ร่อนตามลม…เจ้าชายแฮร์รี กับ ‘บทพิสูจน์’ คนเราเปลี่ยนได้

คนอ่อนแอ ไม่จำเป็นต้อง “อ่อนแอ” ตลอดไป
คนมองโลกในแง่ร้าย ก็ไม่จำเป็นต้องเป็นคนมองโลกในแง่ร้ายไปจนตาย
เพราะคนเรา “เปลี่ยนแปลงตัวเอง” ได้ หากคิดจะเปลี่ยน

ใครที่เคยติดตามข่าวของ เจ้าชายแฮร์รี พระโอรสองค์เล็กในเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์แห่งอังกฤษ และเจ้าหญิงไดอานา คงรู้สึกได้ว่า ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เจ้าชายแฮร์รี พระอนุชาของเจ้าชายวิลเลียม ทรงเปลี่ยนแปลงไปมาก

เจ้าชายวิลเลียม และเจ้าชายแฮร์รี

จากเจ้าชายหนุ่มอารมณ์ร้อนเมื่อวันวาน ที่ตกเป็นข่าวชอบเที่ยวกินดื่ม ปาร์ตี้ และมีข่าวกับสาวคนนั้น คนนี้อยู่บ่อยๆ ทั้งยังไม่แคร์ที่จะพูดวิพากษ์ วิจารณ์สื่อแรงๆ อย่างตรงไปตรงมา แต่เจ้าชายแฮร์รีในวันนี้ แทบไม่เหลือภาพเหล่านั้นให้เห็น

ในวันนี้ เจ้าชายแฮร์รี “เจ้าบ่าวป้ายแดง” ที่เพิ่งเข้าพิธีเสกสมรสกับ เมแกน มาร์เคิล นักแสดงม่ายสาวชาวอเมริกันวัย 36 ไปเมื่อวันเสาร์ที่ 19 พฤษภาคมที่ผ่านมา กลายเป็นชายหนุ่มที่ยิ้มง่าย ดูอบอุ่น ใจดี เป็นกันเอง ไม่ถือพระองค์ แถมยังดูขี้เล่น มีพระอารมณ์ขัน ทำให้ใครที่ได้เห็น หรือได้เข้าใกล้รู้สึก ผ่อนคลาย หายเกร็งโดยไม่รู้ตัว

เป็นความเปลี่ยนแปลงที่ยากจะตอบเหมือนกันว่า เป็นเพราะ ความเป็นผู้ใหญ่ ความรักจากผู้คนรอบข้าง หรือความเข้าใจชีวิตที่มากขึ้นที่ทำให้เจ้าชายแฮร์รี ซึ่งครั้งหนึ่งเคยถูกสื่อขนานนามให้ว่าเป็น “แบดบอย” ของราชวงศ์อังกฤษ เปลี่ยนแปลงตัวเองไปมากถึงเพียงนี้

Advertisement

แต่ไม่ว่าจะเป็นด้วยเหตุใดก็ตาม เจ้าชายแฮร์รี ทรงพิสูจน์ให้เห็นว่า คนเราเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ และเด็กที่เติบโตมาจากครอบครัวที่พ่อแม่แยกทางกัน ก็สามารถเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีความสุขได้เช่นเดียวกับเด็กที่เติบโตมาจากครอบครัวที่มีพ่อแม่อยู่กันพร้อมหน้า

เจ้าชายแฮร์รี – แมแกน มาร์เคิล

ตลอดชีวิตในวัยเยาว์ และช่วงวัยรุ่น ที่ต้องอยู่ท่ามกลางข่าวความร้าวฉานในชีวิตคู่ของพระบิดา พระมารดา ที่ลงเอยด้วยการแยกทางกัน ดูเหมือนจะส่งผลให้เจ้าชายแฮร์รีทรงใช้ชีวิตวัยหนุ่มหมดไปกับการดิ้นรนต่อสู้กับสถานะของตัวเองใน ฐานะเจ้าชายแห่งราชวงศ์อังกฤษ และการ “หลบหนี” ความจริง

