วงเสวนาสะท้อนสังคมตรรกะวิบัติ รุมโทษเหยื่อแท็กซี่หื่น “น้องแอล” ยังผวาไม่กล้าใช้บริการ

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 11 เมษายน เพจ เมืองปลอดภัยเพื่อผู้หญิง Safe Cities For Women Thailand ได้จัดเวทีเสวนาผ่านเฟซบุ๊กไลฟ์ ในหัวข้อ“เมาแค่ไหนก็ไม่มี สิทธิ์คุกคามทางเพศ ความปลอดภัยของรถสาธารณะอยู่ที่ไหน?”

โดยมี น.ส.อินทุอร ดีบุกคำ หรือ แอล นักร้องในวงคิงก่อนบ่ายก๊อปปี้วาไรตี้โชว์ ซึ่งเป็นผู้เคยประสบเหตุการณ์ถูกคุกคามทางเพศบนรถแท็กซี่, นายณภัทร ชุ่มจิตตรี ดาราตลกชื่อดังที่เป็นผู้
เข้าให้ความช่วยเหลือ และน.ส.วราภรณ์ แช่มสนิท ผู้จัดการแผนงานสุขภาวะผู้หญิงและความเป็นธรรมทางเพศ เข้าร่วมการเสวนา

น.ส.อินทุอร กล่าวว่า หลังปรากฎเป็นข่าวถูกแท็กซี่พาเข้าโรงแรม ตนในฐานะที่เป็นผู้เสียหายกับถูกโจมตีจากโซเชียลมีเดียทั้งเรื่องการแต่งกาย และการเมา ซึ่งบางความคิดเห็นกล่าวได้หยาบคายมากว่าสาเหตุมาจากตน โดยส่วนนี้ได้กล่าวขอโทษไปแล้ว ส่วนที่เลือกนั่งแท็กซี่ในวันนั้นเพราะคิดว่าเป็นการเดินทางด้วยรถสาธารณะที่ปลอดภัยที่สุด ด้วยรัฐบาลเองก็ออกมารณรงค์ว่า “ถ้าเมาให้กลับแท็กซี่” ประกอบกับในวันนั้นไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น ตอนนี้สภาพจิตใจเริ่มดีขึ้นแล้ว แต่ยังคงหวาดกลัวการนั่งแท็กซี่อยู่

Advertisement

“ตอนฟื้นขึ้นมา รู้สึกตกใจมากที่อยู่ในโรงแรม กับใครก็ไม่รู้ เลยขู่แท็กซี่คนนั้นว่าจะเรียกพี่ชายมารับ พอแท็กซี่ออกไปจากห้อง ก็เลยตะโกนขอความช่วยเหลือแต่ไม่มีใครเลย แม้แต่พนักงานโรงแรม จนกระทั่งใช้โทรศัพท์ภายในโทรหา โดยบอกเขาว่าเราถูกแท็กซี่พาเข้าโรงแรม พนักงานโรงแรมก็ไม่ยินยอมให้ดูกล้องวงจรปิด ซึ่งหลังจากเจรจาอยู่สักพัก จึงมีพนักงานนำภาพถ่ายทะเบียนรถแท็กซี่คันดังกล่าวมาให้” น.ส.อินทุอรกล่าว

ด้านนายณภัทร กล่าวว่า พอเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นแล้วโซเชียลกับมาโจมตีผู้เสียหาย แทนที่จะไปโจมตีผู้กระทำความผิด หากเกิดเหตุการณ์ในลักษณะเช่นนี้อีก ถามว่าจะมีผู้เสียหารายใดกล้าแจ้งความอีก เพราะนอกจากถูกกระทำแล้ว ยังต้องถูกโซเชียลประณามด้วย ในกรณีของน.ส.อินทุอร ตนได้ให้ความช่วยเหลือในการดำเนินคดีเพราะน.ส.อินทุอรเป็นนักร้องนำของวง โดยพาไปแจ้งความเพื่อหาตัวผู้กระทำความผิด เพราะต้องการปกป้องศักดิ์ศรีของผู้หญิง และต้องการปรามไม่ให้เขาไปก่อเหตุกับใครแบบนี้อีก

นายณภัทร กล่าวต่อไปอีกว่า แค่แท๊กซี่คนดังกล่าวพาหญิงสาวไปในโรงแรมที่แทบจะไม่มีใครรู้จักแสดงว่าเขาต้องเคยใช้บริหารโรงแรมนั้นบ่อย เหมือนเป็นเรื่องที่เคยทำจนชิน ภายหลังที่เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามตัวแท็กซี่ผู้ก่อเหตุมารับผิดได้ พบว่าแท็กซี่ที่ก่อเหตุนั้นเป็นแท็กซี่ในโครงการแท็กซี่โอเค ของกรมการขนส่งทางบก ซึ่งในแท็กซี่มีทั้ง จีพีเอส และกล้องวงจรปิดที่สามารถทำให้เอาผิดเขาได้ เห็นหน้าเขาชัดเจน จากกรณีนี้ อาจกล่าวได้ว่า

Advertisement

“รถแท็กซี่โอเคแต่คนขับไม่โอเค”

“เราต้องแยกให้ออกว่าอะไรคือปัญหา แท็กซี่หน้าที่ของคุณคือต้องไปส่งผู้โดยสารต่อให้เขาแต่งตัวแบบไหนก็ตามหรือเขาเมาขนาดไหนก็ตามหน้าที่ของคุณก็คือไปส่งเขาให้ถึงเป้าหมาย ถ้าเขาเมามากไม่รู้เรื่องคุณก็ต้องพาเขาไปส่งโรงพักไม่ใช่พาเขาไปส่งโรงแรม คุณไม่มีสิทธิ์ไปคุกคามทางเพศเขา” นายณภัทรกล่าว

ขณะที่ น.ส.วราภรณ์ กล่าวว่า จากที่มีกระแสสังคมโจมตีมายังผู้เสียหาย ทั้งเรื่องเมา หรือการแต่งตัว จุดนี้ต้องตั้งคำถามกลับไปว่า สังคมเกิดตรรกะวิบัติอะไรหรือไม่ เพราะถ้านำเหตุการณ์นี้ไปเปรียบเทียบเหตุการณ์ลักษณะอื่นที่ไม่ใช่เรื่องเพศ เช่น มีคนเมาเดินอยู่ริมถนนและถูกทำร้ายร่างกาย จะถูกประณามไหมว่าเกิดขึ้นเพราะเมา จึงถูกทำร้ายร่างกาย แต่พอสังคมมองเห็นว่าเป็นเรื่องเพศ โดยเฉพาะเมื่อเกิดขึ้นกับผู้หญิง สังคมจะกล่าวโทษมาที่ผู้เสียหายเพราะสังคมมองว่าผู้หญิงต้องรักนวลสงวนตัว

“เรื่องราวลักษณะนี้ คงกล่าวได้ว่าเป็นตรรกะที่วิปริต เป็นวัฒนธรรมในการโทษเหยื่อ เพราะเรื่องอื่นสังคมไม่มาตั้งคำถามแบบนี้ การกระทำแบบนี้รังแต่จะทำให้กระบวนการหาคนผิดมาลง
โทษนั้นช้าออกไปอีก ” น.ส.วราภรณ์ กล่าวทิ้งท้าย

น.ส.วราภรณ์ แช่มสนิท (ขวา)

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image