ใหญ่กว่าและดูได้เต็มตากว่านั้นทั้งสองบริการทำได้ดีพอๆ กันค่ะ

ซู่ชิงเลือกที่จะสมัครสมาชิกทั้งสองบริการเอาไว้เพื่อที่จะไม่พลาดอะไรเลย แต่สำหรับคุณผู้อ่านที่อยากจะเลือกแค่บริการใดบริการหนึ่งก็จะต้องลองทำการบ้านสักนิดเพื่อดูว่าบริการไหนจะเหมาะกับตัวเองมากที่สุด ซึ่งช่วงแรกก็ยังไม่ต้องควักกระเป๋าใดๆ ทั้งสิ้นเพราะทั้งสองบริการมี Free Trial ให้ทดลองใช้ฟรี 30 วันค่ะ และแน่นอนว่าสองบริการนี้ไม่ใช่ตัวเลือกเดียวในท้องตลาดเพราะยังมีคู่แข่งขันในตลาดอีกตั้งหลายราย

และท้ายที่สุดนี้ก็ขอให้คุณผู้อ่านทุกท่าน Enjoy Binge Watching ดูคอนเทนต์ให้อิ่มหนำกันไปเลยค่ะ 🙂

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image