เมื่อเวลา 12.40 น. วันที่ 22 มกราคม ที่ โรงแรม โนโวเทล สุวรรณภูมิ แอร์พอร์ต กรุงเทพฯ นายณวัฒน์ อิสรไกรศีล ผู้อำนวยการกองประกวด มิสแกรนด์ ไทยแลนด์ จัดแถลงข่าวการประกวด “มิสแกรนด์ ไทยแลนด์ 2018” เพื่อเฟ้นหาสาวงามที่เพียบพร้อมไปด้วยรูปร่างหน้าตา และความรู้ความสามารถ โดยมีรุ่นพี่มิสแกรนด์ ไทยแลนด์ปีต่างๆ มาร่วมงาน อาทิ ปลา – ปรภัสสร วรสิรินดา มิสแกรนด์ ไทยแลนด์ 2014, ปอไหม – รัตติกร ขุนโสม มิสแกรนด์ ไทยแลนด์ 2015, ฝ้าย- สุภาพร มะลิซ้อน มิสแกรนด์ ไทยแลนด์ 2016, แพม – เปรมิกา พาเมล่า มิสแกรนด์ ไทยแลนด์ 2017 รวมถึงมาเรีย โจเซ่ ลอร่า มิสแกรนด์ อินเตอร์ เนชั่นแนล 2017
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประกวดเปิดตัวด้วยการให้รุ่นพี่นางงามขึ้นมาร้องเพลงสร้างบรรยากาศ ก่อนจะเปิดตัวรุ่นพี่นางงามเดินแฟชั่นโชว์ พร้อมแนะนำตัวทีละคน จากนั้นกองประกวดได้เปิดตัวสาวงามอีก 3 คนในชุดประจำชาติที่ไปคว้ารางวัลระดับนานาชาติ อาทิ ราชาแห่งผลไม้หรือชุดทุเรียน, ผีเสื้องามปางสีดา และ นารีศรีทวารบาล ต่อจากนั้นจึงเปิดเวทีให้ ณวัฒน์ แนะนำความพร้อมในการประกวดปีนี้
ณวัฒน์ เผยว่า ในปีนี้เวทีมิสแกรนด์ไทยแลนด์ยังคงเปิดให้ประกวดเป็นตัวแทนของแต่ละจังหวัดมาชิงมงกุฎมิสแกรนด์ไทยแลนด์ ซึ่งจะเก็บตัวทำกิจกรรมทั้งหมด 22 วัน และจะเดินทางไปเก็บตัวที่จังหวัดภูเก็ต ซึ่งมีกิจกรรมต่างๆ อาทิ ขึ้นเรือยอร์ชชมความงามของท้องทะเล แฟชั่นโชว์ริมหาดป่าตองในรูปแบบคาร์นิวัล รวมถึงแฟชั่นโชว์กลางน้ำบนแคตวอล์กกลางน้ำหน้าศูนย์การค้าจังซีลอน
โดยนอกจากจะมีการประกวดแต่ละจังหวัด และรางวัลของสปอนเซอร์ต่างๆที่มีเงินรางวัลเพิ่มขึ้นแล้ว เรายังกำหนดว่าชุดราตรีสั้นในรอบพรีลิม และชุดราตรียาวรอบตัดสินจะต้องตัดโดยร้านในจังหวัดของนางงาม ชิงรางวัล เบสท์ ดีไซเนอร์ อวอร์ด เพื่อเป็นการส่งเสริมแบรนด์เสื้อผ้าต่างๆให้เติบโตได้ในระยะยาว รวมถึงรางวัลพิเศษรางวัลใหม่อย่างรักแร้งาม ชิงเงินรางวัล 2 แสนบาท ให้รางวัลกับสาวงามที่มีวงแขนสวย ผ่อง เป็นสีผิวของนางงามไม่ว่าจะขาวหรือคมเข้ม เพราะผู้หญิงควรจะสวยทั้งที่มองเห็นและจุดที่หลายคนอาจมองข้าม
