| ที่มา | มติชนรายวันหน้า 23 |
|---|---|
| เผยแพร่ |
2 เมษายน เป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในวันมหามงคลดังกล่าวยังเป็น วันสายใจไทย ซึ่งในโอกาสครบรอบ 41 ปีก่อตั้ง มูลนิธิสายใจไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์ จึงเปิดบ้านให้เยี่ยมชมภายใต้กิจกรรม “สายใจไทย บ้านใหม่ทหารผ่านศึก” พร้อมบอกเล่าเรื่องราวสุดประทับใจ ณ มูลนิธิสายใจไทยฯ สำนักสายพัฒนาอาชีพบางนา เขตบางนา กรุงเทพฯ
ท่านผู้หญิงพึงใจ สินธวานนท์ รองผู้จัดการมูลนิธิสายใจไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์ เล่าว่า มูลนิธิมีหน้าที่ให้ความช่วยเหลือเหล่าทหารหาญที่ทุพพลภาพ อันเนื่องจากการปฏิบัติหน้าที่ปกป้องประเทศชาติด้วยการสู้รบ ตั้งแต่ให้เงินเลี้ยงชีพ ดูแลสุขภาพความเป็นอยู่ ฝึกอาชีพ ดูแลสมาชิกครอบครัว ให้ทุนการศึกษาบุตร ซึ่งปัจจุบันเราดูแลอยู่ 4 พันกว่าครอบครัว ทั้งนี้ เพื่อให้ผู้ทุพพลภาพยืนหยัดต่อไปได้อย่างมีคุณภาพ เราจึงให้ผู้ทุพพลภาพตลอดจนคนในครอบครัวมาฝึกอาชีพและทำงานมีรายได้กับเรา โดยทำใน 7 สาขา ได้แก่ งานเครื่องหนัง งานลวดลายบนแก้ว งานพู่กันระบายสี งานไม้ งานตัดเย็บ งานสวน และงานพิเศษ
“งานที่นี่เป็นงานหัตถกรรม เป็นงานฝีมือที่อาจบอกได้ว่ามีชิ้นเดียวในโลก ขณะที่คุณภาพงานก็ดี อย่างงานเย็บหนังเราไม่แพ้แบรนด์ต่างชาติ ทั้งที่ขายราคาถูกกว่า ใครเห็นก็ชอบ”
ซึ่งที่เป็นอย่างนี้ได้เพราะมีที่มา โดยท่านผู้หญิงพึงใจเล่าต่ออีกว่า สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จะทรงรับสั่งอยู่ตลอดว่า อย่าผลิตเพื่อให้คนซื้อเพราะเกิดความสงสาร หรือซื้อเพราะทำบุญ แต่ต้องผลิตของที่มีคุณภาพ โดยไม่คิดราคาแบบการกุศล แต่ต้องเป็นราคาที่เหมาะสม อย่างไรก็ดี เพื่อให้ทุกคนได้ช่วยเหลือและพึ่งพาตนเอง
ท่านผู้หญิงพึงใจเล่าทิ้งท้ายว่า “41 ปี ถือว่ามูลนิธิประสบความสำเร็จพอสมควร เพราะสามารถทำให้สมาชิกและครอบครัวมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้ ขณะที่ในอนาคตมูลนิธิกำลังเปิดให้สมาชิกที่อยู่ต่างจังหวัด และไม่สามารถมาทำงานกับเราได้ สามารถส่งผลิตภัณฑ์ของตนเองมาฝากขายกับมูลนิธิได้”
สำหรับมูลนิธิสายใจไทยฯ สำนักสายพัฒนาอาชีพบางนา มีทั้งส่วนร้านค้าและฝ่ายผลิต เข้าสำนักงานด้านหน้าเป็นส่วนร้านค้า ข้างในมากมายด้วยงานฝีมือราคาย่อมเยา ตั้งแต่กระเป๋า เสื้อเชิ้ต ตลอดจนข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ที่มีลวดลายสวยงามของลายไทย ลายพระหัตถ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เข้าไปในสำนักงานเป็นฝ่ายผลิต ทุกคนประจำอยู่ตามแผนก ตาเพ่งมองมือทำงาน บางคนหันมาทักทายแขกผู้มาเยือนด้วยสีหน้ามีความสุข บุคลากรที่นี่ส่วนใหญ่เป็นสมาชิกมูลนิธิ กล่าวคือเป็นทหารผ่านศึกที่ทุพพลภาพ นั่งทำงานเผินๆ ดูไม่รู้เลย
อย่าง ร.ต.วัชรินทร์ บุญโต อดีตนักรบชายแดนที่สูญเสียขาขวา ปัจจุบันเป็นช่างฝีมือ แผนกเครื่องหนัง เล่าด้วยรอยยิ้มว่า 32 ปี ที่ทำงานตรงนี้ รู้สึกภูมิใจและปลาบปลื้ม งานทำให้ตนมีรายได้ไปจุนเจือครอบครัว ภรรยาก็ได้เข้ามาทำงานด้วยกัน มูลนิธิยังมีทุนการศึกษาให้บุตรทั้ง 2 คน จนตอนนี้ศึกษาจบระดับปริญญาตรีกันหมดแล้ว
“รู้สึกซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณสมเด็จพระเทพฯ ที่ทรงใส่ใจดูแลทหารผ่านศึก ทรงทำให้พวกเรายืนหยัดต่อไปด้วยการทำงาน พระองค์ยังเคยรับสั่งถึงคนงานที่เกษียณอายุว่า หากมีแรงก็ให้ทำต่อไป เราจึงมีสมาชิกเลยวัยเกษียณหลายคน อย่างในแผนกนี้อายุมากสุดคือ 65 ปี”
ร.ต.วัชรินทร์ยังฝากทิ้งท้ายถึงผลิตภัณฑ์ว่า ชาวจีนชาวญี่ปุ่นที่ชอบซื้อผลิตภัณฑ์มูลนิธิกลับไปมากๆ เขาให้เหตุผลว่า งานเราฝีมือดี เย็บสวย วัตถุดิบดี อย่างกระเป๋าหนังปั๊มลายจระเข้นี้ขายราคา 3,500 บาท แต่ในต่างประเทศบอกกระเป๋าแบบนี้ 35,000 บาท ทั้งนี้ สามารถหาซื้อผลิตภัณฑ์ได้ที่ร้านของมูลนิธิสาขาต่างๆ หรือร้านค้าของคิงเพาเวอร์
ผลิตภัณฑ์คุณภาพเพื่อชีวิตที่ยั่งยืน
