ที่มา | คอลัมน์ไซเบอร์ทีน มติชนรายวันหน้า 18 |
---|---|
ผู้เขียน | พี่ศรีหนุ่ย |
เผยแพร่ |
ก็เป็นไปตามความคาดหมาย สำหรับ “ไอโฟน” รุ่นใหม่ ที่ทางแอปเปิลเปิดตัวกันมา สำหรับ ไอโฟน8 และไอโฟน8 พลัส รวมไปถึงไอโฟนรุ่นพิเศษ ที่ออกมาเพื่อฉลองวาระ 10 ปีไอโฟน สำหรับ “ไอโฟนเท็น” (iPhoneX) ที่หลายคนเผลอเรียกไปว่า ไอโฟนเอ็กซ์ แต่แอปเปิลเรียกว่า ไอโฟนเท็น
เอาเป็นว่า ด้วยพื้นที่อันแสนน้อยนิด คุณพี่ขอข้ามเรื่อง ไอโฟน8 กับ 8 พลัสออกไปก่อน เพราะสเปกก็ใกล้เคียงกับรุ่น 7 ประเด็นคือการข้ามรุ่น 7เอส ไปเป็นรุ่น 8 เลย
แต่จะให้เจ๋งจริง คือ ไอโฟนเท็น
ซึ่งชื่อก็บอกอยู่แล้ว มีขึ้นเนื่องในโอกาสครบรอบ 10 ปีของการกำเนิดขึ้นของไอโฟน ที่บอกเลยว่ามีความแตกต่างไปจากไอโฟนที่มีอยู่ในปัจจุบันอย่างมาก ตั้งแต่หน้าตาของเครื่อง เพราะไอโฟนเท็นนั้นไม่มีปุ่ม “โฮม” อีกต่อไปแล้ว
เมื่อไม่มีปุ่มโฮม ก็หมายความว่า ไม่มีการสแกนลายนิ้วมือกันอีกต่อไป
แล้วจะปลดล็อกหน้าจอด้วยอะไรดี
คำตอบคือ “ใบหน้า”
เทคโนโลยีนี้เรียกว่า “เฟซ ไอดี” (Face ID) ก็ประมาณว่า การระบุตัวตนผ่านทางใบหน้าของผู้ใช้งานนั่นเอง
หัวใจสำคัญของการปลดล็อกด้วยใบหน้า แน่นอนว่าอยู่ที่กล้องหน้าที่จะทำหน้าที่ในการจดจำใบหน้าของเรา และแกะออกมาให้ได้ว่า คนที่มาปลดล็อกนี้ใช่เจ้าของเครื่องหรือไม่ และกล้องที่ว่านี้ก็มีชื่อว่า TrueDepth ที่ประกอบด้วยตัวฉายจุดแสง กล้องอินฟราเรด และอิลลูมิเนเตอร์มุมกว้างในการสร้างแผนผังโครงสร้างและรู้จำใบหน้าได้อย่างแม่นยำ โดยมีชิป A11 Bionic เป็นตัวขับเคลื่อน ด้วยเทคโนโลยีที่สามารถรับรู้มิติในแนวลึกได้เหล่านี้จะทำงานร่วมกันเพื่อให้ผู้ใช้สามารถปลดล็อกไอโฟนได้อย่างปลอดภัย และยังเข้าใช้งานแอพพลิเคชั่นที่มีการรักษาความปลอดภัยอื่นๆ ได้ด้วย
โดยข้อมูลบนใบหน้าทั้งหมดที่บันทึกไว้ จะถูกจัดเก็บไว้ใน Secure Enclave ที่มีความปลอดภัยสูง และการประมวลทั้งหมดจะเกิดขึ้นบนอุปกรณ์ ไม่ได้เกิดบนคลาวด์ ทั้งนี้ ก็เพื่อรักษาความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งาน ที่จะปลดล็อกไอโฟนเท็นได้ก็ต่อเมื่อมองที่เครื่องเท่านั้น
เพราะฉะนั้นใครที่บอกว่า อยากลองของถ่ายรูปแล้วพรินต์ออกมา เพื่อใช้สำหรับปลดล็อกหน้าจอนั้น บอกเลยว่าทำไม่ได้นะจ๊ะ รวมไปถึงหน้ากากทั้งหลาย ก็ไม่สามารถที่จะมาหลอกเฟซ ไอดี ได้ด้วย
ที่สำคัญคือ ด้วยความสามารถของกล้อง TrueDepth ที่มีความละเอียด 7 ล้านพิกเซล ยังทำให้สามารถใช้โหมดพอร์เทรต หรือโหมดภาพถ่ายบุคคลกับกล้องหน้าได้แล้ว ทำให้การถ่ายภาพเซลฟี่ สามารถได้ภาพที่มีระยะชัดลึกได้ดียิ่งขึ้น
จอภาพที่ใช้ก็เป็นจอภาพ Super Retina ขนาด 5.8 นิ้ว เป็นแผง OLED จอภาพแบบ HDR รองรับ Dolby Vision และ HDR10 ทำให้รูปภาพและวิดีโอดูสวยงามยิ่งกว่าเดิมและการแสดงผลแบบ True Tone ก็ช่วยปรับไวท์บาลานซ์บนหน้าจอให้ตรงกับแสงรอบๆ อยู่ตลอดเวลา ทำให้การรับชมมีความเป็นธรรมชาติมากขึ้น
และยังคงความสามารถในการกันน้ำกันฝุ่นได้เหมือนเดิม แถมด้วยการชาร์จไฟแบบไร้สายได้ด้วย
โดยรวมๆ ถือว่าเป็นไอโฟนที่มีเสน่ห์เหลือเกิน เพราะรูปร่างหน้าตาที่เปลี่ยนไป และเทคโนโลยีใหม่ที่ถูกใส่เข้ามา ด้วยราคาเริ่มต้นที่ความจุ 64 กิกะไบต์ อยู่ที่ 999 ดอลลาร์สหรัฐ หรือเอาเงินไทยเข้าไปคูณตอนนี้ก็ต้องคูณด้วยประมาณ 33 บาท ก็จะได้ที่ประมาณ 33,000 บาท
สาวกแอปเปิลในประเทศไทยต้องรอกันไปสักระยะ เพราะกลุ่มประเทศแรกและกลุ่มที่สองนั้น ยังไม่มีไทยรวมอยู่ด้วย น่าจะได้เห็นของจริงในไทยกันไม่เกินปลายปีนี้
หวังว่าเช่นนั้น