นอกจากนี้ ณวัฒน์ยังเปิดเผยว่า มิสแกรนด์ปีนี้ถือเป็นปีที่ 6 แล้ว จึงมีความฝันว่าจะเป็นเวทีนางงามที่เข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์เป็นเวทีแรกภายใน 3 ปี ปีนี้จึงมีกิจกรรมการวัดความนิยมของแฟนนางงามด้วยแคมเปญทายผลรางวัลตำแหน่งที่ 1-5 เพื่อรับเงินรางวัล 1 ล้านบาท โดยมอบให้กับผู้ที่ทายผลชนะทั้งหมด 5 ตำแหน่ง ซึ่งจะเปิดให้ทายในเว็บไซต์ตั้งแต่วันแรกที่นางงามเข้ามาเก็บตัว ส่วนหนึ่งจะได้รู้ว่ามีคนเข้ามาสนใจมากน้อยเพียงไร นอกจากนี้เรายังมีโครงการ มิสแกรนด์สตาร์ทอัพ ให้พีดี ผู้ใกล้ชิด รวมถึงครอบครัวมิสแกรนด์ที่มีโครงการดีๆไม่จำกัด ไม่ว่าร้านอาหาร ครีม ภาพยนตร์ ที่ขาดแคลนทุนสามารถนำโครงการมานำเสนอ โดยมีเงินทุนวางไว้ 10 ล้านบาท หากผ่านจะออกทุนให้เมื่อได้กำไรแบ่งกันคนละครึ่ง เพราะอยากให้ธุรกิจมิสแกรนด์อยู่ได้นาน
นอกจากนี้ ณวัฒน์ยังเปิดเผยถึงการปลดนางงามประจำจังหวัดนับ 10 รายว่า ที่จำเป็นต้องปลดมิสแกรนด์ประจำจังหวัดต่างๆนั้นเพราะเรามีกฎชัดเจนว่าหากดำรงตำแหน่งแล้วไปประกวดเวทีอื่นในประเทศไม่ได้ เพราะจะสร้างความสับสนได้ แต่หากไปประกวดต่างประเทศให้ทำหนังสือมา ส่วนใหญ่ก็จะอนุญาต ซึ่งที่ผ่านมานางงามแต่ละคนเดินสายไปประกวด ทำให้เกิดความเข้าใจผิดเพราะยังดำรงตำแหน่งอยู่ ในแต่ละจังหวัดผู้ว่ารับรู้ ได้เงินรางวัลมาก และมีเกียรติจึงจำเป็นที่จะต้องจัดการอย่างเด็ดขาด
ส่วนตำแหน่งรองอันดับ 1 ที่ต้องปลดไปนั้น เนื่องจากนางงามมีการจัดการดูแลกับพี่เลี้ยงส่วนตัว ทำให้กองไม่สามารถดูแลได้ จึงจำเป็นต้องปลด เรื่องนี้ทำให้กองต้องปรับกฎใหม่คือให้นางงามแต่ละจังหวัดรับเงินรางวัล 3 รอบ คือวันรับตำแหน่ง วันเข้ากองประกวดมิสแกรนด์ไทยแลนด์ และวันมอบตำแหน่งให้นางงามคนถัดไป รวมถึงมีการเซ็นต์สัญญาตั้งแต่วันแรก หากผิดสัญญาจะต้องเสียค่าปรับให้กับกองแต่ละจังหวัดด้วย เพื่อป้องกันการมีปัญหาเช่นในปีนี้
นอกจากนี้ รอบสัมภาษณ์จะต้องเข้มข้นกว่าเดิม เพราะนางงามอาจจะอยากได้ตำแหน่งมากโดยไม่ได้บอกความจริงกับเรา ทั้งนี้การได้รับตำแหน่งอาจไม่ใช่สิ่งท้ายสุด เพราะอาจจะต้องปรับตำแหน่งหากนางงามไม่สามารถทำงานร่วมกับเราได้
ทั้งนี้การประกวดมิสแกรนด์ไทยแลนด์จะจัดขึ้นวันที่ 14 กรกฎาคม สาวงามที่ได้รับตำแหน่ง “มิสแกรนด์ ไทยแลนด์ 2018” จะได้รับมงกุฎเกียรติยศ, เงินรางวัล 1 ล้านบาท, บ้าน และรถยนต์ รวมถึงทุนการศึกษาระดับปริญญาโท-เอก และได้เป็นตัวแทนประเทศไปประกวดมิสแกรนด์อินเตอร์เนชั่นแนล นอกจากนี้ยังมีรางวัลพิเศษอีก 12 รางวัล อาทิ เบสท์ วอยซ์ อวอร์ด ,มิสแกรนด์ไรซิ่ง สตาร์ และ รางวัลแนะนำตัวยอดเยี่ยม
