บ่อยครั้งที่เราทำกิจกรรมหลายๆอย่างในชีวิตประจำวัน ที่เป็นการทำร้าย ‘เข่า’ โดยไม่รู้ตัว ทำให้พออายุเพิ่มมากขึ้น จึงได้รับผลกระทบ เกิดปัญหาโรคเกี่ยวกับข้อเข่าตามมา โรงพยาบาลราชวิถี จึงจัดกิจกรรมเดิน-วิ่งเพื่อผู้ป่วยโรคข้อเข่าเสื่อม “รักเรา รักษ์เข่า ไม่เก่าเลย” ขึ้น เพื่อรณรงค์ให้ประชาชน และบุคลากรทางการแพทย์ ใส่ใจดูแลสุขภาพตนเองด้วยการออกกำลังกายเพื่อป้องกันโรคข้อเข่าเสื่อม รวมทั้งส่งเสริมให้ผู้ป่วยที่ผ่าตัดเปลี่ยนข้อได้ใส่ใจการออกกำลังกาย และนำรายได้สมทบทุน กองทุนผ่าตัดเปลี่ยนข้อ มูลนิธิโรงพยาบาลราชวิถี ณ นอร์ธปาร์ค วิภาวดี
นพ.มานัส โพธาภรณ์ ผู้อำนวยการ โรงพยาบาลราชวิถี เผยว่า “โรคข้อเข่าเสื่อม” มักพบในผู้สูงอายุ และมีแนวโน้มที่จะเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ จากตอนนี้ที่มีผู้ป่วยทั้งหมดกว่า 6 ล้านคน โดย 50% เป็นผู้สูงอายุ ที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป โดยผู้ที่มีภาวะข้อเข่าเสื่อม จะมีอาการเจ็บหรือปวด ข้อเข่าผิดรูป ข้อฝืด หรือข้อติด เดินได้ไม่ปกติ ก่อให้เกิดความทุกข์ทั้งด้านกาย จิตใจ และส่งผลต่อคุณภาพชีวิตในระยะยาวด้วย
โรงพยาบาลราชวิถี ทำการผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียม มาแล้วกว่า 30 ปี โดยเฉลี่ย 300 รายต่อปี ซึ่งถือเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศในการรักษาโดยการผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียม และใช้คอมพิวเตอร์นำวิถีมากว่า 10 ปีแล้ว ทำให้มีความแม่นยำเที่ยงตรงในการผ่าตัดสูง อย่างไรก็ตามการรักษาโดยการเปลี่ยนข้อเข่าเทียม บางสิทธิของการรักษาพยาบาลไม่สามารถเบิกได้ จึงเป็นภาระที่ผู้ป่วยต้องชำระค่าใช้จ่ายส่วนเกินนี้เอง กองทุนผ่าตัดเปลี่ยนข้อ มูลนิธิโรงพยาบาลราชวิถี จึงได้จัดกิจกรรมเดิน-วิ่ง “รักเรา รักษ์เข่า ไม่เก่าเลย” ขึ้น เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ในการรักษา เป็นการสร้างโอกาสให้ผู้ป่วยสามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติ
ด้าน ผศ.นพ.พรภวิษญ์ ศรีภิรมย์ นายแพทย์ชำนาญการพิเศษ หัวหน้างานศัลยกรรมเปลี่ยนข้อกลุ่มงานออร์โธปิดิกส์ โรงพยาบาลราชวิถี เผยว่า ปัญหา “โรคข้อเข่าเสื่อม” เกิดจากหลายปัจจัย เช่น เสื่อมตามวัย อุบัติเหตุ ติดเชื้อ โรคเกาต์ โรครูมาตอยด์ และเกิดจากการทำงานที่ออกแรงใช้เข่ามาก หรือมีการกระแทกหรืองอเข่าบ่อยๆ เช่น การยกของหนักขึ้นบันได เดินไกล หรือลุกนั่งบ่อย เป็นต้น แต่สาเหตุส่วนใหญ่ที่พบถึงร้อยละ 50 เกิดจากน้ำหนักตัวที่มากเกินไป ซึ่งทำให้ข้อเข่าทำงานหนักและมักพบมากในผู้หญิง ประมาณ 2-3 เท่า
โรคข้อเข่าเสื่อม จะปรากฎอาการเบื้องต้นคือ ปวดบริเวณข้อเข่า ลุกขึ้นจากท่านั่งลำบาก ข้อขัด ฝืด ตึง มีเสียงดังกรอบแกรบเวลาขยับเข่า งอเข่าได้น้อยลง หรือเหยียดข้อเข่าได้ไม่สุด ในระยะแรกการปวดเข่ามักสัมพันธ์กับการลงน้ำหนัก การเดิน การขยับ ยกเว้นข้อเข่าเสื่อมจากโรคข้ออักเสบอาจมีอาการปวด บวม ร้อน ตลอดเวลาที่มีการอักเสบ ผู้ที่เป็นข้อเข่าเสื่อมอย่างรุนแรงในระยะท้ายๆ อาการปวดเข่าอาจเกิดได้ตลอดเวลาหรือปวดตอนกลางคืนแม้ไม่ได้มีการใช้งาน
ส่วนการรักษา “โรคข้อเข่าเสื่อม” มีหลายวิธี แต่ที่เห็นผลและได้รับความนิยมคือการผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียม ซึ่งการผ่าตัดสามารถลดอาการปวดได้มาก และทำให้ผู้ป่วยสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ ส่วนการดูแลตัวเองก่อนผ่าตัด ควรรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ดื่มน้ำวันละ 6-8 แก้ว นอนพักผ่อนให้เพียงพอ งดยาที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น ยาแอสไพริน สิ่งที่สำคัญคือการดูแลตัวเองหลังการผ่าตัด ควรนอนพักรักษาที่โรงพยาบาลประมาณ 3-5 วัน และหลังจากนั้นควรมาพบแพทย์เพื่อดูอาการตามแพทย์สั่ง และป้องกันโรคแทรกซ้อนต่างๆ
สำหรับการออกกำลังกาย ควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังที่มีแรงกระทำต่อข้อเข่ามากๆ เช่น การวิ่งบนพื้นผิวขรุขระ หรือกระโดดเชือก และออกกำลังกายบริหารกล้ามเนื้อด้านหน้าต้นขาและรอบเข่าแทน เช่น การเดินช้าๆ การใช้เครื่องปั่นจักรยาน ซึ่งไม่แนะนำให้ปั่นจักรยานจริงๆ เพราะเสี่ยงต่อการล้มหรือเกิดอุบัติเหตุได้ หรือออกกำลังกายในน้ำ เพื่อช่วยให้มีแรงในการขยับข้อเข่า และพยุงให้ข้อเข่ามั่นคงขึ้น
อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยควรมีความเข้าใจในตัวโรค เพื่อดูแลตัวเองได้อย่างถูกต้อง และปรึกษาแพทย์เพื่อการได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม