เงียบหายจากแวดวงไฮโซเซเลบริตี้ไปพักใหญ่ๆ ก่อนจะมีข่าวออกมาว่า “ชูชัย ชัยฤทธิเลิศ” เจ้าของแบรนด์เครื่องเพชรชื่อดังอย่าง เจมส์พีซ และ ซีทรู บาย ชูชัย เป็น “โรคซึมเศร้า” หลังจากโรงแรมชูชัยบุรี ที่เจ้าตัวทุ่มเงินนับ 600 ล้านบาท เนรมิตให้เป็นบูทีคโฮเทลสุดหรูถูกโจมตีจากคนท้องที่อย่างหนัก
ผ่านไปนับปี ชูชัยกลับมาเรียกเสียงแฟลชจากวงสังคมอีกครั้ง สร้างความฮือฮาเป็นทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์ ด้วยการเปิดคฤหาสน์หรูย่านรามอินทรา เชิญเพื่อนพ้องในวงการและลูกค้าคนสำคัญ เยี่ยมชมทุกซอกทุกมุม พร้อมปาร์ตี้ฉลองวันเกิด ริมสระน้ำแบบเอ็กซ์คลูซีฟ ขนเครื่องเพชรที่สร้างชื่อเสียงอย่าง ตะปิ้งเพชร, กระจับเพชร และศิวลึงค์ฝังเพชร มูลค่านับ 500 ล้านบาทมาแสดงแฟชั่นโชว์แบบสุดพิเศษ แถมประกาศงดรับของขวัญ ขอนำเอาเงินจากการประมูลเครื่องเพชรไปบริจาคให้กับศูนย์โรคหัวใจ รพ.สมุทรสาคร
เชื้อเชิญมาร่วมสัมผัสความหรูหราเยี่ยงนี้ ก็ต้องได้เจ้าของบ้านมาร่วมนำชมด้วยตัวเอง ทั้ง 20 ส่วน เริ่มจากห้องโคลัมบัส ห้องรับแขกหน้าบ้าน ที่ตกแต่งในสไตล์สเปน ประดับด้วยเครื่องแก้วและจานชามที่หาได้ยาก เข้าสู่ห้อง เวเนเชีย ต้อนรับแขกกันเองอย่างสบายๆ ไฮไลต์โดดเด่นด้วยเสาหินอ่อนจากอิตาลี มูลค่าหลายแสนบาท ทอดยาวไปยังห้องลิเบอร์ตี้ แวร์ซายน์ ดินเนอร์ 6 ที่นั่ง ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์จากยุโรปมูลค่าเกือบ 10 ล้านบาท
พิเศษสุด เมื่อไฮโซเจ้าพ่อเพชรคนดัง พาขึ้นบันไดมุ่งสู่ชั้น 2 เปิดให้ชมห้องต่างๆ ที่เรียกว่าพิเศษสุด ไม่ว่าจะเป็นห้องนอน ในชื่อ นิวยอร์ก นิวยอร์กกี้ พื้นที่ 100 ตร.ม. กับเครื่องนอนแอนทีคของแท้ รวมไปถึงผ้าห่มขนสัตว์ที่ชูชัยบินไปช้อปกลับมาจากนิวซีแลนด์ ตัดเข้าสู่บันไดวนขึ้นสู่ชั้น 3 กับห้องแต่งตัวขนาดใหญ่ ที่รวบรวมเสื้อผ้า แอคเซสเซอรี่เป็นสัดส่วน ที่ชั้น 2 ของบ้านนี้ไม่เพียงแต่มีห้องนอนสวยเก๋ ยังมีห้องยูนิเวอร์แซล ประดับเพดานเป็นดวงดาว ไว้พักผ่อนดูหนัง ร้องเพลง หรือห้องโมกุล โดดเด่นด้วยเตียงจีนโบราณ ด้านนอกมีสวนหย่อม และอ่างสปาด้านนอก
แม้จะอยู่บ้านหลังนี้มากว่า 12 ปี แต่ทุกพื้นที่ก็ยังดูโมเดิร์น มีคาแร็กเตอร์สมกับความเป็นชูชัย
และเมื่อเปิดบ้านแล้ว ก็ถึงเวลาที่เปิดใจ ไฮโซคนดังเผยว่า นับตั้งแต่เริ่มทำงานมา สิ่งที่เรายึดเสมอคือต้องมีคุณธรรม ทั้งซื่อสัตย์ เสียสละ รับผิดชอบ เกื้อกูลกัน ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการทำธุรกิจมากๆ ลูกค้าจะอยู่กับเราได้นาน นอกจากของของเราดี ไม่เหมือนใครแล้ว ก็ต้องรู้ว่าเราซื่อตรง จริงใจ คบได้ ไม่เอาเปรียบเขา
นั่นเป็นเหตุผลให้ เจมส์ พีซ และซีทรู บายชูชัย ประสบความสำเร็จมาตลอด 20 ปี
รวมไปถึง “ชูชัยบุรี ศรีอัมพวา” โรงแรมแห่งใหม่ที่อัมพวา ที่เขาเอาหมายมั่นปั้นมืออยากให้เป็นตำนาน 2 ปีที่ผ่านมา ธุรกิจใหม่นี้เริ่มไปได้ดี มีแขกเต็มทั้ง 75 ห้อง และยังมีงานสัมมนาอยู่เรื่อยๆ กระจายรายได้ให้กับชุมชนได้ แต่กว่าจะมาถึงจุดนี้ เขาก็ต้องเจออุปสรรคที่หนักหนาไม่น้อย จนทำให้กลายเป็นโรคซึมเศร้า
“ตอนที่เริ่มทำชูชัยบุรี ทุกวันชีวิตมีแต่ความเครียด ทั้งเอ็นจีโอมาต่อต้านเรา คิดว่าเป็นพ่อค้าจะมากอบโกย อีกส่วนหนึ่งก็กังวลว่าจะสร้างออกมาไม่ดี ตื่นขึ้นมาก็ไม่อยากทำอะไร คิดแต่ว่าเศร้า อยากอยู่คนเดียว เคยคิดอยากตาย เพราะใจจริงที่แท้เราอยากทำเพื่อชาวบ้าน นำเงินไปพัฒนาพื้นที่ ไม่ได้อยากทำร้าย เรากลัวการทำบาปมากๆ นอกจากไปพบแพทย์แล้ว ทุกวันก็จะไปเข้าวัด ทำบุญ ไปทั่วประเทศ เป็นอย่างนั้นอยู่ปีครึ่ง จนกว่าจะหายเศร้า”
ในวัย 56 ปีนี้ ชูชัยกล่าวว่า ชีวิตทุกวันนี้ผ่านอะไรมามาก เคยลำบากอย่างหนักก่อนจะต่อสู้จนมามีวันนี้ จนคิดได้ว่าจุดหนึ่ง ลาภ ยศ สรรเสริญ เราก็ได้มาหมดแล้ว เมื่อตายไปแล้วก็เอาอะไรติดตัวไปไม่ได้ ก็ต้องเติมบุญไว้ เราอยู่ตรงนี้อาจมีข่าวเข้ามาเยอะ ดีก็ฟังไว้ แต่ต้องไม่หลงระเริง แง่ลบก็นำมาปรับพฤติกรรมได้ หากไม่จริง เราก็ไม่ต้องใส่ใจ คิดเสียว่ามีคนสนใจย่อมดีกว่า
“ชีวิตจากนี้ก็คงต้องมุ่งหน้าทำความดี และทำเพชรไปตลอด เพราะนี่คือสิ่งที่เรารักมาก” ชูชัยทิ้งท้าย