พระองค์ทรงใช้ชีวิตรับราชการอยู่ในกองทัพอังกฤษ 10 ปี และทรงเคยให้สัมภาษณ์ว่า

Advertisement

“นี่คือการหลบหนีจากความสนใจของผู้คนที่ดีที่สุดที่ข้าพเจ้าเคยทำ”

ทั้งนี้เจ้าชายหนุ่ม รัชทายาทลำดับที่ 6 แห่งราชวงศ์อังกฤษ ยังเคยเปิดใจให้สัมภาษณ์เมื่อไม่นานมานี้ว่า การสิ้นพระชนม์ของเจ้าหญิงไดอานา พระมารดาจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่กรุงปารีส ฝรั่งเศส เมื่อปี 2540 ตอนเจ้าชายแฮร์รี อายุเพียง 12 พรรษา ได้ส่งผลกระทบต่อจิตใจของพระองค์อย่างมาก

“การกำพร้าแม่ตั้งแต่อายุ 12 ได้ดับอารมณ์ ความรู้สึกทั้งหมดของข้าพเจ้าไปนานถึง 20 ปี และไม่เพียงส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อชีวิตส่วนตัวของข้าพเจ้าเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบต่อชีวิตการงานของข้าพเจ้าด้วย”

เจ้าชายแฮร์รี เคยเปิดใจพูดถึงการสูญเสียพระมารดา ทำให้พระองค์ต้องต่อสู้กับความเศร้า หดหู่ จนหลายครั้งที่รู้สึกเศร้าจนแทบจะทนไม่ไหว ถึงขนาดต้องเข้ารับการบำบัด รักษาจากจิตแพทย์ และนั่นก็เป็นเหตุผลที่ทำให้ พระองค์กับเจ้าชายวิลเลียม และดัชเชสแห่งเคมบริดจ์ พระชายาเจ้าชายวิลเลียม มองเห็นความสำคัญของปัญหาทางสุขภาพจิต และร่วมกันรณรงค์ให้สังคมมองเห็นความสำคัญของปัญหานี้ อีกทั้งสนับสนุนให้ใครที่มีความไม่สบายใจ มีปัญหาทางจิตใจ อย่าอายที่จะเข้าไปขอคำปรึกษา หรือรับการเยียวยา รักษาจากผู้เชี่ยวชาญ หรือจิตแพทย์

เจ้าชายวิลเลียม, เจ้าชายแฮร์รี และเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ ในพิธีฝังพระศพเจ้าหญิงไดอานา (รอยเตอร์)

หลังจากตั้งหลักได้ เจ้าชายแฮร์รียังกลายเป็นกำลังสำคัญของราชวงศ์อังกฤษร่วมกับ เจ้าชายวิลเลียม ดัชเชสแห่งเคมบริดจ์ ในการสานต่อพระราชกรณียกิจต่างๆ แทนสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 “สมเด็จย่า” ของพระองค์ รวมทั้งสานต่องานขององค์กรการกุศลต่างๆ ที่เจ้าหญิงไดอานา ทรงริเริ่ม และทรงเป็นองค์อุปถัมภ์ แล้วยังเป็นผู้ก่อตั้งการแข่งขันอินวิคตัส เกม การแข่งขันของทหารผ่านศึกที่พิการจากการปฏิบัติหน้าที่ ให้มีพื้นที่ได้แสดงศักยภาพ ความสามารถกัน

เจ้าชายแฮร์รี ในวันนี้ยังกลายเป็นที่รักของผู้คน และสื่อ อินกริด ซีวอร์ด บรรณาธิการนิตยสารมาเจสตี ให้สัมภาษณ์เอเอฟพีว่า “ผู้คนรักในความขี้เล่น และความไม่ซับซ้อนของพระองค์ ไม่ว่ายังไง พระองค์ก็ดูเหมือนเด็กหนุ่มคนหนึ่ง ซึ่งฉันคิดว่านั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมพวกเราจึงรักพระองค์ และชอบที่จะติดตามดูชีวิตของพระองค์”

เจ้าชายแฮร์รี

และวันนี้ ก็ดูเหมือน เจ้าชายแฮร์รี ทรงพร้อมแล้วที่เผชิญกับอนาคตที่รออยู่เบื้องหน้า ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรก็ตาม

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image