ที่มา | คอลัมน์ ร่อนตามลม มติชนรายวันหน้า 18 |
---|---|
เผยแพร่ |
คนเราจำเป็นต้องอยู่บ้านหลังใหญ่ จึงจะมีความสุขจริงหรือ?
บางคนอาจจะใช่
แต่สำหรับบางคนไม่ใช่เลย เพราะแม้แต่สิ่งที่อ่อนแอ เปราะบาง พร้อมจะพังได้ทุกเมื่ออย่าง “ปราสาททราย” ชายตกยากอย่าง มาร์ซิโอ มาโตเลียส วัย 44 ปี ก็ยังสามารถอาศัยเป็นที่ซุกหัวนอน อยู่ที่ริมชายหาดบารา ดา ติคูกา ในนครริโอ เดอจาเนโร ประเทศบราซิลมานานถึง 22 ปีแล้ว แถมชาวบ้านแถวนั้นยังเรียกเขาว่า “เดอะ คิง” หรือพระราชา ซึ่งเจ้าตัวก็ยอมรับอย่างมีความสุข แม้จะรู้ดีว่าเขาเป็นพระราชาที่ไม่มีสมบัติมีค่าติดตัว หรือติดบ้านแม้แต่ชิ้นเดียว
“คนอื่นต้องเสียเงินแพงๆ เช่าบ้านอยู่ตามริมทะเล แต่ผมไม่ต้องเสียเงินสักแดง และอยู่ที่นี่อย่างมีความสุข” มาร์ซิโอเล่าให้นักข่าวเอเอฟพีฟังด้วยรอยยิ้มที่แสดงให้เห็นว่า เขารู้สึกเช่นนั้นจริงๆ ไม่ได้เสแสร้ง แกล้งพูด
จากที่คิดจะมาเสี่ยงโชคในนครใหญ่ ทำให้มาร์ซิโอตัดสินใจเดินทางจากเมืองดูกีจีกาเชียส บ้านเกิดมาที่นครริโอ เดอจาเนโร แต่เขากลับพบ “ความจริง” อันโหดร้าย เมื่อไม่สามารถหาเงินได้มากพอ ที่จะทำให้เขาสามารถหาเช่าบ้านเพื่อซุกหัวนอนได้สักหลัง จนกระทั่งวันหนึ่งที่กลายเป็น “จุดเปลี่ยน” ในชีวิตเมื่อเขาได้พบกับเพื่อนคนหนึ่งที่สอนวิธีสร้างปราสาททรายให้แก่เขา ประกอบกับนิสัยรักการอ่านหนังสือ ทำให้มาร์ซิโอนำความรู้ต่างๆ มาออกแบบ ตกแต่งปราสาททรายตามสไตล์ของเขาเองขึ้นมา
แม้จะเป็นที่อยู่อาศัยที่ไม่จำเป็นต้องใช้เงินสักแดง อีกทั้งทางนายกเทศมนตรีก็ไม่เคยมาขับไล่ที่ ทำให้มาร์ซิโอสามารถอาศัยอยู่ในปราสาททรายนี้มานานถึง 22 ปี เนื่องจากทางเทศบาลเห็นว่า ปราสาทรายของมาร์ซิโออย่างน้อยก็กลายเป็นจุดสนใจของนักท่องเที่ยว ที่แวะเวียนเข้ามาถ่ายรูปกันไม่ขาดสาย แต่มาร์ซิโอก็ต้องใช้ความอดทน และความพยายามอย่างยิ่งยวดในการรักษาสภาพปราสาททรายให้คงสภาพอยู่ได้ ด้วยการต้องคอยนำน้ำมาพรมให้ทรายเปียก หรือในยามที่ฝนตก มาร์ซิโอก็ต้องมานั่งซ่อมประสาททรายของเขาขึ้นมาใหม่ ซึ่งเขาต้องใช้เวลานานถึง 10-20 ชั่วโมง แต่แค่ฝนตกหนักแค่ไม่กี่นาที ก็สามารถถล่มปราสาททรายของเขาให้พังครืน
หรือในช่วงฤดูร้อน ที่ทรายจะอมความร้อนไว้มาก ทำให้เขาไม่สามารถอาศัยนอนในปราสาททรายของเขาที่มีพื้นที่กว้างเพียง 32 ตารางฟุต มาร์ซิโอก็ต้องไปอาศัยนอนที่บ้านเพื่อนคนหนึ่ง แต่เจ้าตัวก็เล่าว่า เขาชอบนอนในปราสาททรายของเขามากกว่า ถึงแม้ว่าจะต้องออกมานอนข้างนอกปราสาททรายก็ตาม
และด้วยความที่ภายในปราสาททรายแคบมาก แถมยังมีหนังสือวางเรียงรายอยู่เป็นกองๆ มาร์ซิโอซึ่งอยู่ตามลำพังตัวคนเดียว ไม่มีลูก ไม่มีครอบครัว ก็จะอาศัยนอนในถุงนอน ส่วนห้องสุขา ห้องอาบน้ำ ก็ไปอาศัยห้องสุขา ห้องน้ำที่สถานีตำรวจดับเพลิงที่อยู่ไกลออกไป 30 เมตร
ทุกวันนี้ มาร์ซิโอหาเลี้ยงชีพด้วยการรับจ้างไปก่อปราสาททรายตามงานอีเวนต์ต่างๆ ที่สนใจมาว่าจ้างเขา และตั้งกล่องรับบริจาคเงินไว้ที่ทางเข้าปราสาททราย เผื่อว่ามีนักท่องเที่ยวหรือใครที่สนใจมาถ่ายรูปปราสาทรายของเขาหรือถ่ายรูปมาร์ซิโอ หรือแวะมาอ่านหนังสือต่างๆ ที่เขานำมาตั้งเรียงรายไว้ให้หยิบอ่าน และสามารถหยิบไปได้จะใส่เงินบริจาคไว้ให้ตามจิตศรัทธา
แต่มาร์ซิโอเล่าว่า นอกจากจะไม่ค่อยมีใครบริจาคเงิน เขายังเคยถูกขโมยเงินในกล่องรับบริจาคอยู่บ่อยๆ ด้วยซ้ำ “ผมเคยโกรธมาก ถึงขนาดนอนถือก้อนหินไว้ในมือเพื่อจะขว้างใส่ไอ้พวกหัวขโมย ผมเริ่มอยู่อย่างหวาดระแวง ซึ่งผมไม่ต้องการแบบนั้น แล้วผมก็มาคิดได้ว่า ที่ผมเลือกอยู่แบบนี้ เพราะผมต้องการอยู่แบบมีความสุขนี่หน่า”
เครดิตภาพจากเอเอฟพี