ไซเบอร์ทีน….ว่าด้วยเรื่อง ‘ไอโฟนเท็น’

ก็เป็นไปตามความคาดหมาย สำหรับ “ไอโฟน” รุ่นใหม่ ที่ทางแอปเปิลเปิดตัวกันมา สำหรับ ไอโฟน8 และไอโฟน8 พลัส รวมไปถึงไอโฟนรุ่นพิเศษ ที่ออกมาเพื่อฉลองวาระ 10 ปีไอโฟน สำหรับ “ไอโฟนเท็น” (iPhoneX) ที่หลายคนเผลอเรียกไปว่า ไอโฟนเอ็กซ์ แต่แอปเปิลเรียกว่า ไอโฟนเท็น

เอาเป็นว่า ด้วยพื้นที่อันแสนน้อยนิด คุณพี่ขอข้ามเรื่อง ไอโฟน8 กับ 8 พลัสออกไปก่อน เพราะสเปกก็ใกล้เคียงกับรุ่น 7 ประเด็นคือการข้ามรุ่น 7เอส ไปเป็นรุ่น 8 เลย

แต่จะให้เจ๋งจริง คือ ไอโฟนเท็น

ซึ่งชื่อก็บอกอยู่แล้ว มีขึ้นเนื่องในโอกาสครบรอบ 10 ปีของการกำเนิดขึ้นของไอโฟน ที่บอกเลยว่ามีความแตกต่างไปจากไอโฟนที่มีอยู่ในปัจจุบันอย่างมาก ตั้งแต่หน้าตาของเครื่อง เพราะไอโฟนเท็นนั้นไม่มีปุ่ม “โฮม” อีกต่อไปแล้ว

Advertisement

เมื่อไม่มีปุ่มโฮม ก็หมายความว่า ไม่มีการสแกนลายนิ้วมือกันอีกต่อไป

แล้วจะปลดล็อกหน้าจอด้วยอะไรดี

คำตอบคือ “ใบหน้า”

Advertisement

เทคโนโลยีนี้เรียกว่า “เฟซ ไอดี” (Face ID) ก็ประมาณว่า การระบุตัวตนผ่านทางใบหน้าของผู้ใช้งานนั่นเอง

หัวใจสำคัญของการปลดล็อกด้วยใบหน้า แน่นอนว่าอยู่ที่กล้องหน้าที่จะทำหน้าที่ในการจดจำใบหน้าของเรา และแกะออกมาให้ได้ว่า คนที่มาปลดล็อกนี้ใช่เจ้าของเครื่องหรือไม่ และกล้องที่ว่านี้ก็มีชื่อว่า TrueDepth ที่ประกอบด้วยตัวฉายจุดแสง กล้องอินฟราเรด และอิลลูมิเนเตอร์มุมกว้างในการสร้างแผนผังโครงสร้างและรู้จำใบหน้าได้อย่างแม่นยำ โดยมีชิป A11 Bionic เป็นตัวขับเคลื่อน ด้วยเทคโนโลยีที่สามารถรับรู้มิติในแนวลึกได้เหล่านี้จะทำงานร่วมกันเพื่อให้ผู้ใช้สามารถปลดล็อกไอโฟนได้อย่างปลอดภัย และยังเข้าใช้งานแอพพลิเคชั่นที่มีการรักษาความปลอดภัยอื่นๆ ได้ด้วย

โดยข้อมูลบนใบหน้าทั้งหมดที่บันทึกไว้ จะถูกจัดเก็บไว้ใน Secure Enclave ที่มีความปลอดภัยสูง และการประมวลทั้งหมดจะเกิดขึ้นบนอุปกรณ์ ไม่ได้เกิดบนคลาวด์ ทั้งนี้ ก็เพื่อรักษาความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งาน ที่จะปลดล็อกไอโฟนเท็นได้ก็ต่อเมื่อมองที่เครื่องเท่านั้น

เพราะฉะนั้นใครที่บอกว่า อยากลองของถ่ายรูปแล้วพรินต์ออกมา เพื่อใช้สำหรับปลดล็อกหน้าจอนั้น บอกเลยว่าทำไม่ได้นะจ๊ะ รวมไปถึงหน้ากากทั้งหลาย ก็ไม่สามารถที่จะมาหลอกเฟซ ไอดี ได้ด้วย

ที่สำคัญคือ ด้วยความสามารถของกล้อง TrueDepth ที่มีความละเอียด 7 ล้านพิกเซล ยังทำให้สามารถใช้โหมดพอร์เทรต หรือโหมดภาพถ่ายบุคคลกับกล้องหน้าได้แล้ว ทำให้การถ่ายภาพเซลฟี่ สามารถได้ภาพที่มีระยะชัดลึกได้ดียิ่งขึ้น

จอภาพที่ใช้ก็เป็นจอภาพ Super Retina ขนาด 5.8 นิ้ว เป็นแผง OLED จอภาพแบบ HDR รองรับ Dolby Vision และ HDR10 ทำให้รูปภาพและวิดีโอดูสวยงามยิ่งกว่าเดิมและการแสดงผลแบบ True Tone ก็ช่วยปรับไวท์บาลานซ์บนหน้าจอให้ตรงกับแสงรอบๆ อยู่ตลอดเวลา ทำให้การรับชมมีความเป็นธรรมชาติมากขึ้น

และยังคงความสามารถในการกันน้ำกันฝุ่นได้เหมือนเดิม แถมด้วยการชาร์จไฟแบบไร้สายได้ด้วย

โดยรวมๆ ถือว่าเป็นไอโฟนที่มีเสน่ห์เหลือเกิน เพราะรูปร่างหน้าตาที่เปลี่ยนไป และเทคโนโลยีใหม่ที่ถูกใส่เข้ามา ด้วยราคาเริ่มต้นที่ความจุ 64 กิกะไบต์ อยู่ที่ 999 ดอลลาร์สหรัฐ หรือเอาเงินไทยเข้าไปคูณตอนนี้ก็ต้องคูณด้วยประมาณ 33 บาท ก็จะได้ที่ประมาณ 33,000 บาท

สาวกแอปเปิลในประเทศไทยต้องรอกันไปสักระยะ เพราะกลุ่มประเทศแรกและกลุ่มที่สองนั้น ยังไม่มีไทยรวมอยู่ด้วย น่าจะได้เห็นของจริงในไทยกันไม่เกินปลายปีนี้

หวังว่าเช่นนั้น

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image