นับตั้งแต่โบราณกาล “น้ำหอม” เป็นสิ่งหนึ่งที่ช่วยเพิ่มเสน่ห์ เสริมความมั่นใจและบ่งบอกความเป็นตัวตนแบบไม่ซ้ำใคร จึงเป็นสิ่งคู่กายหนุ่มสาวมาทุกยุคทุกสมัย
ห้างเซ็นทรัลจึงเอาใจคนรักความหอม จัดแคมเปญ “บิวตี้ แกเลอรี พรีเซนต์ ออล อะเบ้าท์ บิวตี้ เซ้นส์ ออฟ เซ้นต์” เนรมิตความหอมด้วยนิทรรศการ เซ้นต์ ออฟ แรร์ริตี้ รวบรวมกลิ่นหอมสุดคลาสสิกจากทั่วโลก ที่หายากและมีเอกลักษณ์ พร้อมเกร็ดเรื่องเล่า มาจัดแสดง ณ แผนกบิวตี้ แกลเลอรี ชั้น 1 ห้างเซ็นทรัลชิดลม ตั้งแต่วันนี้ – 24 ธ.ค.
อนุชา บุญยวรรธนะ ผู้รักการสะสมน้ำหอมวินเทจมากว่า 10 ปี เผยว่า เริ่มชอบผสมกลิ่นห้ำหอมของตัวเองมาก่อน จนมารู้จักกับน้ำหอมวินเทจ จึงรู้ว่าเป็นศาสตร์ที่น่าหลงใหล หลายชนิดหาดมไม่ได้ง่ายๆ ในปัจจุบัน ต้องไปเสียค่าดมที่พิพิธภัณฑ์ แต่ละขวดมีเรื่องเล่าต่างๆ อาทิ
“ชาแนล นัมเบอร์ 5” ปี 1912 กลิ่นแรกจากแบรนด์ดัง ที่ถือว่าเป็นผู้นำเทรนด์ยุคแรกที่แฟชั่นดีไซเนอร์หันมาทำน้ำหอม เป็นต้นแบบอัลเดลิก ฟลอรัล นิยามความเป็นเฟมินินในปัจจุบัน
“มิสดิออร์ 1947” นิยามความเอลิแกนท์ของผู้หญิงยุคสงครามโลกครั้งที่ 2
“โอเปียม 1977” น้ำหอมไอคอนยุค 80 จากอีฟส์ แซงต์ โลรองต์
“ชาลิมาร์ 1925” ต้นกำเนิด โอเรียนทัล เพอร์ฟูม กลิ่นความรักอมตะ ปรุงแต่งโดย ฌาค เกอร์แลง เป็นน้ำหอมที่มีชื่อที่สุดของแบรนด์ เกอร์แลง ได้รับการยกย่องว่าเป็นน้ำหอมโอเรียนทัลที่ดีที่สุดในโลก
“จอย 1930” จาก ฌอง ปาตู ที่ปรุงแต่งขึ้นด้วยความสุขและความหวัง จากดอกมะลิและกุหลาบที่ดีที่สุดและราคาสูง เป็นกลิ่นแห่งความร่าเริงของศตวรรษนี้
“ลอริแกน 1905” ต้นกำเนิดกลิ่นแป้งกลิ่นแรกของโลก เมื่อฟรองซัวส์ โคตี้ เจ้าของแบรนด์โคตี้ ได้ผสมน้ำหอมกับแป้งผัดหน้า กลายเป็นกลิ่นอันโด่งดัง “ช็อกกิ้ง 1937” กลิ่นที่ดังที่สุดของ เอลซา เซียปาเรลลี แฟชั่นดีไซน์เนอร์ผู้คิดค้นสีช็อกกิ้ง พิ้งค์ ถ่ายทอดความเปรี้ยวซ่าของสาวๆ แห่งยุค
“นาร์ซิส นัวร์ 1911” น้ำหอมต้นแบบของสาวๆ ลุคร้ายในหนังฟิล์มนัวร์ ที่มีชื่อเสียงที่สุดของแบรนด์การง แบรนด์เก่าแก่ของฝรั่งเศส มีความหอมหวานเย้ายวนจากยางไม้และวานิลลา และออเร้นจ์ฟลาวเวอร์ พิเศษที่ตัวเลขที่แมตซ์กันระหว่างฝากับขวดเป็นเลขเดียวกัน
คลาสสิก